“โอ้ สวีอวิ๋นอวิ๋นของพวกเราคนนี้มีคนที่ชอบแล้วงั้นเหรอ?”
กู้หยุนหลันพูดหยอก
สวีอวิ๋นอวิ๋นเอามือปิดหน้าผากและพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “คนในครอบครัวของฉันแนะนำคนๆหนึ่งให้ เป็นคนรวยรุ่นที่สอง ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับเขานิดหน่อย นี่ไม่ใช่การมาขอคำปรึกษาเธองั้นเหรอ”
“คนรวยรุ่นที่สองเนี่ยนะ”
กู้หยุนหลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
กู้หยุนหลันไม่ค่อยชอบพวกคนรวยรุ่นที่สอง เพราะคนรวยรุ่นที่สองห้าหกคนที่อยู่รอบตัวเธอล้วนแต่เป็นพวกเสแสร้ง แต่ที่มีความสามารถจริงๆกลับมีไม่กี่คน โดยพื้นฐานแล้วทุกคนจะเอาเงินของครอบครัวไปผลาญข้างนอก
สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้ว่ากู้หยุนหลันไม่ชอบพวกคนรวยรุ่นที่สองมาตลอด ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปฏิเสธเหล่าคนรวยรุ่นสองจำนวนมากที่มาไล่ตามจีบแต่กลับไปอยู่กับหลี่โม่แทน
เหลือบมองไปที่หลี่โม่แล้ว สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้สึกว่าหลี่โม่นั้นเป็นพวกแต้มบุญสูงมากจริงๆ ถึงเป็นคนที่กู้หยุนหลันถูกใจ เป็นเด็กยากจนที่ไม่มีอะไรแต่กลับได้แต่งงานกับหญิงสาวที่งามเพียบพร้อม
“ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ติดต่อกับคนรวยรุ่นที่สองเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้ติดต่อกันอย่างลึกซึ้งกับพวกเขามากนัก ถึงแม้ว่าฉันต้องการจะแต่งงานพวกคนรวยรุ่นที่สองเพื่อชีวิตที่ดี แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องหาคนที่มีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันอยู่ดีนั่นแหละ”
กู้หยุนหลันพยักหน้าและเห็นด้วยอย่างมากกับคำพูดของสวีอวิ๋นอวิ๋น ถ้าหากเจอพวกคนรวยรุ่นที่สองบุคลิกลักษณะไม่ดีแล้วล่ะก็นั่นเท่ากับกระโดดเข้าไปในกองไฟเลยทีเดียว
“จะต้องหาคนที่มีบุคลิกที่ดีจริงๆ แต่ทว่าฉันไม่เคยเจอคนรวยรุ่นที่สองอย่างที่เธอพูดเลย และช่วยให้คำปรึกษาไม่ได้ด้วย อย่างน้อยที่สุดจะต้องเจอหน้ากันก่อนถึงจะสามารถตัดสินได้”
กู้หยุนหลันพูดด้วยความรู้สึกลำบากใจ
มันเป็นเรื่องที่กู้หยุนหลันไม่เต็มใจที่จะออกความเห็นให้กับเพื่อนสนิทมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ง่ายเลยที่สวีอวิ๋นอวิ๋นจะได้เจอกับคนที่มีความคิด โดยสรุปคือไม่สามารถใช้คำพูดไร้สาระไม่กี่คำมาทำลายโชคชะตาของเพื่อนสนิทได้หรอก
หลี่โม่หยิบรายการเมนูขึ้นมาดูแล้วเอียงหัวถามว่า “หยุนหลัน คุณจะดื่มอะไร? ลาเต้หรือว่าคาปูชิโน่ ไม่อย่างนั้นก็แบบดริป”
“งั้นดื่มแบบดริปแล้วกันนะ ถึงแม้ว่าแบบดริปของที่นี่จะราคาแพงไปสักหน่อย แต่รสชาติดีมาก ฉันเลี้ยงเอง”
ที่สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดพร้อมกับคว้ารายการเมนูมาจากมือของหลี่โม่แล้วเริ่มสั่งอย่างรวดเร็ว
“หยุนหลันดื่มแบบดริป หลี่โม่คุณจะดื่มอะไร? น่ากลัวว่าคุณจะไม่ชินกับการดื่มกาแฟสินะ ฉันคิดว่าคุณดื่มน้ำผลไม้ก็พอแล้ว รสชาติของกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ไม่เหมาะกับคุณ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นดูถูกหลี่โม่อยู่นิดๆ
กู้หยุนหลันตบหลังมือของหลี่โม่เบาๆแล้วส่งสายตาบอกหลี่โม่ว่าอย่าโกรธเลย จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “หลี่โม่ดื่มกาแฟดริปเหมือนกันนั่นแหละจ้ะ”
“เฮ้ เธอแน่ใจนะสามีของเธอจะชินกับการดื่มกาแฟ? ที่ร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกสำหรับกาแฟดริปหลายชนิดเลยนะ ไม่อย่างนั้นดื่มบลูเม้าท์เท่นแล้วกัน”
สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดกับตัวเองเสร็จสรรพแล้วสั่งเมนูจนเสร็จเรียบร้อยโดยไม่รอให้กู้หยุนหลันบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่
“กาแฟบลูมาท์เทนแบบดริปสามแก้ว นี่ หลี่โม่ รสชาติที่บริสุทธิ์ของกาแฟที่ชงด้วยมือไม่ใช่แบบที่คนธรรมดาจะคุ้นเคย อีกเดี๋ยวนายอย่าพ่นกาแฟออกมาล่ะ มันจะน่าขายหน้าเกินไป”
สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดพร้อมกับเหล่มองหลี่โม่
หลี่โม่ยิ้มจางๆ ไม่ได้รับเอาคำพูดของเด็กสาวที่ไม่มีประสบการณ์อะไรอย่างสวีอวิ๋นอวิ๋นมาใส่ใจ
กู้หยุนหลันไม่ต้องการทำให้หลี่โม่ต้องอับอายจึงเปลี่ยนประเด็นและพูดว่า “ ทำไมเธอไม่เรียกคนรวยรุ่นที่สองของเธอออกมาล่ะ จะได้พูดคุยกัน พวกเราจะได้ช่วยเธอสังเกตเขา”
“ฉันเองก็คิดแบบนี้ แต่ว่ามันกะทันหันเกินไปที่จะเรียกเขามาตอนนี้ วันมะรืนนี้จะมีงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์ เขาชวนฉันไปด้วย ฉันกำลังคิดว่าพวกเธอก็น่าจะมาด้วย ทุกคนจะได้พูดคุยกันในงานเลี้ยง บางทีมันอาจจะเปิดเผยนิสัยของเขามากขึ้นก็ได้”
ในที่สุดสวีอวิ๋นอวิ๋นก็พูดจุดประสงค์ของเธอออกมา เมื่อเห็นกู้หยุนหลันลังเล สวีอวิ๋นอวิ๋นควักบัตรเชิญของงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์ออกมาแล้วยัดลงในมือกู้หยุนหลันปโดยตรง
“หยุนหลัน เธอไม่ต้องลังเลแล้ว ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบงานเลี้ยงที่พวกคนรวยรุ่นสองจัด แต่ว่าฉันเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ความสุขของฉันจะต้องขอร้องเธอแล้ว เธอช่วยฉันตรวจสอบหน่อยนะ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นดึงแขนของกู้หยุนหลันแล้วทำท่าออดอ้อน กู้หยุนหลันจึงพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “โอเคโอเค ฉันจะไปก็ยังไม่ดีเหรอ แต่ยังไงก็ตาม งานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ฟังดูไม่ใช่งานจริงจัง เดาว่าพวกคนรวยรุ่นที่สองจำนวนมากจะต้องควงสาวสวยมาร่วมงานแน่ๆ”
“เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติงั้นเหรอ คนรวยคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรก็หวังว่าจะไม่ทำอะไรที่มากเกินไป ขนาดนั้น การแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยต้องแบกรับภาระอย่างหนักอยู่แล้วล่ะ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นกล่าวอย่างขมขื่น
พนักงานได้ยกกาแฟที่มีกลิ่นหอมโชยเข้ามา ความคับข้องใจบนใบหน้าของสวีอวิ๋นอวิ๋นถูกกวาดหายไปในพริบตา
“มา หยุนหลันเธอลองดื่มกาแฟดริปของร้านนี้ดู มันดีจริงๆนะ”
พนักงานเสิร์ฟรูปหล่อมองสวีอวิ๋นอวิ๋นและกู้หยุนหลัน ขณะที่มองดูใบหน้าอันสวยงามของทั้งสองคน ทันใดนั้นก็มีความคิดที่อยากจะตีสนิทด้วย
การจีบสาวสวยที่มาดื่มกาแฟกลายเป็นเรื่องปกติของนักงานเสิร์ฟรูปหล่อคนนี้ไปแล้ว ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาของเขา เขาจึงได้รับการผลักดันจากลูกค้าสาวๆจำนวนมาก
“คุณผู้หญิงท่านนี้รู้จักสินค้าดีจริงๆเลยครับ นี่คือเมล็ดกาแฟบลูเมาท์เทนที่เพิ่งคั่วสดใหม่และผมทำการบดสำหรับชงแบบกาแฟดริป รสชาติเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก คุณผู้หญิงทั้งสองท่านสามารถหลับตาแล้วสูดหายใจลึกๆเพื่อสัมผัสถึงความหอมละมุนของกาแฟ รสดาร์กชอคโกแลตเข้มข้นมาพร้อมกับกลิ่นของดอกไม้และผลไม้ และสัมผัสได้ถึงลมหายใจลมหายใจของป่าฝนเขตร้อนที่แฝงอยู่”
สวีอวิ๋นอวิ๋นหลับตาแล้วสูดหายใจลึกลงในถ้วยกาแฟเหมือนกับว่ากำลังทำตามขั้นตอนที่พนักงานรูปหล่อพูด
กู้หยุนหลันลูบหน้าผากของเธอแล้วสงสัยว่าเธอควรจะขัดจังหวะการกระทำของสวีอวิ๋นอวิ๋นหรือไม่ การสูดหายใจในถ้วยกาแฟแบบนี้มันดูไม่ดีจริงๆ
พนักงานเสิร์ฟรูปหล่อเห็นว่ากู้หยุนหลันไม่ได้ทำตาม จึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “สาวสวยท่านนี้ ทำไมคุณไม่รับความรู้สึกสักหน่อยล่ะครับ? การดื่มกาแฟดริปครั้งแรกต้องมีพิธีกรรมรับความรู้สึกนะครับ การดมกลิ่นหอมเป็นการโหมโรงที่สำคัญ”
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมของหลี่โม่ดังขึ้น มันดึงดุดดสายตาของพนักงานเสิร์ฟรูปหล่อ เขามองไปทางหลี่โม่ด้วยความเหลืออดขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณบอกว่านี่ชงด้วยเมล็ดกาแฟที่เพิ่งคั่วบดเสร็จใหม่ๆเหรอ?”
หลี่โม่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไร”
“คุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าเมล็ดกาแฟนี้ใช้การคั่วระดับไหน?”
พนักงานเสิร์ฟรูปหล่อชะงักไปชั่วครู่ เขาก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง รู้ระดับการคั่วที่ไหนกัน เมื่อได้ยินคำถามของหลี่โม่แล้ว สมองก็ติดขัดทันที
“นี่มัน มันก็ควรจะเป็นเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนสิ คุณถามแบบนี้ทำไม ผมกำลังพูดถึงการรับรู้ความรู้สึกในการดื่มกาแฟอยู่นะ”
พนักงานเสิร์ฟรูปหล่อมองหลี่โม่อย่างไม่พอใจ
“หลี่โม่ คุณจะมาสร้างความวุ่นวายอะไรที่นี่ หยุนหลันดูแลสามีของเธอด้วย พาเขาออกไปจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้าผู้คน”
สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา
“สวีอวิ๋นอวิ๋น เธอฟังหลี่โม่พูดให้จบก่อนโอเคไหม”
กู้หยุนหลันเกลี้ยกล่อม
สายตาของสวีอวิ๋นอวิ๋น จ้องเขม็งไปที่หลี่โม่อย่างดุเดือด “ก็ได้ ดูสิว่าเขาจะพูดอะไร”
“ข้อแรกเลย ผมสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นมืออาชีพของเขา ถ้าเขาเป็นบาริสต้าจริงๆคงไม่พูดถึงระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟอย่างผิดๆ เพียงแค่มองผ่านสีที่เข้มข้นของกาแฟถ้วยนี้ก็รู้แล้วว่าชงมาจากเมล็ดกาแฟคั่วระดับเข้ม”