บทที่ 737 เจ็ดอารมณ์ของโฮ่วถู่ (7)
บนท้องฟ้า ณ ที่อยู่ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่
“เจ้า ช้าก่อน!”
นางมารน้อยกัดฟันกล่าว “เมื่อข้าออกมาอีกครั้ง ข้าจะโกนหัวเจ้า และแกะสลักเต่าขนสีเขียวบนหัวของเจ้าอย่างแน่นอน!”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คลี่ยิ้มสบายๆ และส่ายศีรษะ เขาแอบบดขยี้ไข่มุกในมือเบาๆ อย่างลับๆ แล้วดึงแผนภาพไท่จี๋กลับมา
จากนั้นลำแสงสีทองก็สาดส่องลงมาและโอบล้อมรอบกายนางมารน้อยที่ขุ่นเคือง ก่อนจะค่อยๆ ดึงนางตรงไปหาราชินีโฮ่วถู่บนท้องฟ้า…
ในอีกมุมหนึ่งนั้น
“ขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน”
จ้าวกงหมิงโค้งคำนับให้กับร่างจำแลงแห่ง “ความกลัว” ที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาถอดหน้ากากของเขาออกและยิ้มอย่างขออภัย
บัดนั้นร่างจำแลงแห่ง “ความกลัว” ที่ถูกยังลำแสงสีทองควบคุมพันธนาการเอาไว้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในตอนนี้ นางทำหน้าถมึงทึงอย่างดุร้ายใส่จ้าวกงหมิง ซึ่งดูราวกับว่ากำลังโต้ตอบ เอาคืนกลับเป็นหลายสิบเท่าต่อการที่นางถูกทำให้หวาดกลัว
อีกมุมหนึ่งนั้น ร่างจำแลงแห่งความโกรธซึ่งยังถูกลำแสงสีทองควบคุมเอาไว้เช่นกัน ก็ก่นด่าสาปแช่งไท่อี่เจินเหรินที่ด้านล่าง
“ฝากไว้ก่อน! เจ้าสารเลว! ไว้เจอกันคราวหน้า ข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เจอกัน!”
ไท่อี่เจินเหรินที่มีจมูกฟกช้ำและใบหน้าที่บวมเป่งเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
เขาก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมา ในขณะนั้นเขามีพลังลมปราณอ่อนแอ
ในทิศทางที่เหล่าผู้เป็นเซียนทั้งเก้าก้าวเข้าสู่โลกใบเล็กนี้ ไท่อี่เจินเหรินก็ดึงหม้อหยกของเขาออกมา และยืนขึ้นเพื่อโค้งคำนับให้ร่างจำแลงแห่งความปรารถนา
จากนั้นเขาก็กล่าวเบาๆ ว่า “ขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน”
“เฮ่ย!”
ครั้นเมื่อร่างจำแลงแห่งความปรารถนาถูกแสงสีทองกลืนหายไป นางก็ก่นด่าสาปแช่งและกล่าวบางอย่าง เช่นว่า “สัตว์ประหลาด” และ “พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ประหลาด”
จากนั้นสัมผัสเซียนรับรู้ของเหล่าเซียนก็มุ่งไปสู่สถานที่ที่ร่างจำแลงสุดท้ายอยู่
มีลำแสงสีทองหลายสายสาดส่องลงมาราวกับโซ่ตรวน และค่อยๆ ช่วยให้เด็กสาวผู้เศร้าโศกซึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล
“เฮ้อ…”
ในขณะนั้น ความเศร้าน้อยก็ถอนหายใจเบาๆ นางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลจากหางตาของนางอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
นางมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว และเทพธิดาอวิ๋นเซียว ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้านาง และกล่าวเบาๆ ว่า “ดูสิ ข้าไปไกลเพียงนั้นไม่ได้ อย่างไรของปลอมก็ยังคงเป็นของปลอม
จะผิดหรือถูก หากผิดก็แก้ไข และข้าก็เป็นผู้ที่กำลังถูกแก้ไข”
หลี่ฉางโซ่วเผยรอยยิ้มอบอุ่นและส่ายศีรษะช้าๆ
ขณะที่ความเศร้าน้อยพึมพำ นางก็ถูกดึงขึ้นอย่างช้าๆ
นางกล่าวว่า “แม้ข้าจะรู้ว่า เจ้าไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อข้า แต่ข้าก็… ขอบคุณสำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
ข้าพูดบางอย่างมากไปก็ไร้สาระและเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก…
ไยข้าถึงน่าสมเพชเช่นนี้?
ข้ารู้ว่ามันเป็นชะตากรรมเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นเพราะพวกเจ้ามีความคิดบางอย่างที่ไม่ควรคิด ทว่าในท้ายที่สุด เจ้าก็ยังต้องทำเช่นนี้ ทั้งที่รู้ชัดว่ามันเป็นเช่นนี้ .. ข้ารู้ ข้าเข้าใจ…. ”
อวิ๋นเซียวกัดริมฝีปากของนางเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีไป
ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วมองไปที่ความเศร้าน้อยอย่างสงบและหายใจออกมาช้าๆ
เขายิ้มและกล่าวว่า “ว่าแต่ ท่านมีนามใดหรือไม่?”
“ข้า… ข้าเป็นเพียงร่างแปลง เป็นแค่ส่วนหนึ่งของอารมณ์ทั้งเจ็ดของโฮ่วถู่เท่านั้น เป็นส่วนหนึ่งของความคิดของนาง”
“เช่นนั้น ต่อจากนี้ไป ข้าจะยังเรียกท่านว่า ความเศร้าน้อย”
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจนว่า “ข้ามีนามว่า ฉางเกิง ข้าเป็นศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน และเทพวารีแห่งศาลสวรรค์
ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้รู้จักท่านและเป็นสหายเต๋าของท่าน เราสามารถบรรลุสิ่งต่างๆ ที่เราทำ ในวันนี้ให้สำเร็จด้วยกัน และช่วยราชินีโฮ่วถู่ได้ นับเป็นโชคดีมหาศาลไปสามชาติ ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก!”
“ข้า-ข้า…”
ในขณะนั้นความเศร้าน้อยที่ถูกดึงขึ้นไปในอากาศ ก็ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาของนาง
เสียงของนางค่อยๆ เงียบลงไปแล้ว แต่นางก็ยังคงตะโกนต่อไปว่า “ข้าคือ โฮ่วถู่ ข้าคือ ข้าคือความเศร้าที่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลมอบให้โฮ่วถู่ นามของข้าคือ โฮ่วถู่ ความเศร้าน้อย…
ข้าได้พบเจ้า ได้รู้จักเจ้า และเป็นสหายเต๋าของเจ้า… ข้า!”
ทันใดนั้น พร้อมด้วยแสงสีทองสว่างวาบ แล้วร่างของนางก็หายวับในอากาศไปพร้อมกับร่างจำแลงอื่นๆ อีกหกร่าง
หลี่ฉางโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างช้าๆ และมองลงไปยังไข่มุกที่ตกลงมาต่อหน้าเขา ราวกับว่า เขาได้ยินเสียงนั้น…
ข้ามีความสุข
“ท่านไม่เศร้า ไม่โง่?”
หลี่ฉางโซ่วหยิบไข่มุกขึ้นมาและกล่าวว่า “ข้าได้แก้ไขมันแล้ว ก่อนที่ท่านจะใส่ความเศร้าของท่านลงในไข่มุกเม็ดนี้ ข้าก็ได้หลอมละลายมันออกไปแล้ว มันจะมีความสุขตลอดไป”
ในยามนั้น ก็มีมือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับแขนของเขาช้าๆ หลี่ฉางโซ่วกระซิบว่า “ไม่ต้องห่วง หัวใจเต๋าของข้าแข็งแกร่งยิ่งนัก”
อวิ๋นเซียวร่อนร่างลงมาอย่างนุ่มนวล แต่นางไม่ได้ปล่อยแขนของหลี่ฉางโซ่ว
บนท้องฟ้า แสงสีทองค่อยๆ จางหายไป
ในขณะนั้น ไข่มุกสีแตกต่างกันเจ็ดสีก็กำลังหมุนวนไปรอบๆ ราชินีโฮ่วถู่ และเสี้ยวพลังแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดก็กลับคืนสู่ร่างของราชินีโฮ่วถู่ พวกมันต่างหักล้างและแก้ไขซึ่งกันและกัน และทำให้เป็นกลางในทันที
ทันใดนั้น โฮ่วถู่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกาย แล้วไข่มุกทั้งเจ็ดที่อยู่รอบกายนางก็ระเบิดขึ้นพร้อมๆ กัน จากนั้นร่างจำแลงทั้งเจ็ดที่ไม่อาจต้านทานได้ ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสโฮ่วถู่ อย่า…”
“ไม่เป็นไรหรอก”
จากนั้นก็มีแสงบางเบาในดวงตาของโฮ่วถู่ นางจ้องมองไปที่ร่างจำแลงทั้งเจ็ดที่สูญเสียพลังส่วนใหญ่แห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดของพวกนางไปเกือบหมด แล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นที่มุมปาก
จากนั้น นางก็ถอดวงแหวนหญ้าบนศีรษะออก แล้วกล่าวเบาๆ
“เราจะแบกรับความเจ็บปวดทนทุกข์ของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
เราจะแบกรับความอาฆาตแค้นของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
เราจะแบกรับความเกลียดชังของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
เหตุใดเราจะทนกับความเศร้า ความชั่วร้าย ความปรารถนา ความสุข ความกลัว ความรัก และความโกรธของตัวเราเองไม่ได้?”
คิ้วของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ศิษย์เสวียนตูค่อยๆ ผ่อนคลายลงที่ละน้อย
เขายิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านตัดสินใจได้ด้วยตัวท่านเอง
ทว่าหากท่านไม่อาจยับยั้งมันได้ในครั้งต่อไป ก็โปรดแจ้งให้ข้ารู้ก่อนเสียแต่เนิ่นๆ เถิดขอรับ”
“ได้ ขอบใจ”
โฮ่วถู่ตอบกลับอย่างนุ่มนวล ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และนางก็ค่อยๆ ใช้นิ้วเรียวของนาง ดันวงแหวนหญ้าออกไปข้างหน้า
จากนั้นร่างจำแลงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดก็กลายเป็นลำแสง และรวมเข้ากับวงแหวนหญ้า แล้ววงแหวนหญ้าก็บินกลับเข้าไปในอ้อมแขนของโฮ่วถู่ และโฮ่วถู่ก็กอดมันเอาไว้ในอ้อมอกของนาง
“ต่อไปทำตัวดีๆ”
………………………………………………………………..