ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 24 เมาค้าง

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

‘จิ๊บจิ๊บ’ เมื่อได้ยินเสียงนกร้อง เฮเลนาก็ฝืนยกร่างกายที่หนักอึ้งขึ้นมาอยู่ในท่าคลาน

ศีรษะเจ็บปวดมากจนคิดอะไรไม่ได้ ปวดจนหัวสมองที่ปกติก็ไม่ค่อยแล่นอยู่แล้วถึงกับโยนการใช้ความคิดทิ้งไปโดยสมบูรณ์ ตอนนี้หากมีใครเอาหนังสือสัญญามายื่นให้ ไม่ว่ามันจะมีเงื่อนไขอะไรเธอก็คงยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้เลยกระมัง

สาเหตุที่มันเป็นแบบนี้ เธอก็รู้ดี รู้ซึ้งเป็นอย่างดีเลยล่ะ

เมื่อคืน เธอดื่มหนักเกินไป

 

“โอย……ปวดหัว……”

 

เอาแค่เท่าที่จำได้ก็ซัดเกลี้ยงไปสามขวดแล้ว

ซ้ำร้าย มันไม่ใช่สุราชั้นเยี่ยมที่ขอยืมมาจากบ้านเรลโนต แต่เป็นสุราราคาถูกที่มีขายทั่วไปในเมือง ว่ากันว่าสุราชั้นเลิศจะไม่ค่อยตกค้างในร่าง แต่กับสุราราคาถูกซึ่งเป็นของบกพร่องแล้ว ปริมาณที่ตกค้างมันดุเดือดมาก

ซึ่งแปลว่าตอนนี้เฮเลนาปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนยืนไม่ไหว คลื่นไส้ไม่หยุด แล้วก็รู้สึกอ่อนเพลียสุด ๆ

เมาค้างโดยสมบูรณ์

 

“น น้ำ……”

 

ภาพของเธอที่คลานไปทางครัวทั้งชุดนอนนั้น ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ทั้งบุตรีขุนนางหรือนักรบ เป็นเพียงขี้เมาที่น่าสมเพชเวทนา

ถึงสภาพนี้ดื่มน้ำไปสักแก้วก็คงไม่ดีขึ้น แต่แค่จะไปให้ถึงน้ำที่ว่าก็ยังไกลเหลือเกิน ความเป็นจริงมันน่าเศร้ายิ่งนัก

ถึงกระนั้น เฮเลนาก็ยังใช้พลังทั้งหมดมุ่งไปยังครัว—มุ่งไปหาเหยือกน้ำซึ่งวางอยู่ตรงนั้น

ในความรู้สึก มันเหมือนกำลังปีนหน้าผาสูงชัน

ในความเป็นจริง เธอกำลังคืบคลานไปมาบนพื้นพรม

 

“อุ อา……”

 

ทว่า แม้พลังเฮือกสุดท้ายนั้นก็แทบไม่หลงเหลือ เฮเลนาล้มฟุบไปอย่างหมดเรี่ยวแรง

ในตอนนั้นเอง มือของเธอก็ได้ไปโดนเข้ากับถังไม้รองเลือดซึ่งเธอวางไว้ใต้หอกที่แทงผู้บุกรุก จนทำให้มันล้มโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่คิดว่าจะไม่ให้มันเปื้อนพรมแท้ ๆ

และเลือดนั้นก็มาเปียกร่างของเฮเลนา

แม้เฮเลนาจะชินกับการที่เลือดของศัตรูกระเด็นมาโดนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปถึงขนาดที่อาบเลือดคนอื่นแล้วรู้สึกดี มีเลือดเย็น ๆ มาเปียกร่างแบบนี้ย่อมไม่สบายตัว

ทว่าเฮเลนาในตอนนี้ไม่มีวิธีจะป้องกันมันเลย ทำได้แต่รอให้เวลาผ่านไปเท่านั้น

ดังนั้นเฮเลนาจึงปิดตาลงอยู่กลางห้องทั้งอย่างนั้น

 

ก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะ

เกรงว่าคงอเลกเซียคงจะมาแล้วกระมัง แม้การถูกเห็นสารรูปเมาค้างจนล้มพับอย่างน่าสมเพชเวทนาเช่นนี้จะน่าอับอายอย่างมาก แต่เมื่อเธอขยับไม่ได้แบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้

อันดับแรกอยากจะให้อเลกเซียมาช่วยดูแลแล้วก็ดื่มน้ำหน่อย

แม้ใจจะคิดแบบนั้น แต่ร่างกายไม่ยอมขยับ

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเฮเลนา……”

 

เสียงที่เปิดประตูเข้ามาเป็นเสียงของอเลกเซียจริงด้วย

ถ้าเป็นคนอื่นเฮเลนาก็คงลังเลที่จะเผยสภาพอันน่าทุเรศเช่นนี้ แต่หากเป็นอเลกเซียก็คงไม่เป็นไรมั้ง ยังไงเธอก็ได้เห็นสภาพไม่น่ามองไปถึงไหนต่อไหนอยู่แล้ว อย่างเช่นตอนอาบน้ำ

ทว่า

สิ่งที่ดังตามมาหลังจากนั้นหนึ่งวินาทีกลับเป็น

 

“กรี๊ดดดดดด—!!??”

 

เสียงกรีดร้อง

 

ซึ่งมันก็เป็นธรรมดา เพราะเฮเลนานั้นนอนล้มอยู่กลางห้อง โดยบนเพดานมีหอกปักอยู่ และร่างของเธอก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด

ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็เป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมอะไรสักอย่างชัด ๆ

 

“ท ท่านเฮเลนา!?”

 

“อา เลก เซีย……”

 

รู้สึกไม่สบายซะจนลิ้นมันไม่ค่อยทำงาน

แม้แต่จะเปล่งวาจาออกมายังเหนื่อยเหลือเกิน อยากจะหลับไปทั้งแบบนี้เลย แต่ความเจ็บปวดในศีรษะมันก็คอยขัดขวางอยู่

เมื่อพบกับความทรมานที่ราวกับไม่มีวันจบสิ้นนี้ เฮเลนาก็ไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาขึ้น

 

“ท่านเฮเลนา! เกิดอะไรขึ้นคะ!? แล้วฝ่าบาท……!?”

 

“ฝ่า บาท……”

 

จะว่าไปอเลกเซียก็ไม่รู้ว่าฟาร์มาสกลับไปกลางคันแล้วนี่นะ

งั้นอย่างน้อยก็ต้องบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เห็นภาพเหตุการณ์เมาค้างนี้

 

“ม่ายอยู่ ที่ นี่……”

 

“งั้นโดนลักพาตัวไปหรือคะ!? โดยใครกัน!? มีใครที่ทำร้ายท่านเฮเลนาได้ถึงขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ!?”

 

“อา เลก เซีย……”

 

“ค่ะ! ท่านเฮเลนา โปรดอย่าพูดอะไรอีกเลยค่ะ! ข้าจะไปตามแพทย์หลวงมาเดี๋ยวนี้!”

 

แพทย์หลวง?

ของแบบนั้นไม่จำเป็นสักหน่อย

ยาที่ดีที่สุดสำหรับอาการเมาค้างก็คือเวลา ทั้งความทรมานนี้ ทั้งความรู้สึกไม่สบายนี้ เวลาคงจะช่วยเยียวยามันเอง ไม่อยากลงทุนดื่มยาขมเพียงเพราะแค่เมาค้างอ่ะ

ดังนั้นเฮเลนาจึงส่ายหน้า

 

“อาเลกเซีย……ม่ายต้อง แพดหลวง……ม่ายต้อง”

 

“ม ไม่จริงน่า!? ท่านเฮเลนา! ได้โปรดทำใจดี ๆ ไว้นะคะ! มันยังไม่สายเกินไปหรอกค่ะ!”

 

ทว่า

วาจาเหล่านั้นของเฮเลนา หากดูจากมุมของอเลกเซียแล้วก็เหมือนการยอมรับความตาย

ปริมาณโลหิตที่กระจายอยู่บนพื้นพรมนั้น ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นปริมาณถึงตาย การที่เฮเลนายังมีชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ต่างหากที่แปลก

ดังนั้นจึงเข้าใจถ่องแท้ถึงวาระสุดท้ายของตนเอง และปฏิเสธหมอเช่นนี้—เป็นวิถีชีวิตในฐานะนักรบที่น่านับถือ

อเลกเซียมีน้ำตารื้นขึ้นมาในดวงตาทั้งสอง แต่ก็พยายามกลั้นไว้ไม่ให้มันไหลออกมา

 

เฮเลนาได้ใช้ชีวิตของตนเองเข้าแลกเพื่อปกป้องฝ่าบาท

เกรงว่าคงจะต่อสู้โดยมีเพียงหอกเฉพาะหน้าที่ทำขึ้นด้วยมีดทำครัวมัดปลาย และจากการต่อสู้อันดุเดือดมันจึงกระเด็นไปปักบนฝ้าเพดานแบบนั้น

และฝีมือระดับเฮเลนา หากเอาชีวิตของตนเข้าแลกย่อมต้องถ่วงเวลาเพียงพอให้ฝ่าบาทหลบหนีไปได้

ดังนั้นแล้ว สิ่งที่อเลกเซียสามารถทำได้—

 

“ท่านเฮเลนา”

 

“อา……”

 

“มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้หรือไม่คะ? ได้โปรดบอกมาได้ทุกอย่าง เพื่อท่านเฮเลนาแล้วไม่ว่าสิ่งใดข้าก็จะทำค่ะ”

 

นั่นก็คือการสืบสานเจตนารมณ์นั้น

ราวกับว่าเฮเลนารู้สึกวางใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอยิ้มออกมาทั้งที่ตายังปิดอยู่

 

จากนั้น

 

“……ขอ น้ำ”

 

“……คะ?”

 

“น้ำ……กับถังไม้ ช่วยเตรียม ให้หน่อย……เร็วเข้า ขอร้อง”

 

เฮเลนาได้บอกคำขอที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้

อเลกเซียชะงักไปชั่วครู่กับคำขอที่แปลกประหลาด แต่เมื่อเป็นวาระสุดท้ายของผู้เป็นนาย หากบอกว่ามันจำเป็นเธอก็จะเตรียมให้

เธอรินน้ำจากเหยือกใส่แก้ว และจัดเตรียมถังไม้ที่ใหญ่ขนาดศีรษะของเฮเลนา

 

“ท่านเฮเลนา เตรียมมาแล้วค่ะ”

 

“ขอบ ใจ……”

 

เฮเลนากระดกดื่มน้ำจนหมดแก้ว

แม้อเลกเซียจะตาโตว่า ‘ทำไมยังดูแข็งแรงขนาดนั้นนะ’ แต่ในความสับสนก็ไม่ได้เปล่งวาจาอะไรออกมา

เฮเลนาร้อง ‘อุฟ’ พลางส่งลมหายใจเหม็นเหล้าคละคลุ้ง

จากนั้น

 

“อ้วกกกกกกกกกก!!!”

 

ปล่อยทุกสิ่งที่เหลืออยู่ในกระเพาะออกมาใส่ถังไม้นั้น

ขย้อนออกมาอย่างเต็มแรง

 

 

 

 

 

 

 

“……อย่าทำให้ตกใจสิคะ ท่านเฮเลนา”

 

“เอ่อ ขอโทษจริง ๆ นะ……”

 

เฮเลนาที่ได้อาเจียนไปแล้วและรู้สึกโล่งขึ้นมาก ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟา แน่นอนว่าชุดนอนที่ชุ่มโลหิตโดนอเลกเซียจับเปลี่ยนแบบแกมบังคับ แล้วก็ถูกพาไปอาบน้ำแบบแกมบังคับแล้ว

จากนั้นก็ได้มานั่งบนโซฟา และเฮเลนาที่กำลังปวดหัวกับไม่สบายตัวจนแทบจะตายให้ได้ก็เริ่มอธิบายสถานการณ์อย่างทุลักทุเล จนมาจบที่ปัจจุบันนี้เอง

เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

 

“เอ่อ ข้าเองก็ไม่คิดนี่นาว่ามันจะเหมือนสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมขนาดนั้น”

 

เฮเลนาล้มอยู่โดยมีเลือดโชก

หอกที่ทำขึ้นเฉพาะหน้าเสียบห้อยต่องแต่งอยู่บนฝ้าเพดาน

ขวดสุราห้าขวดว่างเปล่ากระจัดกระจายอยู่บนพื้นพรม

 

ใครมาเห็นเข้าก็คงบอกว่าเป็นสถานที่เกิดเหตุทั้งนั้น

 

“กรุณางดเว้นสุรานะคะ”

 

“ไม่สิ คือว่า……”

 

“กรุณางดเว้นนะคะ เข้าใจไหมคะ?”

 

“……ค่ะ”

 

ถูกเห็นสภาพแบบนี้วันนี้เข้า ก็ย่อมไม่สามารถปฏิเสธอย่างแข็งขันได้

‘หากคนอื่นมาเห็นสภาพเมาค้างแบบนี้ล่ะก็’ เพียงคิดแค่นั้น จะบอกให้งดเว้นสุราก็ไม่แปลกเลย

การที่ไม่ถึงกับบอกให้เลิกเด็ดขาด ก็ควรขอบคุณความใจดีของอเลกเซียมากแล้ว

 

“อา……ปวดหัว”

 

“ทำไมดื่มไปขนาดนั้นล่ะคะ”

 

“เรื่องนั้น……”

 

เธอนึกย้อน ถึงจุมพิตกลั่นแกล้งในตอนที่ฟาร์มาสจากไป

เพียงแค่นั้นก็รู้สึกเหมือนความปวดหัวมันเพิ่มขึ้นมาแล้ว

 

“ก็……หลาย ๆ อย่างน่ะ”

 

“……งั้นหรือคะ เอาเถอะ ไม่บอกก็ไม่เป็นไรค่ะ”

 

อเลกเซียส่งสายตาเคลือบแคลงใส่เฮเลนาที่พยายามกล่าวเช่นนั้นเพื่อกลบเกลื่อน

ทำไงดีนะ—ระหว่างที่กำลังคิดแบบนั้นด้วยหัวที่กำลังปวด

 

ก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะ

 

ผู้ที่เดินไปรับคืออเลกเซีย คนที่มาห้องเฮเลนาแต่เช้าตรู่เช่นนี้คือใครกันนะ อย่างน้อยก็คงไม่ใช่ “สนมฟ้าดารา” คุณหนูมาริเอลล่ะมั้ง

 

“ขออนุญาตค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา……กรี๊ดดดดดดด!?”

 

เมื่อพบแอ่งของโลหิตที่แผ่กระจายอยู่กลางห้อง

หัวหน้านางกำนัลรับใช้อิซาเบลจึงร้องออกมาสุดเสียง จนใบหน้าที่ปกติแล้วไร้สีหน้ายังบิดเบี้ยวไปด้วย

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท