ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 53 ความเข้าใจผิดของพระพันปี

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา ลูเครเซียก็เบิกตากว้างและมีความโกรธปรากฏในสีหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กลอกตาไปมา

และในที่สุดลูเครเซียก็กลับมามีรอยยิ้มดังเดิม

 

“อ้าวงั้นหรือ ขอโทษด้วยนะ ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไปน่ะ”

 

“……”

 

แม้กิริยาอาการเหล่านั้นจะเล็กน้อยมาก แต่ด้วยพลังสายตาในการอ่านการเคลื่อนไหวของนักรบผู้เจนศึกอย่างเฮเลนา มันก็เป็นความเร็วที่เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจนเหลือเฟือ ดังนั้นจึงล่วงรู้ความคิดของลูเครเซียได้แม้ไม่ตั้งใจ

ลูเครเซียคงกำลังคิดว่า ‘พูดเรื่องไม่ดีไปซะแล้วสิ’ อยู่เป็นแน่ เพราะถ้าลูเครเซียรับรู้ว่าฟาร์มาสมาวังหลังติดกันทุกวัน แต่ความจริงแล้วเขากลับไม่ได้มาหาเฮเลนา ก็เป็นธรรมดาที่จะคิดแบบนั้น

ควรจะชื่นชมความรวดเร็วในการตัดสินใจของลูเครเซีย ที่เข้าใจถึงเรื่องนั้นได้ในชั่วอึดใจเดียว และแกล้งทำเป็นกลบเกลื่อนเสียด้วยซ้ำ

 

“เอาเถอะ ขืนมาทุกวี่ทุกวันก็คงจะเดือดร้อนสินะ หนูเฮเลนาเองก็ไม่ได้ว่างด้วย”

 

“นั่นสินะคะ หากมาทุกวันข้าเองก็เหนื่อยเหมือนกัน”

 

“จะบอกฟาร์มาสให้แล้วกัน ว่าให้โผล่หน้ามาบ้างอย่าให้หนูเฮเลนากังวลใจน่ะ แต่เด็กคนนั้นเองก็งานยุ่ง คงจะมีหลายโอกาสที่มาหาไม่ได้ล่ะนะ”

 

แม้จะพูดแบบนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าลูเครเซียกำลังทำตาล่อกแล่ก

มันก็สมควรอยู่หรอก ทั้งที่ฟาร์มาสบอกว่าจะไปหาเฮเลนาแต่กลับไม่ได้มาหาเฮเลนา หากคิดดูแล้วมันก็จะแปลความได้ว่า เขามีธิดามังกรคนอื่นอยู่ แล้วใช้เฮเลนาเป็นข้ออ้างในการไปหาเธอคนนั้นนั่นเอง

จะนึกยังไงก็นึกได้แค่แบบนั้นเท่านั้น

 

ทว่า—

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฝ่าบาทเองก็งานยุ่ง ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกเขาว่าไม่ต้องลงทุนสละเวลาเพื่อมาหาข้าก็ได้ แบบนั้นจะดีกว่าค่ะ”

 

“ง งั้นรึ? แต่ดูเหมือนฟาร์มาสก็จะให้ความสำคัญกับหนูเฮเลนาอยู่นะ คืนนี้ก็น่าจะมาหาแล้วล่ะมั้ง?”

 

“เช่นนั้นข้าก็จะเตรียมต้อนรับไว้นะคะ”

 

“อืม……อืม แบบนั้นแหละดีแล้ว คืนนี้เขาก็ไม่น่าจะมีงานราชการอะไร แขกจากต่างชาติเองก็น่าจะไม่มีด้วย”

 

ลูเครเซียกล่าวเช่นนั้น

หากเชื่อในคำพูดนั้น คืนนี้เขาก็คงจะมาจริงล่ะมั้ง คืนนี้ฟาร์มาสจะมาในอารมณ์ไหนนะ จะอยากดื่มสุรา หรือน้ำชากันแน่

หากเป็นชาเธอก็ร่วมดื่มด้วยได้ แต่เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะงดเว้นการดื่มสุราต่อหน้าฟาร์มาส ต้องรักษาความตั้งใจนั้นไว้ให้ดี

 

“จ จริงสิ……เอ่อ ขอเปลี่ยนเรื่องสักหน่อย แต่หนูเฮเลนาอายุยี่สิบแปดใช่ไหมจ๊ะ?”

 

“ค่ะ ใช่ค่ะ”

 

“หนูเฮเลนาเองก็สวยแท้ ๆ ทำไมถึงยังไม่ได้แต่งงานมาจนป่านนี้ล่ะ?”

 

“เรื่องนั้น……”

 

เมื่อเจอกับการซักถามของลูเครเซีย เฮเลนาก็ลังเลที่จะเอ่ยคำ

ตั้งแต่อายุสิบสามเธอก็ได้สังกัดในกองทัพมาตลอดสิบห้าปี อยู่ในสถานการณ์ที่ต่อให้เป็นบุตรีมาร์ควิสก็ได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากทหารใหม่คนอื่น ๆ และเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนขัดเกลาฝีมือ ดังนั้นเมื่อมาถึงปัจจุบันนี้จึงมีฝีมือยุทธขนาดที่สามารถเอาชนะแปดยอดขุนศึกได้ถึงครึ่งหนึ่ง

ทว่าก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นเลย

นอกจากเวลาที่ออกไปในสนามรบและกวัดแกว่งขวานศึกแล้ว เธอก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีกนอกจากฝึกฝนร่างกาย กินอาหาร ขับถ่าย อาบน้ำ และร่ำสุรา ถ้าจะให้พูดละเอียดกว่านั้น เวลาว่างถึงเก้าในสิบส่วนล้วนหมดไปกับการฝึกฝนร่างกายทั้งนั้น

ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องความรัก และตัวเธอเองก็ไม่ได้สนใจจะมีความรักอยู่แล้วด้วย

 

ทว่าเฮเลนาก็ลังเล ว่าควรจะเล่าให้ลูเครเซียฟังเกี่ยวกับตัวของเธอเองที่พังพินาศสิ้นซากในฐานะผู้หญิงเช่นนั้นดีหรือไม่

หากเล่าไปแล้วอาจจะถูกบอกว่า ‘สตรีป่าเถื่อนเช่นนี้มิเหมาะสมคู่ควรกับจักรพรรดิอย่างฟาร์มาส’ ก็เป็นได้

แม้ผู้ที่เลือกมเหสีจะเป็นฟาร์มาส แต่ก็เป็นไปได้ว่าความเห็นของลูเครเซียอาจมีผลกระทบไม่มากก็น้อย

ในตอนนี้ฟาร์มาสต้องแสดงท่าทีว่ารักใคร่โปรดปรานเฮเลนาเพื่อรักษาสมดุลในราชสำนักไว้ ดังนั้นเธอไม่ควรจะทำให้มันเกิดการผิดแผนไปมากมายนัก

 

เพราะฉะนั้นเฮเลนาจึงลังเลที่จะพูด และมีสีหน้าอึมครึม

แม้หัวสมองที่น่าเสียดายจะพยายามทำงานอย่างเต็มพิกัดเพื่อนึกว่าควรอธิบายกับลูเครเซียว่าอย่างไรดีจึงจะถูกต้อง แต่มันก็นึกคำตอบที่เหมาะสมที่สุดไม่ออกเลย

 

“……งั้นรึ ขอโทษด้วยนะ ดูเหมือนฉันจะถามเรื่องที่พูดยากไปซะแล้วสิ”

 

ทว่าใบหน้าอึมครึมของเฮเลนานั้น จัดได้ว่าเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงชนิดหนึ่ง

ปกติแล้วอารมณ์ของเฮเลนาจะไม่ค่อยแสดงออกมาทางสีหน้า ต่อให้ใจกำลังร้อนรนขนาดไหนมันก็ไม่ปรากฏออกมาเบื้องหน้าเลย ดังนั้นใบหน้าอึมครึมอันเกิดจากความกังวลไม่รู้ว่าจะอธิบายความพังพินาศในฐานะผู้หญิงของตนเองให้ลูเครเซียฟังอย่างไรดี หากมองจากมุมของลูเครเซียแล้ว ผลลัพธ์มันก็จะกลายเป็นว่า เธอดันไปถามในเรื่องที่พูดยากและไปกระตุ้นความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงของเฮเลนาขึ้นมาซะแล้วนั่นเอง

ลูเครเซียส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าเสียใจและความเมตตาอย่างลึกซึ้งไปให้แก่เฮเลนา

 

“อ เอ่อ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คงจะมีเรื่องที่ขมขื่นสินะ……ฉันก็ตงิดใจมาแต่แรกแล้ว ว่าหนูเฮเลนาเองก็เป็นถึงลูกสาวของแอนตัน ชาติตระกูลก็ดี แถมยังเป็นคนสวย ตัวสูง เอวก็บางซะจนน่าอิจฉา ทำไมเด็กผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ถึงไม่ได้แต่งงานมาจนอายุยี่สิบแปดกันนะ มันน่าแปลกใจมากเลยล่ะ”

 

“……”

 

เฮเลนาไม่สามารถตอบอะไรได้

สิ่งที่ลูเครเซียพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด เฮเลนามาจากตระกูลมาร์ควิสเรลโนต ชาติกำเนิดจึงค่อนข้างสูง และใบหน้าก็ได้รูปครบเครื่อง หากตัดเรื่องที่มีกล้ามเนื้ออยู่ไม่น้อยออกไป รูปร่างเองก็สมบูรณ์แบบดี

ดังนั้นลูเครเซียคงคิดว่ามันแปลกสินะ เข้าใจดีเลยล่ะ เฮเลนาเองก็เข้าใจดี

 

ทว่าในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นความผิดของเจ้าตัวเองที่ไม่ได้สนใจเรื่องความรักจนเวลามันล่วงเลยมาขนาดนี้ มันคือความเป็นจริงอันน่าเศร้า

 

“ฉันจะไม่ถามอะไรแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก ฟาร์มาสน่ะแตกต่างจากชายในอดีตที่เคยทำร้ายหนูเฮเลนานะ เด็กคนนั้นเป็นชายที่จะทำให้สตรีที่ตนรักมีความสุข ดังนั้นวางใจเถอะจ้ะ ถ้าฟาร์มาสทำอะไรล่ะก็มาบอกฉันแล้วฉันจะไปต่อว่าเขาให้เอง”

 

“อ เอ่อ……ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”

 

และในเวลาเดียวกันนั้น เฮเลนาก็คิดว่า ‘ไม่รู้ทำไมแต่ดูเหมือนลูเครเซียจะเข้าอกเข้าใจไปได้ด้วยตัวเองแล้ว งั้นก็ดีแล้วล่ะมั้ง’ และตัดสินใจละทิ้งไม่คิดแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น หากตัดเรื่องที่ว่าไอ้ “ชายในอดีตที่เคยทำร้ายเฮเลนา” ที่ลูเครเซียพูดถึงมันคือใครกันเธอไม่รู้จักสักนิดออกไป จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ที่ได้รับความเห็นใจจากลูเครเซียเพราะเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่มีอยู่จริง สำหรับเฮเลนาแล้วก็มีแต่ข้อดีเท่านั้น

 

“ขอโทษด้วยนะ ดูเหมือนฉันจะถามเรื่องแปลก ๆ ไป”

 

“ม ไม่หรอกค่ะ……”

 

และขอแค่เฮเลนาไม่ปฏิเสธ ความเข้าใจผิดนี้ก็ไม่มีทางได้รับการแก้ไข แม้โดยสรุปแล้วมันจะเป็นการคิดไปเองของลูเครเซีย แต่เธอก็เข้าใจยอมรับเกี่ยวกับเหตุผลที่เฮเลนาไม่ได้แต่งงานมาจนถึงปัจจุบันได้แล้ว

จากนี้ไปเฮเลนาก็น่าจะไม่ได้ข้องแวะอะไรกับลูเครเซียมากขนาดนั้น ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องบอกอะไรไปเป็นพิเศษล่ะมั้ง

 

“จะว่าไปแล้ว……คุณแม่ของหนูเฮเลนาเนี่ย คืออดีต ‘ขุนศึกหมาป่าเงิน’ แม่ทัพเรย์ลา กาลีสินะ?”

 

“รู้เรื่องของแม่หรือคะ?”

 

“แน่นอนสิจ๊ะ สมัยเด็กฉันเองก็เคยได้ฟังเรื่องของแม่ทัพเรย์ลามาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง เป็นคนที่ถูกยกย่องว่าเป็นวีรสตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิกันเกรฟมาเลยนะ ได้ยินมาว่าตอนที่เธอบอกจะแต่งงานกับแอนตัน กองทัพเคยคิดจะลอบสังหารแอนตันกันอย่างจริงจังเลยล่ะ”

 

น่าเสียดาย แต่ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงเลย

เฮเลนาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคำพูดของลูเครเซีย ในความเป็นจริง สมัยเด็กเธอก็จำได้ว่าเคยได้ยินเรื่องแอนตันตกเป็นเป้าของมือสังหาร และผู้ที่จู่โจมไล่ตะเพิดมือสังหารทั้งหมดนั้นไปก็คือเรย์ลาเอง หลังจากนั้นเรย์ลาได้ประกาศว่า “ถ้าแอนตันตายไปข้าจะไปบัญชาการอยู่หน้าทัพของประเทศข้าศึก” พวกระดับสูงของกองทัพถึงได้รีบขอขมากันใหญ่

เป็นมารดาผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริง

 

“แล้วก็มีอันที่น่าจะเป็นแค่เรื่องโม้เกินจริงหลายเรื่องด้วยนะ อย่างเช่นวิ่งตัวเปล่าได้เร็วกว่าม้า หรือแค่ประกาศชื่อกองทัพข้าศึกห้าหมื่นคนก็หนีกระเจิง หรือโดนดาบฟันก็ยังไม่มีรอยแผล อะไรทำนองนั้น”

 

“ฮะฮะ……”

 

ยังไงก็ทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไปจริง ๆ

หากเป็นเรย์ลาแค่ประกาศชื่อทัพข้าศึกก็คงกลัวจนสั่นสะท้านไม่ผิดแน่ กองทัพห้าหมื่นคนจะหนีกระเจิงก็ไม่น่าแปลกใจเลย

เรื่องที่โดนดาบฟันแล้วไม่เป็นแผลเฮเลนาก็เคยเห็นมาแล้ว เจ้าตัวเคยพูดว่า “ของมีคมน่ะ ถ้าไม่รู้วิธีใช้ก็ฟันไม่เข้าหรอก” อะไรทำนองนั้น เป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์

ส่วนที่ว่าวิ่งเร็วกว่าม้าก็เรื่องจริงเหมือนกัน อันที่จริงเฮเลนาก็เคยไปท่องเที่ยวทางไกลด้วยกันกับเรย์ลาโดยที่เฮเลนาขี่ม้า ส่วนเรย์ลาเดินตัวเปล่า

 

และแล้วเวลาช่วงบ่ายก็ค่อย ๆ ผ่านไปในระหว่างที่พูดคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องของมารดาที่เสียไปแล้วเช่นนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากนั้น เมื่อจบการทานอาหารเย็นและอาบน้ำ เฮเลนาก็รอคอยการมาเยือนของฟาร์มาส

 

ทว่า—วันนี้ฟาร์มาสก็ไม่ได้มาอีกเช่นเคย

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท