『ที่เหลือฝากด้วยล่ะ อากาเนะ』
หลังจากเขาพูดคำนั้น คัตสึมิคุงก็หายตัวไป
เอาสามารถเอาชนะเวก้าและพวกเอเลี่ยนตัวอื่นๆได้สำรวจ เขาทำลายยานอวกาศของพวกมันก่อนจะถูกกลืนเข้าไปในรูหนอนพร้อมกับยาน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่กลับมา
「……」
ฉันฟาดฟันหุ่นจำลองที่ปรากฏตรงหน้าด้วยดาบในมือ
「……」
หุ่นหมดสภาพในทันที
จากนั้นมันก็ค่อยๆออกมาใหม่จากพื้น
ทันทีที่เห็นมัน ฉันก็เริ่มวิ่งและผ่าร่างของมันอีกครั้ง
「……」
เพราะฉันมันอ่อนแอ
ที่เขาไม่สามารถกลับมาได้เพราะฉันเอาแต่คอยพึ่งพาเขา
เขาถึงต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อพวกเรา
สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดก็คือเป็นพวกฉันเองที่บังคับให้เขาต้องเลือกเส้นทางนี้
「นายเปลี่ยนตัวเองได้ แต่พวกเราสิไม่เปลี่ยนไปเลย…..!」
ทำไมถึงต้องสละชีวิตตัวเองด้วย?
ไม่รู้หรือไงว่ามีคนมากมายเสีนใจที่นายจากไป?
ฉันรู้ว่าคิดแบบนี้มันเห็นแก่ตัว
เขาเลือกก็เพราะเป็นทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้
หากไม่เลือกเส้นทางนั้น หุ่นคงทำลายเมืองและไม่อยากนึกภาพเลยว่าจะมีคนตายกี่คน
「แต่ถ้านายไม่กลับมา มันจะไปมีประโยชน์อะไร…!」
หุ่นตัวสุดท้ายถูกผ่าครึ่ง
พอมาสังเกตดู ซากของหุ่นที่ล้มอยู่ตรงหน้าก็ปาเข้าไปร้อยตัวแล้ว
「ส่งมาอีกค่ะ」
「……จะเกิดไปแล้วนะ เรด」
ในขณะที่ฉันพยายามขอหุ่นเพิ่ม ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว
ชายร่างสูงผมบลอนด์มองฉันด้วยสีหน้าปั้นยาก
「อาการบาดเจ็บของเธอยังไม่ฟื้นตัวดีนะ」
「……ปล่อยฉันไว้แบบนี้คนเดียวเถอะค่ะ」
ฉันหันหลังกลับราวกับอยากจะไล่เขาออกไป
ทว่าเขากลับตะโกนใส่ฉันทันที ราวกับอยากจะดึงสติ
「ถึงเธอจะทำอย่างนี้ไป เขาก็ไม่กลับมาหรอก」
「คึก เขายังไม่ตายสักหน่อย!!」
พอเจอคำนี้ไปฉันก็รู้สึกหงุดหงิด ตะคอกใส่อีกฝ่ายทว่าทางนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
「อ้า ก็คงมีชีวิตอยู่จริงๆแหละ」
「……!!」
「คัตสึมิ โฮมุระ จะตายง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงข่าวจะรายงานไปแบบนั้น แต่ฉันเองก็ไม่มีทางยอมรับหรอก」
เขายืนเทอมินัลมาให้ฉัน
ภายในนั้นเป็นภาพของชายหนุ่มสวมฮู้ดกำลังแปลงร่างอยู่
「ตอนนี้การต่อสู้ของเขาคราวก่อนได้ถูกเปิดเผยแล้ว โชคดีว่าใบหน้าที่แท้จริงของพวกเธอและเขายังถูกปกปิดเอาไว้ ถึงคนจะลือกันไปทั่วว่าเขาตายไปแล้ว แต่…ทั้งหมดมันก็แค่เรื่องไร้สาระไม่ต้องใส่ใจหรอก」
ร่างของเขาได้กลายเป็นนักรบหน้ากากขาวบริสุทธิ์
และทำการโจมตีพวกเอเลี่ยนด้วยพลังอันมหาศาล
「นั่นสินะ ถ้าเป็นคัตสึมิคุง เดี๋ยวพอเขาทำลายยานอวกาศของศัตรู แล้วไปต่อสู้กับบอสใหญ่ของที่นั่นเสร็จก็คงจะกลับมา……」
「เห้อ ถ้าเป็นไอนั่นเขาคงจัดการไม่ไหวหรอก แต่เอาเถอะดูเหมือนว่าจะได้สติแล้วสินะ」
ไม่รู้จะบอกว่าได้สติแล้วหรือยัง
แต่ภายในใจของฉันก็เริ่มมีความหวังมากขึ้น
จากนั้นก็มีสายเข้ามาจากเทอมินัลที่เขาเอาให้ฉันดู ฉันจึงส่งกลับไปให้ประธาน ก่อนที่เขาจะรับสายด้วยใบหน้าเซ็งๆ
「อะไรอีก!! ตอนนี้ฉันกำลังมาดูแลสุขภาพจิตแทนหมอชิราคาวะที่ลาออกไปไงว้อย!! รู้จักเวลาบ้างสิ!!」
「เสียงดังชะมัด……」
ไอ้เจ้าหมอนี่มันคาดเดาไม่ได้จนน่ารำคาญจริงๆ
แต่ยังไงเขาก็คือประธานนี่นะ
สายคงมาจากนักวิจัย
ในขณะที่ฉันยืนดูประธานคุยสาย อยู่ดีๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
「……อะไรนะ อย่าไล่กลับไปนะเห้ย!! พาเธอคนนั้นไปที่ห้องขังของเขาซะ ด่วนเลย!!」
ประธานตัดสายทิ้งไปแล้วแสดงท่าทีร้อนใจ
เกิดอะไรขึ้นกันนะ? ในระหว่างที่คิดเขาก็หันหน้ามาหาฉัน
「เรียกเยลโล่กับบลูเดี๋ยวนี้เลย!」
「ทะ ทำไมกันคะ?」
เขาตอบคำถามของฉันในขณะที่กระวนกระวายใจ
「…ผู้เกี่ยวข้องกับเขาได้ปรากฏตัวแล้ว」
เมื่อพวกเราไปถึงห้องขังที่เขาเคยอาศัยอยู่ ก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งรออยู่แล้ว
หญิงสาวผมดำน่ารักคนนี้ถูกเรียกว่าอัลฟ่า
อายุของเธอไม่ห่างกับพวกเรานัก โดยตัวเธอตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงที่เขานอนแทนที่จะเป็นเก้าอี้ และในมือก็มีกล่องน้ำผลไม้อยู่
เมื่อเห็นประธานเธอก็พูดบางสิ่งที่คิดว่าทุกคนในนี้อยากได้ยิน
「———คัตสึมิยังไม่มีชีวิตอยู่」
「แน่ใจเหรอ อัลฟ่า」
「อื้อ ฉันสัมผัสได้ นั่นสินะ….ตอนนี้จากที่รู้สึกเขาคงกลับมาถึงโลกแล้ว 」
กลับมาแล้ว……!?
คิราระกับอาโออิมองหน้ากัน จากนั้นพวกเราก็ไปนั่งกันบ้าง
「รู้หรือเปล่าว่าอยู่ที่ไหน?」
「ในญี่ปุ่น….จังหวัดไหนสักจังหวัดหนึ่ง ขอโทษทีนะฉันไม่สามารถบอกได้ชัด…แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่」
「แล้วทำไมเขาถึงยังไม่กลับมาที่นี่ล่ะ? หรือถูกจับขังเอาไว้? ไม่สิมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เขากำลังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเปล่านะ? 」
ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่าเขามีชีวิตอยู่
ด้วยความจริงเพียงแค่นั้นฉันจึงตัดสินใจคุยกับเด็กสาวที่อยู่บนเตียง
「เอ่อ อัลฟ่าจัง….สินะ?」
「มีอะไรเหรอ เรด?」
「เธอเป็นอะไรกับคัตสิมึคุงเหรอ?」
「พาร์ตเนอร์ของเขา」
แกร็ก อยู่ดีๆก็มีเสียงเหมือนอะไรขาดผึ่งดังขึ้น
「…ฉันคือลูกสาวของโอเมก้าและจ้าวแห่งสัตว์ประหลาดโอเมก้า ส่วนที่เรียกตัวเองว่าอัลฟ่าเหมือนกันมาก็อารมณ์ประมาณสัญชาตญาณบอกโดยอัตโนมัติน่ะ」
เธออธิบายเกี่ยวกับตัวเอง
ว่าเธอเองก็ถูกเรียกว่าอัลฟ่า
มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของผู้คนที่แกร่งมาก
หมายความว่าเธอคนนี้อยู่ข้างๆคัตสึมิคุงมาโดยตลอดเลยเหรอ?
「ตตอดเวลา?」
「อื้อ ตลอดเวลา」
「แม้แต่ตอนที่พวกฉันอยู่ในห้องนี้?」
「อื้อ」
「「「……」」」
「น่าสนุกจริงๆที่ได้เห็นพวกเธอต้องดิ้นรนในการดึงความสนใจจากเขาเหมือนฉัน」
อัลฟ่ายิ้มออกมาเหมือนกับจะยั่วกันเลย
ทางคิราระกับอาโออิก็ยิ้มกลับไป แต่ดวงตาของพวกเธอไม่ได้ยิ้มเลยสักนิด
「นั่งลงเลยนะพวกเธอ! ฟังนะ! ถ้าใช้ความรุนแรงในนี้เดี๋ยวฉันก็โดนหางเลขตายไปด้วยหรอก ใจร่มๆ!!」
「จะพูดเวอร์เกินไปไหม……?」
「เรียกว่าพูดกันไว้ก่อนเพราะฉันอ่อนแอจะตาย……」
เรากลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้วสงบสติอารมณ์อีกครั้ง
หลังประธานเช็ดเหงื่อบนหน้าผากออก เขาก็มองไปยังอัลฟ่า
「ทำไมไม่ใช้พลังของเธอล่ะ」
「พวกเอเลี่ยนมันอาจจะสัมผัสได้น่ะสิ ที่เมื่อก่อนทำได้เพราะคัตสึมิปกกป้องฉัน แต่เมื่อเขาหายไปแล้ว ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้พลังหรอก」
ประธานที่ได้ยินก็เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่อัลฟ่าบอก
「นั่นสินะ ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เพราะยังไงมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว พลังของเธออาจจะใช้กับพวกมันไม่ได้ผล นอกจากนี้มันคงหาทางรับมือกับพลังของอัลฟ่าหรือโอเมก้ามาเยอะแล้ว」
「ทำไมประธานเหมือนรู้ดีจังคะ?」
「เอ้า เพราะฉันก็เป็นมนุษย์ต่างดาวไง」
นั่นสินะก็เป็นมนุษย์ต่างดาวนี่นา
……。
「「「……เอ๋?」」」
「อะไรของพวกเธอฉันก็บอกมาพักหนึ่งแล้วนะ แต่พวกเธอไม่เชื่อกันเอง」
「เรื่องจริงนะ เพราะแบบนั้นพลังบิดเบือนการรับรู้ของฉันบางส่วนเลยใช้ไม่ได้ผลกับเขา」
ไม่ๆๆๆๆ….!
เอาจริงดิ พอมีอัลฟ่ามายืนยันก็คงต้องทำใจรับ เพราะว่าจนถึงตอนนี้พวกเราไม่เคยเชื่อเลยสักนิดว่าหมอนี่เป็นเอเลี่ยน
「ก็นึกว่าล้อกันเล่นซะอีก」
「คิดว่าเป็นแค่พวกขี้โม้แท้ๆ」
「คำพูดไร้ความเชื่อถือ」
「จะหยาบคายเกินไปไหมพวกเธอ」
ประธานถอนหายใจออกมา
เดี๋ยวพวกเอเลี่ยนได้บุกมาล้างโคตรเราแน่ คำพูดที่หมอนี้เล่าแบบติดตลกอยู่ทุกวันกลับเป็นเรื่องจริง….
แปลว่าประธานคือมนุษย์ต่างดาวที่มอบวิทยาการให้มนุษย์สินะ
ชุดสูทของพวกฉันเองก็เหมือนกัน
「ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สูงส่งกว่าพวกโง่เง่าที่เรียกตัวเองว่าผู้กอบกู้」
「เอ้า เริ่มเล่าเองเฉย」
「……องค์กรบ้านั่นมันโหดร้ายสุดๆ มีแต่พวกนักรบสมองกล้ามบ้าพลัง ฉันที่เบื่อก็เลยขโมยแกนกลางแล้วหนีมา! จบข่าว!!」
คิดหมอนี่จะร่ายยาวเหมือนบทละครซะอีก ทางคิราระเองก็เหมือนตั้งท่าจะตัดบทก่อนที่เขาจะออกทะเล
แต่มันดันกระชับและเข้าใจง่ายเกินไปเสียจนอยากจะได้คำอธิบายเพิ่มเติมทีหลังเลย
เดี๋ยวนะ? อัลฟ่า ….เหมือนจะเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง….
「อุก―――!?」
「เดี๋ยวเถอะเรด! ถ้าจะอ้วกก็ไปทำที่อื่นไป๊!!」
「ไม่เดี๋ยวก่อน! อัลฟ่าจัง พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม!!」
อัลฟ่าที่ได้ยินก็เอียงคอสงสัย
「ตอนที่ฉันได้เจออัศวินดำครั้งแรก เธอเป็นคนพูดกับฉันด้วยนี่!」
「……อ้อ ตอนนั้นสินะ……」
「อื้อ ตอนนั้นแหละ」
「เด็กสาวที่กลัวจนฉี่ราด」
「อึก」
จำผิดคนแล้ว
ฉันไม่เคยกลัวจนฉี่ราดสักหน่อย แต่ประธาน คิราระ อาโออิไม่ได้คิดแบบนั้น
ประธานและคิราระจับไหล่ของฉันที่พยายามลุกขึ้นยืนเอาไว้
「ใจเย็นๆหน่อยสิเรด!!」
「เดี๋ยวก่อนนะ อากาเนะ นั่นเรื่องจริงเหรอ?」
「ช่วยไม่ได้ ….พวกเราลืมเรื่องที่ได้ยินไปกันเถอะ」
「ไม่ใช่ย่ะ นั่นไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย ที่ฉันเจอก็แค่เกือบตายเพราะหายใจไม่ออกเท่านั้นเอง!!」
ถึงจะถูกใส่สีตีไข่ในเน็ตมาเท่าไหร่ฉันก็ไม่สนใจหรอก แต่ถ้าพวกพ้องก็เป็นกับเขาด้วยฉันรับไม่ได้หรอกนะ
ต้องรีบจัดการเรื่องเข้าใจผิดนี้ให้เร็วที่สุด
「หายใจไม่ออก…อ้อ…เด็กคนนั้นนี่เอง ตอนนั้นหน้าแดงแจ๋เลยนี่เนอะ」
「กะ ก็ใช่น่ะสิ เดี๋ยวเถอะ…คิราระ อาโออิ ทำไมทำหน้าผิดหวังขนาดนั้นกันล่ะ!」
นี่พวกเราเป็นเพื่อนกันจริงๆใช่ไหมเนี่ย?
「เธอยกเลิกการแก้ไขความคิดทั้งหมดแล้วเหรอ?」
「ไม่หรอก คงเพราะฉันสบายใจที่เจอคนที่ตามหาแล้วพลังมันก็เลยอ่อนลงจนอากาเนะจำฉันได้เฉยๆ แต่ไม่ได้ทำการแก้ไขอะไรนอกจากนั้น」
「ก็แปลว่าพลังที่ใช้อยู่ยังเหมือนเดิมสินะ」
…ฉันคิดว่าเป็นพลังที่น่ากลัวมาก
หากเด็กคนนี้ต้องการ เธอสามารถทำให้พวกเราคิดว่าคำพูดการกระทำที่เราทำทั้งหมดเป็นเรื่องปกติได้อย่างง่ายดาย
「แต่จากนี้ฉันคงไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ง่ายๆอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะขอความคุ้มกันจากพวกเธอ」
「ก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับมัน หากเธอถูกจับมนุษยชาติก็จะจบลงไปด้วย ในทางกลับกันหากเธอตายโลกก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกมันอีกต่อไป บางอย่างที่เลวร้ายกว่าอาจจะเกิดขึ้นด้วยก็ได้」
พวกเราได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายมุ่งเป้ามาที่อัลฟ่าจังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด
ดังนั้นหากจะมีกองกำลังใหม่มาเพื่อพาตัวเธอไปก็ไม่แปลก
「ถ้าอย่างงั้น สิ่งที่พวกเราต้องทำต่อจากนี้ก็ตัดสินได้แล้ว ก่อนอื่น ค้นหาตัวคัตสึมิคุงให้เจอ! ทางพวกเธอก็พักรักษาตัวและพยายามแข็งแกร่งขึ้นเพื่อการต่อสู้ครั้งถัดไปเสีย!! ก็จริงว่าพวกมันแข็งแกร่ง แต่ฉันเองก็เป็นสุดยอดนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจ ฉันจะสร้างพลังใหม่เพื่อให้พวกเธอและคัตสึมิคุงได้ใช้เอง!!」
「「「ค่ะ!!」」」
「ตอบได้ดี!! งั้นทางฉันเองก็ต้องกลับไปห้องแล็บด้วยพลังเต็มMAXแล้วสิ!!」
พอพูดจบประธานก็จะเดินออกจากห้องขังไป ทว่า
「รอเดี๋ยว」
「อะไรอีก!」
「ฮาคัว ชิราคาวะยังอยู่หรือเปล่า?」
ประธานเอียงหัวสงสัยราวกับไม่เข้าใจเป้าหมายของคำถาม
「เห็นว่าทนสภาพแวดล้อมการทำงานไม่ไหวเลยลาออกน่ะ」
「อ่ะ..อื้อ…เหรอ…เข้าใจแล้ว 」
「หมดแล้วใช่ไหม ฉันจะไปได้จริงๆสักที หลังจากนี้จะไปกระชับสัมพันธ์ฉันเพื่อนสาวหรือรุมทึ้งกันก็ตามสบายเลย ขอบคุณคัตสึมิคุงจริงๆที่เอาชนะพวกเรนเจอร์จีนแดงจนฉันสามารถเก็บแกนพลังงานเด็ดๆจากพวกมันได้ เดี๋ยวจะเอาไปรวมกับอุปกรณ์ใหม่ของพวกเธอเดี๋ยวนี้แหละ―――!!!」
ประธานเองก็เหมือนจะมีแรงฮึดมากขึ้นพอรู้ว่าคัตสึมิคุงปลอดภัย
จริงๆแล้วเขาก็กังวลมากพอๆกับพวกเรา….
ยังมีชีวิตอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบนโลก ญี่ปุ่นใกล้ๆนี้เอง ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วที่ฉันจะได้เจอนายอีก
「เราต้องพยายามให้เต็มที่เพื่อให้เขาสบายใจเมื่อกลับมาถึง」
「อื้อ ครั้งต่อไปที่เจอกัน เขาจะกลายเป็นหนึ่งในจัสติสครูเซเดอร์ของพวกเราด้วย」
ฉันไม่สามารถเอาแต่คอยพึ่งเขาได้อีกต่อไป
ครั้งนี้แหละ พวกเราจะต้องแกร่งขึ้นเพื่อช่วยคัตสึมิคุง
「หากเป็นตอนนี้ ฉันรู้สึกว่า….ถึงจะต้องไปร่วมเป็นเซ็นไตกับพวกเธอ……..」
ช่วงเวลาที่พวกเราได้ใช้กับเขามันไม่ได้สูญเปล่าเลยสักนิด
สิ่งเหล่านั้นมันค่อยๆก่อตัวขึ้นและเปิดประตูที่ปิดตายในหัวใจของเขาได้สำเร็จ
「พวกพ้อง」
ฉันจำคำพูดสุดท้ายของเขาก่อนที่ผู้บุกรุกจะปรากฏตัวขึ้นมาได้
ครั้งนี้แหละที่พวกเราจะเรียกเขาว่าเพื่อนได้อย่างเต็มปาก
「อยากเจอคัตสึมิเร็วๆจัง…คราวนี้แหละ พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันโดยที่เขาจะไม่ลืมตัวฉันอีก….」
ดูเหมือนว่าอัลฟ่าก็จะเฝ้ารอเขาไม่ต่างกัน
ไม่สิพวกเรา ประธาน นักวิจัย เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต่างก็ภาวนาให้เขาปลอดภัยและกลับมา
ฮีโร่ผู้กอบกู้โลกใบนี้ไว้….
—————
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code