อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต – ตอนที่ 23 แรงกระตุ้นที่สั่นไปทั้งหัวใจ

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

 

ฉากหลังเป็นแสงจันทร์ ลักษณะการต่อสู้นี่ คล้ายกับอัศวินดำหรือเปล่านะ?

 

แค่เงาก็ชัดแล้วป่าว 5555

 

เซโร่วันเซโร่วันเซโร่วัน คาเมนไรด้าาาาา!!

 

ไอ้หมอนี่มันคอสเพลเป็นเอเทนอลเหรอฟะ แต่ก็เฟี้ยวดี!!

 

ก็เชี่ยละ คอสเพลบ้านไหนมันกระทืบสัตว์ประหลาดได้ฟะ

 

ไม่น่าจะใช้อัศวินดำนะ เพราะเหมือนจะสู้แบบใช้สมองคิดอย่างมีชั้นเชิงอยู่ แถมดวงตาของชุดนั่นเหลืองอร่ามเลยนะเออ

 

**

「หื้มมมมม……」

 

กำลังถูกจับตามองซะแล้ว

 

ทุกสายตากำลังจับจ้องมา

 

แม้กระทั่งพี่เองก็ยังมองมาที่ฉันด้วยสายตาอันสงสัย

 

 

 

「รู้สึกเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ละสิ」

 

『โฮก』

 

 

ชิโระที่ฉันอุ้มอยู่ส่งเสียงร้องออกมา ภายในทีวีตอนนี้ก็มีแต่ข่าวของไรเดอร์นิรนามเต็มไปหมด

 

ไม่คิดเลยว่าจะโดนแอบถ่ายเอาไว้

 

แต่อย่างน้อยก็โชคดีที่ภาพไม่ชัด

 

 

「นี่ คัตซึน」

 

พี่เดินมานั่งข้างๆ ฉันตรงโซฟา

 

เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของพวกเราทั้งสองพอดี บรรยากาศที่ต้องเผชิญมันก็เลยแอบอึดอัดหน่อยๆ

 

 

「เมื่อวานไม่ได้แอบไปทำอะไรแปลกๆ มาจริงใช่ไหม? 」

 

「ไม่ครับ ไม่เลยสักกะนิด」

 

 

อ๊ะ แต่มาสเตอร์คงจะรู้แน่ว่ามีอะไรแปลกๆ

 

ข้าวกล่องที่เขาฝากมาก็โดนฟันทิ้งไปแล้ว

 

สงสัยว่าต้องได้ไปชดใช้ค่าเสียหายที่ทำของเขาพังละสิ

 

 

 

「แล้วทำไม ผิวขอชิโระมันถึงได้ถลอกแบบนั้นล่ะ? 」

 

「ลอกคราบครับ」

 

「หะ!? ลอกคราบ!? 」

 

「ครับ」

 

『โฮก!』

 

 

ดูเหมือนว่าหนังมันจะถลอกจนลอกออกมา

 

ทว่าผิวด้านในก็สวยไปอีกแบบ

 

 

 

「พี่นั่นแหละเป็นอะไรไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มีอะไรกวนใจหรือเปล่า? 」

 

「เอ๋!? ทะทะทะทะทำไมถามแบบนั้นล่ะ? 」

 

「ก็แบบ ท่าทางของพี่มันเหมือนกับคนร้ายที่ถูกเปิดเผยความจริงนี่นา」

 

 

ก็จริงอยู่ว่าเรื่องที่สวนสาธารณะมันใกล้กับที่พักของเรา พี่คงจะเป็นห่วง

 

ยังไงเธอก็เป็นพี่สาวเพียงคนเดียวที่ฉันมีและฉันก็เป็นน้องชายของเธอเช่นกัน

 

จะทำอะไรคงต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ละสิ

 

 

「……ไหนๆ ก็วันหยุดเราไปซื้อของกันดีไหมครับ? 」

 

「หือ? ทำไมอยู่ดีๆ ก็ชวนล่ะ? 」

 

「ก็ประมาณว่าเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ถ้าไม่อยากผมก็ไม่ว่าอะไรนะ」

 

 

พี่กอดอกคิดและทำท่ากังวลเกี่ยวกับคำชวนของฉัน

 

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งพี่ก็เงยหน้าตอบ

 

 

 

「อื้อ ไปกันเถอะ」

 

「คงจะกังวลมากไปเองสิน้อ」

 

 

พี่ตอบรับคำชวน

 

ตอนนี้เวลาประมาณ 9โมงครึ่ง ถ้าเข้าไปในเมืองพวกร้านค้าก็น่าจะเปิดกันพอดี

**

 

「พี่ฮาคัว ทำไมถึงต้องให้ผมมาใส่หมวกกับแว่นตากันแดดด้วยล่ะ? 」

 

 

พวกเรามุ่งหน้าไปยังในเมืองเพื่อซื้อของ แน่นอนว่าชิโระก็ติดมากับกระเป๋าด้วย

 

ทว่าไม่รู้เพราะอะไรพอฉันจะออกไปข้างนอกไกล ถึงต้องถูกยัดหมวกกับแว่นมาให้ทุกที

 

ฉันถามพี่ที่อย่างสงสัยก่อนพี่จะหันกลับมาตอบ

 

 

「ก็เพราะว่าใส่แบบนี้มันดูเท่กว่านะ」

 

「จ-จะจริงเหรอ? 」

 

「อื้อๆ …… (แถมยังช่วยไม่ให้ใครเจอได้ด้วย) ……」

 

 

แอบรู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องมารับสายตาจับจ้องมาคนบนถนน

 

อ้า ตรงนี้มันสวนสาธารณะที่ต่อสู้เมื่อวานนี่นา

 

ลืมไปเลยว่าถ้าจะไปสถานีต้องผ่านที่นี่

 

 

「ดูคนเยอะจังนะครับ」

 

「บางทีคงเป็นพวกเก็บกวาดกำจัดซากสัตว์ประหลาดละมั้ง พวกเขามีหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาน่ะ」

 

「โห รู้ดีจังเลยนะครับ สมกับเป็นพี่ฮาคัวจริงๆ 」

 

「อะ อื้ม ก็น้าาาา……」

 

 

มีเทปล้อมรอบเอาไว้ทั่วบริเวณ เพื่อบอกว่าห้ามไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้า

 

เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ใจฉันเลยแอบสงสารพวกเด็กๆ ที่อดมาเล่นตรงสวน

 

 

「เชี้ย!? 」

 

「อ๊ะ พี่ฮาคัว เป็นอะไรไปเหรอ」

 

 

ระหว่างที่กำลังคิดไปเรื่อย พี่ก็กระโดดมาเกาะแขนของฉันเอาไว้

 

ฉันที่เห็นก็รู้สึกประหลาดใจ

 

 

 

「อยู่ดีๆ ก็ หรือเกิดอะไรขึ้นกัน……」

 

「ม-ไม่มีอะไรหรอก พอเห็นคนเดินไปมาเยอะๆ แบบนี้เลยคิดว่ารีบไปกันดีกว่าน่ะ」

 

「ก็จริงนะว่าคนเยอะ…หืม? 」

 

 

ระหว่างที่สอดส่องสายตาไปรอบๆ ก็สังเกตเห็นเด็กสาว 3 คนที่ยืนอยู่ห่างพวกฝูงชนเล็กน้อย

 

อายุน่าจะพอๆ กับฉัน แล้วทำท่าเหมือนกำลังมองหาใครสักคนอยู่

 

 

「เสียงนี้มัน…ต้องใช่เขาแน่ๆ ฉันจำมันได้ดีเลย」

 

「ไหน……ที่ไหน……? ตรงไหนกันนะ……? 」

 

「จากดาวซิ่งที่ชี้ระบุได้ว่า…มีการตอบสนองของเป้าหมาย ในระยะ 30 เมตร!? 」

 

 

พวกเธอพูดอะไรกันนะ

 

สายตาที่มองไปรอบๆ ก็เหมือนกับนักล่าแปลกๆ

 

ไม่ต่างอะไรกับพวกตำรวจค้นหาสายลับในหนังเลย….

 

 

「ระ รีบไปกันดีกว่า!!」

 

「อ่า อื้อ」

 

 

ฉันถูกพี่ลากไปยังสถานีทันที

 

…ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเจอพวกเธอมาก่อนนะ

 

 

พวกเราเดินทางโดยใช้รถไฟเข้าตัวเมืองประมาณ 10 นาที

 

เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ผู้คนก็เลยค่อนข้างเยอะ

 

พอออกมาจากสถานี้แล้วก็ถามพี่ว่าจะไปไหนกันก่อนดี

 

 

「พวกเราจะไปไหนกันก่อนดี? 」

 

「หื้มมมม เสื้อผ้าก็มีอยู่เยอะแล้ว เอาเป็นไปดูพวกเฟอร์นิเจอร์ดีไหม? 」

 

「อ้อ แบบนั้นก็ไม่เลวนะ เดี๋ยวผมขอไปซื้อกล่องใส่ข้าวกล่องด้วยได้หรือเปล่า? 」

 

「ทำไมล่ะ ของเก่าหายเหรอ? 」

 

 

ฉันก็เลยอธิบายถึงเรื่องที่เผลอทำข้าวกล่องของมาสเตอร์ตกแตกให้พี่ฟัง

 

 

「นายทำข้าวกล่องของมาสเตอร์ตกแตกเหรอ?!」

 

「ก็ ประมาณนั้นครับ」

 

「นี่สินะ เรื่องที่นายทำตัวน่าสงสัยเมื่อวาน!! นั่นสินะ ความแค้นเรื่องอาหารนี่น่ากลัวอย่าบอกใครเชียว!」

 

 

ฉันยิ้มเจือนๆ ให้พี่ที่กำลังสั่งสอนเรื่องของกินโดยการต่อยหลังฉันไปมา

 

ไม่นานนักพวกเราก็เดินมาถึงร้านขายเฟอร์นิเจอร์และดูของที่น่าสนใจ โดยหลังจากนั้นคุยกันว่าจะไปซื้อกล่องใส่ข้าวกล่องให้มาสเตอร์

 

แน่นอนว่าพวกเฟอร์นิเจอร์คงไม่ได้คิดจะซื้อกันทันทีเนื่องจากราคาที่แพง แต่การได้เดินมาดูมันก็สนุกไม่น้อย

 

 

 

「งั้นจากนี้ไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าต่อไหม? 」

 

「ผมว่ากินข้าวกันก่อนน่าจะดีนะ เพราะช่วงเที่ยงคนจะเยอะด้วย」

 

「นั่นสินะ…หืม? คัตซึน ดูเหมือนว่าชิโระที่อยู่ในกระเป๋าจะแสดงความต้องการอะไรออกมานะ」

 

อย่างที่พี่บอก

 

พอฉันเปิดกระเป๋าชิโระก็โผล่หัวออกมาแล้วชี้หัวไปยังที่ที่หนึ่ง

 

เมื่อฉันมองตามไปก็พบว่าเป็นร้านขายของขนาดใหญ่ที่มีพวกยานพาหนะและสินค้ามากมายจัดแสดงอยู่

 

 

 

「หือ? อยากไปดูพวกยานยนต์ในร้านเหรอ? 」

 

『โฮก!』

 

「สงสัยเพราะเป็นเครื่องจักรเหมือนกันไหมนะ? 」

 

 

ชิโระพยักหน้าให้ขณะอยู่ในกระเป๋า

 

ถ้าถามเงินในกระเป๋าคงซื้อของพวกนี้ไม่ไหว แต่แค่ดูคงไม่ใช่ปัญหานัก

 

 

 

「จะว่าไปคัตซึนไม่มีใบขับขี่นี่เนอะ? 」

 

「คงแบบนั้นครับ จำอะไรไม่ได้ด้วยสิ」

 

「อายุประมาณนายก็คงไม่จริงๆ แหละ」

 

 

เห็นชิโระตื่นเต้นขนาดนี้

 

สักวันหนึ่งใจฉันก็อยากจะได้สักคันมาขับน้อ จิตใจของลูกผู้ชายมันร่ำร้องแบบนั้น

 

ฉันเข้าไปในร้านแล้วเปิดกระเป๋าไว้นิดหน่อยเพื่อให้ชิโระได้มองเห็น

 

รถที่จัดแสดงอยู่มันสวยจริงๆ บรรยากาศของร้านก็ยิ่งเสริมเข้าไปใหญ่

 

 

 

「โห แพงชะมัด」

 

「ร้านนี่เหมือนจะขายรถรุ่นหายากเยอะเลย」

 

แต่ละคันราคาล้านขึ้นไปอย่างง่ายดาย

 

ตัวฉันตอนนี้คงไม่มีปัญญาซื้อจริงๆ

 

ยังไงก็มาแค่ดูนี่เนอะ

 

 

 

『โฮก!』

 

「หืม? คันนี้มัน? 」

 

 

 

 

ชิโระที่อยู่ในกระเป๋าส่งเสียงร้องออกมา

 

พวกฉันก็เลยหยุดเดินแล้วมองไปยังมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้า

 

 

 

「CBR1000RR……? โหวสวยชะมัด……」

 

「เจ้านี่ตาแหลมจริงๆ 」

 

ร่างสีดำและดูสวยงาม

 

การออกแบบค่อนข้างเรียบง่ายแต่ก็โดดเด่นจนดึงความสนใจของเหล่านักขับทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

 

ว่าแต่ คันนี้ไม่ขายเหรอ

 

สำหรับตั้งโชว์เท่านั้น….

 

 

 

 

『โฮก』

 

 

ชิโระพยายามเอาหัวออกมาจากกระเป๋ามากกว่าเดิม ก่อนจะปล่อยแสงออกมาจากดวงตาสีเหลืองของเขา

 

แสงนั้นทำการสแกนรถตรงหน้าตั้งแต่ล่างขึ้นบน ไม่นานนักมันก็มุดกลับเข้าไปในกระเป๋าราวกับเสร็จงานแล้ว

 

 

 

「ชิโระเมื่อกี้สแกนอะไรของแกน่ะ? 」

 

『โฮก』

 

「……เห้อ ไม่ไหวๆ 」

 

 

อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ขโมยนะ คงไม่เป็นไรมั้ง

 

หรือเปล่าหว่า? ชิโระคงไม่ได้แอบวางยาอะไรรถนั่นใช่ไหม?

 

แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย แต่ฉันก็เดินดูของในร้านกับพี่ ก่อนจะออกจากร้านมา

 

 

 

「สงสัยเขาคงอยากเห็นรถเฉยๆ มั้ง? 」

 

「ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ชิโระนี่ค่อนข้างมีด้านที่ดูเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันนะ」

 

「……จะจริงไหมน้อ? 」

 

「คงงั้นแหละ」

 

 

เสียงที่มันส่งมาให้คำแนะนำฉันตอนต่อสู้ก็ค่อนข้างดูดีเลย

 

แม้ปกติจะทำตัวสบายๆ มุดกระเป๋าไปมา แต่ฉันกลับคิดว่าเรื่องอายุความคิดความอ่านคงจะสูงกว่าฉัน

 

 

「ไปหาอะไรกินดีกว่าเริ่มหิวแล้วสิ」

 

「พี่อยากไปร้านไหนล่ะ? 」

 

 

บนถนนเต็มไปด้วยผู้คน

 

ใบหน้าของพวกเขาแสดงรอยยิ้มออกมา ทั้งคนที่มากับครอบครัว คู่รัก เพื่อน

 

พอฉันเห็นภาพแบบนี้เข้าจิตใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

ฉันเป็นพวกอ่อนไหวขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่มันไม่ได้รู้สึกแย่อะไร

 

 

 

 

「———อึก」

 

 

อยู่ดีๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังก้องขึ้นมาในหัว

 

มันเหมือนกับเสียงระฆังดังกังวาล

 

มันไม่ได้ถูกส่งผ่านหู แต่มันเข้าไปในหัวของฉันโดยตรง

 

 

 

 

「เป็นอะไรไปคัตซึน? 」

 

「รู้สึก เหมือนมีเสียง ข้างในหัว….」

 

 

 

――มันมาแล้ว

 

 

 

「หา!? 」

 

 

เสียงของชิโระดังขึ้นในหัว

 

เมื่อมองไปยังกระเป๋า ชิโระก็พยายามมุดหัวออกมาอกครั้ง

 

ในจังหวะเดียวกัน เสาแห่งแสงก็ตกลงมายังจุดที่ไม่ไหลเรามากนัก

 

 

「อะ อะไรกัน……!? 」

 

「หรือว่า ไอนั่นมัน……」

 

 

เนื่องจากแสงมันจ้ามากก็เลยมองไม่เห็นว่ามันคืออะไรกันแน่

 

ไม่นานนัก ผู้คนบริเวณนั้นก็เริ่มวิ่งหนีตายไปกันคนละทิศทาง พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว―――จนมาชนเข้ากับฉันและพี่

 

 

พวกเราพยายามจะจับมือกันเอาไว้ แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น คลื่นฝูนชนก็พัดเอาฉันกับพี่แยกกันไปคนละทาง

 

 

「คัตซึน!? 」

 

「พี่ฮาคัว! เจอกันที่สถานี!!」

 

 

แม้ร่างของฉันจะถูกฝูงชนกลืนเข้าไป แต่อย่างน้อยก็ได้บอกจุดนัดพบแล้ว

 

 

เสียงดังในหัวไม่ได้หยุดลง

 

กลับกันมันดังยิ่งกว่าเดิม

 

 

――รู้สินะว่าต้องทำอะไร

 

 

「แกกำลังจะขอให้ฉันสู้เหรอ……!」

 

เหมือนกับเมื่อวาน?!

 

กำลังบอกให้ฉันไปเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง

 

จากนั้นฉันก็ถูกผลักจนไปหยุดอยู่ตรงกำแพงริมถนน แล้วเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

――แล้วจะมีใครอีกนอกจากแก?

 

 

 

「……แต่ว่า ฉัน กลัว……」

 

 

จำเป็นต้องไปต่อสู้เหมือนเมื่อวานด้วยเหรอ?

 

การเสี่ยงชีวิตแบบนั้น ที่เมื่อวานทำไปก็เพราะไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้มัน…

 

 

 

――จงต่อสู้ เพื่อปกป้อง

 

 

 

「หา? 」

 

 

 

――แน่นอนว่า มันน่ากลัว

 

――ทว่า ก็จำเป็นต้องเข้าสู้……

 

 

เมื่อหันไปยังเสาแห่งแสงที่ตกลงมา

 

ก็ปรากฏบางสิ่งที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกๆ คล้ายกับลูกผสมของสิ่งมีชีวิตและเครื่องจักรที่พ่นภาษาอะไรออกมาก็ไม่รู้โดยภายในมือของมันมีดาบขนาดใหญ่

 

 

 

――ไม่คิดจะ ปกป้อง ครอบครัวหรือ?

 

 

 

ต้องรวบรวมพลัง

 

 

――ไม่อยากสูญเสียอะไรอีกแล้วใช่ไหม?

 

 

 

แล้วลุกขึ้นยืนด้วยขาอันสั่นเทา

 

 

――เช่นนั้นก็จงยืนหยัด

 

――เพราะนั่นคือสิ่งที่แกทำได้

 

 

 

「……อ้า นั่นสิ」

 

 

ฉันจะมากลัวไม่ได้อีกแล้ว

 

สิ่งนั้นคือศัตรูของฉัน

 

เสียงที่อยู่ภายในหัวมันบอกเช่นนั้น

 

 

「ชิโระ ไปกันเถอะ」

 

『โฮก!!』

 

 

ฉันคว้าชิโระออกมาจากกระเป๋าแล้ว ก่อนจะนำชิโระไปติดตรงหัวเข็มขัดที่ส่องแสงออกมาขณะเคลื่อนที่ผ่านฝูงชน

 

เนื่องจากเป็นเวลาหนีตายพวกเขาก็เลยไม่ได้สนใจฉันเท่าไหร่นัก

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้บางอย่างที่แสนน่าสะพรึงกำลังรอฉันอยู่ตรงหน้า

 

 

『LUPUS DRIVER!!!!』

 

 

เมื่อชิโระลงล็อคของเข็มขัด เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังขึ้น

 

ฉันสูดหายใจเข้าออก ก่อนจะกดปุ่มตรงหัวเข็มขัด

 

 

 

「แปลงร่าง……!」

 

『FIGHT FOR RIGHT!!』

 

 

ร่างกายของฉันถูกปกคลุมไปด้วยแสง อยู่ดีๆ ผู้คนที่หนีตายก็หยุดวิ่งแล้วหันมามองฉันแทน

 

แต่โชคดีที่จังหวะนั้น ใบหน้าและร่างกายทั้งหมดของฉันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชุดสีดำและเกราะสีขาวที่ก่อตัวขึ้นในอากาศเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

『SAVE FORM!!! COMPLETE……』

 

 

ฉันแปลงร่างเสร็จและมุ่งหน้ามายังจุดที่เสาแห่งแสงตก

 

ผู้คนรอบๆ ต่างหยุดนิ่งและพึมพำอะไรบางอย่างออกมาด้วยความตกใจ

 

 

「หรือว่านั่น……」

 

「ไม่จริงน่า……」

 

「ตัวจริงเสียงจริง……!」

 

ฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงพวกนั้น และจับจ้องไปยังสัตว์ประหลาดที่ถือดาบขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ

 

คงจะเรียกว่าเป็นไซบอร์กก็ได้มั้ง ร่างครึ่งบนของมันกลายเป็นเครื่องจักรไปหมดแล้วด้วยสิ ทันทีที่มันเห็นฉัน มันก็ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว

 

「หรากค่าแกรดั้ยอันดาบของขร้าก็จาขึ้น」

 

 

ฉันไม่เข้าใจถึงสิ่งที่มันพูด

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันหันดาบมาทางฉัน ก็รู้ได้ทันทีว่าคือศัตรู

 

 

 

「หนีกันไปเร็วเข้า」

 

「หะ? 」

 

「ฉันจะจัดการมันเอง ทุกคนรีบหนีไป」

 

 

ดูเหมือนเสียงของฉันจะทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งเงียบไป

 

นี่พวกเขาตะลึงกันขนาดนี้เลยเหรอ เอาเถอะ ฉันทำการสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วตะโกนอีกครั้ง

 

 

「เร็วสิ!!」

 

 

หลายคนที่รู้สึกตัวก็รีบพาคนใกล้ๆ หนีไปทันที

 

เมื่อเห็นแล้วว่าพวกเขาเริ่มหนีกันไป ฉันก็หันมาเผชิญหน้ากับไซบอร์ก

 

 

 

 

「ชิโระ ขออาวุธ」

 

『LUPUS DAGGER!!』

 

 

ฉันกำมีดเอาไว้ในมือ

 

ไซบอร์กพาดดาบใหญ่ของมันเอาไว้บนไหล่ ก่อนจะพูดอะไรออกมาพร้อมรอยยิ้ม

 

 

 

「ลามดาบแห่งดวงดารา 458 อากอส ซาคัล」

 

 

น่าจะเป็นชื่อขอมันมั้ง

 

แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

 

 

「ทามมายแกดูอ่องแอจาง」

 

「ฉันไม่ยอมให้แกฆ่าใครได้หรอก」

 

「หวางว่าจาตึงมือหน่อยน้า」

 

「ฉันจะโค่นแกให้ได้」

 

 

ด้วยพลังทั้งหมดที่ฉันมี

 

ทันใดนั้นเอง ดาบใหญ่ของมันก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าของฉันทันที

 

ฉันทำการหลบเลี่ยงได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะแทงมีดในมือไปยังท้องของมัน

 

 

「อุ!? 」

 

「……」

 

 

การนั้นก็ใช้การปัดป้องสกัดการโจมตีแนวนอนของดาบใหญ่ที่สวนกลับมา

 

แรงกระแทกของมันไม่ได้มีมากนัก จากนั้นฉันก็เตะสวนกลับไปจนมันกระเด็น แต่อีกฝ่ายที่กลิ้งไปมาก็รีบลุกขึ้นมาโจมตีต่อทันที

 

「หึ!!」

 

 

ดาบใหญ่ของมันถูกเหวี่ยงมาแบบแนวนอนอีกครั้ง

 

นี่เอ็งบ้าหรือเปล่าวะ? ฉันกระโดดเบาๆ เพื่อหลบดาบของมัน แล้วก็ใช้ดาบนั่นเป็นฐานในการดีดตัวข้ามหัวของมัน เพื่อใช้มีดฟันเข้าไปที่หลังคอ

 

 

「อ๊ากกกก!? 」

 

 

เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด

 

โจมตีศัตรูให้ได้ผลมากที่สุดในหนึ่งการเคลื่อนไหว

 

ฉันเริ่มสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของมันที่เริ่มบ้าคลั่ง พฤติกรรมลักษณะท่าทางของมันทั้งหมด ฉันต้องจดจำเอาไว้แล้วสร้างระยะห่าง

 

 

「……」

 

「ฮ้าาาาา!」

 

 

พละกำลังของฉันและขนาดร่างกายนั้นแตกต่างกับอีกฝ่ายมาก

 

แต่ในขณะเดียวกับความคล่องตัวของฉันก็สูงกว่าอีกฝ่ายหลายเท่า

 

ฉันพุ่งเข้าไปข้างใต้ร่างของมันแล้วฟันไปยังข้อต่อขา เพื่อให้เสียการทรงตัว ก่อนจะกระหน่ำแทง 3 ครั้งติดกันตรงสีข้าง

 

เพราะร่างกายของมันเป็นเครื่องจักรประกายไฟที่เกิดจากการโจมตีของฉันจึงเกิดขึ้นตามร่างของมัน

 

จากนั้นก็เตะตัดขาศัตรูอีกข้าง เพื่อตัดกำลังลง

 

 

 

「โอ้วววว!!」

 

 

 

มันพยายามเล็งแขนกลมาโจมตีฉัน

 

แขนกลของมันได้เปลี่ยนเป็นดาบแหลมคงพุ่งมาหมายจะแทงฉัน ฉันจึงทำการหลบอย่างรวดเร็วละ ใช้มีดแทงไปยังแขนของมัน

 

 

「แขนของแกทำได้แค่นี้เองเหรอ? 」

 

「!? 」

 

 

 

เมื่อมีดแทงเข้าไปแล้ว ฉันก็รูดมันให้เป็นแผลลากยาวไปถึงไหล่

 

ก่อนเตะส่งมันให้กระเด็นจากระยะประชิดอีกที ร่างขนาดยักษ์ของไซบอร์กกระเด็นไปข้างหลังทันที

 

 

ร่างของมันหมุนไปมาจนกระแทกเข้ากับพื้น ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

 

「……เราเองก็ทำได้ดีกว่าที่คิดแฮฺะ」

 

 

คำแนะนำที่ได้จากการต่อสู้เมื่อวานยังได้ผล

 

ไม่งั้นฉันคงสู้แบบนี้ไม่ได้หรอก

 

 

「เอาละ มาจบกันดีกว่า」

 

 

 

ในขณะที่ฉันกำลังจะเอามือไปกดปุ่มตรงหัวเข็มขัดเพื่อใช้ท่าพิเศษ หน้าอกของไซบอร์กก็เกิดขึ้นขณะมันลุกขึ้นยืน

 

สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นเป็นวัตถุทรงกระบอก 9 ลำ

 

ใช่แล้วมันคือขีปานาวุธขนาดเล็ก มันทำการปล่อยออกมาด้วยสีหน้าที่โกรธจัด

 

 

 

「โห ไพ่ตายลับด้วยวุ้ย!」

 

 

หวังว่าคงไม่ใช่แบบนำวิถีนะ ฉันทำการตัดมันทิ้งไป ได้ 3 อันทันทีก่อนจะสังเกตที่เหลือว่าไม่น่าจะโดนฉัน

 

 

จากนี้แหละคือจุดจบของมัน ในขณะที่คิดแบบนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเด็กชายคนหนึ่งร้องออกมา ในขณะที่ขีปนาวุธลูกหนึ่งกำลังตรงไปยังเขา

 

 

 

 

 

「———เชี่ย!」

 

 

ฉันพุ่งเข้าไปตรงจุดที่เด็กชายอยู่ทันที

 

 

เสียงของขีปนาวุธใกล้เข้ามาทุกที

 

ฉันตัดสินใจกัดฟันและใช้แผ่นหลังรับการโจมตีนั้นเอาไว้พร้อมกับตะโกนเรียกเด็กชายอยู่ในในอ้อมแขน

 

 

 

「……เป็นอะไรไหม? 」

 

「……อะ อึก! ไม่ครับ ขอบคุณนะครับ!!」

 

 

ฉันลูบหัวเด็กชายในขณะที่พยักหน้าให้ ก่อนลุกขึ้นยืน

 

บาดแผลที่ได้รับตรงหลังไม่ใช่เล่นๆ เลย

 

ความเจ็บปวดค่อยๆ แผ่ไปทั่วร่าง หวังว่าจะเลือดไม่ออกนะ

 

 

「……」

 

 

ฉันหันกลับไปหาอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นมาได้แล้ว

 

แม้แววตาของมันตอนนี้จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ดาบใหญ่ในมือของมันก็ยังคงอยู่

 

「นะ เน่ข้าจามาแพร้ในเท่แบบเน้เหรอ!!」

 

「ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าแกต้องการอะไร แต่ว่ามันไม่มีทางสำเร็จหรอก…!!」

 

 

 

『DEADLY!! TYPE LUPUS!!』

 

 

ฉันเปิดใช้งานท่าพิเศษและเตรียมมีดไว้ในมือขวา

 

พลังงานจากหัวเข็มขัดถูกส่งไปยังมีด แสงสีเหลืองตรงใบมีดได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

 

「อ้ากกกก!? 」

 

 

ิีอีกฝ่ายพยายามสาดกระสุนพลังงานบนร่างกายออกมา แต่ฉันก็ใช้มีดตัดมันทิ้งได้ทั้งหมด

 

เมื่อเวลาเริ่มผ่านไป กระแสไฟฟ้าสีแดงก็ปกคลุมไปทั่วมีด ความคมและพลังทำลายล้างของมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ――

 

 

 

「เพราะว่าฉันน่ะ อยู่ที่นี่แล้วยังไงล่ะ!!」

 

『BITING! SLASH!!』

 

 

สิ้นเสียงนั้น ฉันทำการพุ่งตัดร่างของไซบอร์กออกไปสองส่วนทันที

 

เมื่อความเงียบงันถูกปกคลุมไปทั่วบริเวณครู่หนึ่ง เหล่าผู้คนก็ต่างระเบิดเสียงกันออกมาทันที

 

 

 

 

「กะ กลับมาแล้วสินะ!」

 

「อัศวินดำคุง!!」

 

「ขอบคุณนายมากจริงๆ!!」

 

 

 

「!? 」

 

 

ผู้คนที่หลบซ่อนกันก่อนหน้านี้ได้กรีดร้องกันออกมาด้วยความดีใจ

 

ก็ดีหรอกที่พวกเขาไม่เป็นอะไรกัน

 

ว่าแต่ไอ้อัศวินดำนี่มันใครกัน?

 

 

 

「เอ่อ คือผมไม่ใช่ได้อัศวินดำนะครับ พวกคุณสับสนกับใครหรือเปล่า?!」

 

 

 

「อย่ามาเนียน อัศวินดำคุงก็พูดแบบนี้เสมอแหละ!」

 

「ท่าทางปฏิกิริยาเหมือนกันอย่างกับแกะ!」

 

 

แล้วสรุปมันเป็นใครกันล่ะ

 

พูดตามตรงว่าฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด

 

ในขณะที่กำลังรู้สึกลำบากใจกับสถานการณ์ตรงหน้า ฉันก็เห็นเงาดำขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า

 

ยานพาหนะคล้ายกับเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดตราสัญลักษณ์ซึ่งเขียนเอาไว้ว่า จัสติส อยู่ข้างๆ

 

 

 

「แย่แล้วสิ ถึงจะยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง แต่ดีก่อนดีกว่า!!」

 

 

เรื่องมันชักจะใหญ่เกินกว่าฉันรับมือไหวแล้ว จึงตัดสินใจหนีสุดกำลัง

 

เป็นเรื่องดีที่สามารถปกป้องผู้คนได้ แต่ตัวตนที่แท้จริงของฉันมันจะลำบากไปด้วย

 

ดังนั้นวิ่งหนีให้สุดตีนเลย

 

 

 

 

「เดี๋ยวก่อน!! ฉันมีเรื่องต้องพูด―――」

 

 

แม้จะได้ยินเสียงจากข้างบน ฉันก็ไม่ได้สนใจและรีบวิ่งหนีจากจุดเกิดเหตุ

 

ก่อนอื่นต้องยกเลิกการแปลงร่าง แล้วกลับไปหาพี่!!

 

**

 

ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกลับมาร่างเดิมได้

 

 

้เพราะไม่ว่าจะหนีไปทางไหนพวกฝูงชนก็พยายามตามไม่ห่าง กว่าจะเนียนไปกับฝูงชนแล้วกลับมาร่างเดิมได้ก็แทบแย่ จากนั้นฉันก็ตรงไปยังสถานีที่นัดกับพี่ฮาคัวเอาไว้

 

สถานที่ที่นัดกันเอาไว้เต็มไปด้วยผู้คน แต่ฉันก็พบตัวพี่ได้ไม่ยากนัก จากเส้นผมสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ และรีบวิ่งเข้าไปหา

 

「พี่!」

 

「คะ คัตซึน!……」

 

 

เมื่อพี่เห็นหน้าของฉัน เธอก็แสดงความโล่งใจออกมา แต่สีหน้าก็กลับมาจริงจังอย่างรวดเร็ว

 

 

 

「ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? 」

 

「อื้อ ว่าแต่พี่ล่ะ ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนสินะ? 」

 

「ไม่เป็นไรหรอก เพราะสามารถหนีออกมาได้ทันนี่นะ」

 

「แบบนี้นี่เอง ค่อยโล่งหน่อย……」

 

 

พี่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรกับฉันสักอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่ความรู้สึกที่โล่งอกหรือสบายใจแน่นอน

 

อะไรสักอย่างที่ทำให้พี่รู้สึกกลัว

 

ก็คงงั้นละมั้ง เพราะพี่ของฉันไม่เคยเผชิญหน้ากับเหตุร้ายเช่นนี้มาก่อน จะกลัวมากก็ไม่แปลก

 

 

 

「พี่ฮาคัว คือว่า…」

 

「เฮ้อ กลับบ้านกันดีกว่า ฉันเหนื่อยแล้ว」

 

「……นั่นสิ ไว้เดี๋ยวพวกเราไปซื้อของมาทำข้าวเย็นขากลับด้วยเลยละกัน」

 

 

พี่พยักหน้าให้กับคำพูดของฉันพร้อมรอยยิ้ม

 

พวกเราเดินผ่านสถานีที่เต็มไปด้วยผู้คน

 

แม้จะรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบตัวพวกเรา แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้ว ในเมื่อพวกเรากำลังจะออกจากที่นี่

 

 

 

「ว่าแล้วเชี่ยว ไม่ไหว…จริงๆ ด้วย」

 

「หือ? 」

 

「อ้อ เปล่าไม่มีอะไรหรอก」

 

 

พี่ดูจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง

 

ฉันมองดูพี่ที่เดิมอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นกังวล

 

ทั้งเมื่อวานและวันนี้ฉันได้เข้าต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน

 

หากพลาดขึ้นมาก็ถึงตายได้ และนั่นจะทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนตาม

 

 

「……ฉันควรจะ บอกไปดีไหมนะ」

 

 

มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะซ่อนไว้ได้ตลอดไป

 

ดังนั้น ฉันควรจะเปิดเผยความจริงข้อนี้ให้พี่ได้รู้สักที

 

—————

Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ  และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต

Status: Ongoing
คัตสึมิ โฮมุระ วายร้ายที่รู้จักกันในนาม อัศวินดำ ชายผู้คิดว่าตัวเองคือวายร้ายแสนโฉดชั่ว เมื่อพ่ายแพ้ให้กับฝั่งฮีโร่เขาก็ถูกจับตัวไป ทว่าสิ่งที่รอเขาอยู่กลับไม่ใช่คุกหรือพวกตำรวจ แต่กลับเป็นขุมนรกที่ตัวเขาเกินจะคาดฝันแทนซะอย่างงั้น โลกที่ขบวนการเซ็นไตมีอยู่จริง เรื่องราวของอัศวินดำจอมวายร้ายที่มีสามัญสำนึกผิดแปกและถูกคนธรรมดาเข้าใจผิดมาโดยเสมอ บัดนี้เขากำลังจะถูกลากเข้าขบวนการเซ็นไตเสียแล้ว ※ผลงานชิ้นนี้กาวล้วนๆไม่มีเกลือผสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท