ตอนที่ 329 ตามสืบเรื่องในตอนนั้น(1)
ตอนที่ 329 ตามสืบเรื่องในตอนนั้น(1)
คุณนายเริ่นได้ยินคำพูดของหมอ ก็แทบลมจับ “เป็นไปได้ยังไง…ทำไมลูกสาวที่แสนดีของฉันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
แต่คุณท่านเริ่นมือตาค่อนข้างไว จึงประคองคนเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะหันมองหมอแล้วเอ่ยถาม “หมอครับ ถ้าอย่างนั้นลูกสาวของผมจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”
หมอคนนั้นทำท่าส่ายหัวด้วยความเสียใจ ก่อนจะพูดขึ้น “เวลาแบบนี้ผมจะโกหกทำไมกัน เพียงแต่ว่า…”
หลังจากพูด เขาก็หันมองคุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “ถ้าลูกสาวของพวกคุณไม่ฟื้น เครื่องมือก็จะต้องทำงานตลอดเวลา ถ้าหากว่าพวกคุณไม่ต้องการ เช่นนั้น…คุณก็สามารถแจ้งให้ทราบล่วงหน้าได้นะครับ”
ถึงแม้ว่าหมอจะพูดจาคลุมเครือ แต่คุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นก็สามารถเข้าใจได้ หากไม่อยากให้ลูกสาวต้องทำให้เสียเงินฟุ่มเฟือยอย่างนั้นต่อไป พวกเขาก็สามารถถอดปลั๊กเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยการุณยฆาตลูกสาวไปสู่สุคติได้
คุณนายเริ่นตอบสนองทันควัน ก่อนจะตะโกนขึ้นทันที “ไม่ต้อง อีกไม่นานลูกสาวของเราก็จะฟื้นแล้ว ช่วงนี้ก็ให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลไปก่อน”
เมื่อเห็นครอบครัวคนไข้พูดแบบนั้น หมอคนนั้นจึงพยักหน้า แล้วบอกกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ตอนนี้จะทำการส่งตัวผู้ป่วยไปพักรักษาตัวที่หอพักผู้ป่วย”
หลังจากเริ่นม่านลี่โดนเข็นออกมา คุณท่านเริ่นกับคุณนายเริ่นก็เข้าไปหาทันที ส่วนนายท่านเหยากับฉินมู่หลานเพียงแค่เฝ้ามองคนด้วยท่าทางเฉยเมยเท่านั้น
แต่เมื่อคุณนายเริ่นเดินไปได้ครึ่งทาง ก็หันมามองด้วยแววตาขุ่นเคือง ในใจอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คุณท่านเริ่นก็ห้ามเอาไว้ทันที สุดท้ายทั้งสองก็ตรงไปที่หอพักผู้ป่วย
เมื่อเห็นสมาชิกตระกูลเริ่นทั้งสามไปแล้ว นายท่านเหยาก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน เดี๋ยวตาจะพายายของหลานกลับก่อน หลานจะกลับบ้านตระกูลเจี่ยงเลยไหม?”
คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉินมู่หลานก็ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “คุณตาคะ เดี๋ยวฉันพาพวกคุณตากลับก่อนค่ะ”
ตอนแรกคุณนายเหยาบอกว่ามีคนไปส่งพวกเขาได้ เพราะนายท่านเหยาก็พาคนมาที่นี่ด้วย เพียงแต่เมื่อนางเห็นท่าทางจริงจังของท่านเหยา ก็นึกไปถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับนางในวันนี้อีกครั้ง นางจึงเงียบแล้วไม่พูดอะไรอีก
นายท่านเหยาก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นรบกวนหลานด้วยนะ มู่หลาน”
หลังจากฉินมู่หลานไปถึงบ้านตระกูลเหยาแล้ว นายท่านเหยาก็ส่งคนไปแจ้งที่บ้านตระกูลเจี่ยงอีกครั้ง ไม่นานนักเหยาจิ้งจือกับคนอื่น ๆ ก็ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงสามีของหล่อนจึงมาหาพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่
“พ่อคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ถึงมียาพิษขึ้นมาได้”
นายท่านเหยาเห็นลูกสาวดูเป็นห่วงนิดหน่อย จึงรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็พูดต่อ “ลูกไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่มู่หลานเตือนเราก่อน พวกเราจึงขัดขวางเหตุร้ายได้ทันเวลา”
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหยาจิ้งจือก็อดถอนหายใจด้วยความโล่งอกเสียไม่ได้
เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เดินตรงไปหาฉินมู่หลาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกังวลอยู่ไม่กี่ครั้ง เมื่อเห็นว่าคนไม่เป็นอะไร เขาจึงถามเกี่ยวกับเริ่นม่านลี่ขึ้นมา “ในเมื่อหล่อนรู้ว่ามันเป็นยาพิษรุนแรง แล้วทำไมถึงดื่มมันโดยไม่ลังเลเลยล่ะ”
จุดเล็กน้อยตรงนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจ
คุณนายเหยาก็อดพูดไม่ได้ “หล่อนแค่อยากจะให้ตัวเองพ้นข้อสงสัย ไม่ให้พวกเราจับสังเกตความคับแค้นใจของหล่อนได้ไงล่ะ”
“แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อพิสูจน์นะครับ” เซี่ยเจ๋อหลี่เพียงแค่รู้สึกประเด็นนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผล “แล้วพูดถึงยาพิษ หล่อนไปได้มันมาจากไหนก่อน”
ฉินมู่หลานก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน
“ใช่ค่ะ ฉันรู้สึกว่าวันนี้เริ่นม่านลี่เองก็คงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังดื่มอะไรเข้าไป หล่อนคงคิดว่ายาที่ใส่ลงไปคงเป็นยาตัวเดียวกันกับครั้งก่อนที่ให้คุณนาย ไม่ได้เป็นอันตรายกับร่างกาย นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ดื่มซุปได้อย่างไม่ลังเล แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า ตอนนี้หล่อนไม่รู้สึกตัวแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ ทุกคนก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” คุณนายเหยาได้แต่รู้สึกสับสนงุนงง
นายท่านเหยาเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้อาจมีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบให้ละเอียด”
อันที่จริงฉินมู่หลานสงสัยเซี่ยอวี่หรงนิดหน่อย เพราะเคยเห็นเริ่นม่านลี่กับเซี่ยอวี่หรงกินข้าวด้วยกันมาก่อน แต่หลักฐานเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด เธอต้องหาพยานหลักฐานเสียก่อน
ฉินมู่หลานกับคนอื่นกลับมาหลังจากกินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลเหยา หลังจากกลับถึงบ้าน เจี่ยงสือเหิงก็รีบเข้ามาถามทันที “คุณนายเหยาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ คุณนายไม่เป็นอะไร” หลังจากนั้นก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง
เจี่ยงสือเหิงได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อ
“ถ้าอย่างนั้นเริ่นม่านลี่จะทำแบบนั้นทำไม?”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้พวกเราจึงต้องตรวจสอบเรื่องนี้กัน”
เจี่ยงสือเหิงก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วบอกกล่าว “ใช่ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเริ่นม่านลี่โดนย้ายไปที่หอพักผู้ป่วยแล้ว ก็ได้แต่นอนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้สึกตัว ในตอนนี้ เริ่นม่านนีก็ได้มาหาเช่นกัน เมื่อเห็นน้องสาวไม่ได้สติจึงรีบเอ่ยถามทันที “พ่อคะ แม่คะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมม่านลี่ถึงกลายเป็นแบบนี้?”
หล่อนรีบมาทันทีหลังจากได้รับข่าว แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณท่านเริ่นเล่าสิ่งที่ท่านเหยาบอกกล่าว หลังจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ยังไม่รู้เลยว่าน้องสาวลูกจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า”
แต่ถึงอย่างนั้น คุณนายเริ่นก็จ้องมองคุณท่านเริ่นด้วยแววตาดุเดือด ก่อนจะพูดขึ้น “คำพูดของพวกตระกูลเหยา ใครจะรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง ฉันว่าม่านลี่ของเราไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่นอน”
เริ่นม่านนีก็อดพยักหน้าแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ใช่ค่ะพ่อ ถึงม่านลี่จะทะนงตัว แต่ก็ไม่คิดทำร้ายคุณนายเหยาหรอก ยิ่งไปกว่านั้น พ่อไม่คิดเหรอว่าสิ่งที่ท่านเหยาพูดก่อนหน้านี้มันไร้สาระสิ้นดีเลย ถ้าม่านลี่อยากจะทำร้ายคุณนายเหยาจริง แล้วหล่อนจะยอมดื่มของที่มีพิษเหรอ”
“ไอ้หยา…ม่านนีของเรานี่ฉลาดจังเลยนะ แม่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ แต่พ่อของลูกก็เอาแต่คอยห้ามแม่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนี้พอฟังจากที่ลูกพูดแล้ว แม่ก็รู้ได้ทันทีเลย ว่าบางทีตระกูลเหยาอาจใส่ความม่านลี่ของเรา หรือว่าตระกูลเหยาอาจเป็นคนทำ”
หล่อนอยากจะบอกว่าลูกสาวของหล่อนจะทำแบบนั้นได้อย่างไร แต่ถึงแม้ว่าจะทำ แล้วทำไมลูกสาวถึงได้โง่ยอมดื่มยาพิษ มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
คุณท่านเริ่นได้ยินแบบนี้ ก็เปิดปากคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ลองคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริง หากว่าเป็นเขาที่ไม่รู้ว่าในนั้นมีพิษอยู่ ก็คงจะดื่มมันอย่างไม่ลังเลแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้น…ตอนนี้จะทำยังไง?”
คุณนายเริ่นมองคุณท่านเริ่นด้วยสีหน้าเกลียดชังแล้วพูดขึ้น “ทำยังไงอะไร ก็ต้องไปคุยกับตระกูลเหยาสิ”
แม้แต่เริ่นม่านนีก็คิดว่าตระกูลเหยาน่าสงสัย แต่หล่อนก็ยังรั้งแม่ตัวเองเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้น “แม่คะ ฉันรู้ว่าแม่ร้อนใจ แต่พวกเราต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนให้ได้ก่อน แบบนี้พวกเราก็จะหาพยานปรักปรำตระกูลเหยาได้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นถ้าแม่โพล่งเข้าไปแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ค่ะ”
“ใช่ ๆ แบบนั้นล่ะ”
คุณท่านเริ่นพยักหน้าเห็นด้วยทันที
หลังจากปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่ของตัวเองอย่างละเอียดแล้ว เริ่นม่านนีก็กลับบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้านิดหน่อย
ทันทีที่เซี่ยอวี่หรงเห็นพี่สะใภ้คนนี้กลับมา ก็รีบเอ่ยถามทันที “พี่สะใภ้คะ ทำไมถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้นกัน มีเรื่งออะไรเกิดขึ้นที่บ้านพ่อแม่เหรอคะ ฉันได้ยินมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ว่าที่บ้านพี่มีเรื่องอะไรกัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เริ่นม่านนีก็ถอนหายใจ ก่อนจะบอกกล่าว “ก็เรื่องม่านลี่น่ะสิ”
“อะไรนะ…มีเรื่องเกิดขึ้นกับน้องสาวพี่เหรอคะ?”
เซี่ยอวี่หรงได้ยินแบบนี้ แววตาก็เป็นประกาย ก่อนจะมองด้วยสายตาคลุมเครือ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลยยัยอวี่หรง เป็นคนวางยาพิษกับมือแท้ๆ แต่กลับผิดแผนนิดหน่อยเท่านั้นแหละที่ลูกสมุนดันโง่ดื่มพิษเข้าไปเอง
ไหหม่า(海馬)