ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค – ตอนที่ 1 คนที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

บทที่ 1 ตอนที่ 1: คนที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก

 

เมืองป้อมปราการลามูร์เป็นเมืองขนาดกลางที่มีประชากรประมาณห้าพันคน เป็นเมืองที่พบเห็นได้ทั่วไปในอาณาจักรศักดิ์สิทธิอเมเลีย

 

อย่างไรก็ตาม ลามูร์มีสิ่งหนึ่งที่เมืองอื่นๆ ในโลกนี้ไม่มี เด็กหลายคนที่เกิดในเมืองนี้จะได้รับพรพิเศษที่แสดงถึงจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาณาจักรอเมเลียได้เผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเนื่องจากการรุกรานของหนึ่งในสี่ราชาปีศาจ นั่นก็คือแอชมีเดีย เหตุการณ์นั้นทำให้เจ้าหญิงองค์แรกและนักบุญแห่งอาณาจักรอเมเลีย โรสแมรี โลโต อเมเลีย อัญเชิญผู้กล้าและนักปราชญ์มา ยิ่งกว่านั้น เด็กที่เกิดมาพร้อมกับพรของอาร์คเมจ, ราชาหอกและนักบุญดาบ ล้วนมาจากเมืองลามูร์แห่งนี้กันทั้งนั้น

 

และหนึ่งในคนเหล่านี้ ผู้ที่มีพรราชาหอก คือคู่ต่อสู้ของฉันสำหรับการจำลองต่อสู้ในวันนี้

 

“โอร่าโอร่าโอร่า เป็นไงล่ะ!? ไอ้คนไร้ความสามารถ!!!”

 

ฉันแทบจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีของไม้พลองในมือเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนี้ได้เลย มันเล็งไปที่หัว หน้าอก และท้องของฉัน ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าฉันจะพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ แต่เด็กหนุ่มก็จู่โจมด้วยมือข้างเดียวราวกับจะเยาะเย้ยความไร้พลังของฉัน ฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลบการโจมตีของเขา

 

“นายผิดแล้ว โรมัน หมอนี่ไม่ได้ไร้ความสามารถ แต่เขาไร้ความสามารถที่สุดในโลกต่างหาก!!”

 

เพื่อนของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ชายหนุ่มผมบลอนด์เข้ามาเยาะเย้ยฉัน ตามมาด้วยเสียงเย้ยหยันจากนักเรียนชายทุกคนที่ฝึกในโรงฝึกนี้

 

“โอราโอร่า ช่องว่างล่ะ!”

 

เสียงของโรมันดังขึ้นเมื่อเขาแทงไม้มาทางหน้าผากของฉัน เขาผลักฉันกระเด็นได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อฉันฟื้นคืนสติ ฉันรู้สึกเจ็บแสบที่หน้าผากพร้อมกับมือที่เย็นและสบายที่แก้มของฉัน ฉันลืมตาขึ้นและเห็นเด็กผู้หญิงผมสลวยคนหนึ่งมองหน้าฉันด้วยสีหน้ากังวล

 

“ไลล่า?”

 

เมื่อฉันพยายามที่จะขยับหัวของฉัน ฉันได้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ตรงมุมเวทีจำลองการต่อสู้ ฉันได้ยินเสียงตะโกนของเหล่านักเรียนที่กำลังฝึกอยู่ในโรงฝึกข้างเวที

 

“ไค นายเป็นอะไรมั้ย? ถูกตีอย่างแรงที่หน้าผากของนายแบบนั้นน่ะ”

 

เธอถามฉันในขณะที่ปัดผมยาวสีบลอนด์ไปด้านข้าง ผู้หญิงคนนี้คือ ไลล่า เฮลล์เนอร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยหมั้นกัน แต่การหมั้นของเราถูกยกเลิกหลังจากที่ครอบครัวของเธอรู้ว่าพรของฉันคือ [คนไร้ความสามารถที่สุดในโลก]

 

“อ่า หน้าผากของฉันแค่บวมขึ้นนิดหน่อยน่ะ”

 

ไลล่าเพื่อนสมัยเด็กของฉันมองหน้าผากของฉันใกล้ๆ เมื่อฉันเห็นลูกพีชแฝดขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดฝึกสีดำของเธอเข้ามาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอตรวจดูหน้าผากของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงแก้มที่ร้อนผ่าวของฉัน ฉันรีบลุกขึ้น แต่สุดท้ายฉันก็แตะโดนลูกพีชของเธอไปนิดหน่อยเพราะเธอยังคงตรวจดูที่หน้าผากของฉันอยู่

 

หลังจากที่ฉันได้รับพร[คนไร้ความสามารถที่สุดในโลก] ความแข็งแกร่งทางร่างกายของฉันก็ลดลงอย่างมาก มันไม่ดีขึ้นเลยไม่ว่าฉันจะฝึกฝนร่างกายมากแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้ฉันอ่อนแอกว่าผู้หญิงและเด็กที่ไม่ได้รับการฝึกฝนเสียอีก มันเป็นความจริงของสถานการณ์ปัจจุบันของฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันโชคดีจริงๆ ที่การต่อสู้จำลองจบลงด้วยการบวมเล็กเพียงน้อยที่หน้าผากของฉันเท่านั้น

 

ไลล่าถอนหายใจและแตะหน้าผากของฉัน ดูเหมือนฉันจะทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมาก

 

“นายจะไปที่เมืองหลวงจริงๆ เหรอ?”

 

“ใช่ ฉันไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ในเมืองนี้อีกต่อไปแล้วล่ะ”

 

บางทีเนื่องจากลามูร์ มักจะให้กำเนิดผู้ถือพรที่ยอดเยี่ยมมากมาย ผู้ที่ได้รับพรขยะอย่างฉันจึงได้รับการตอบรับอย่างเย็นชา มันยากจริงๆ เพราะในอาณาจักรอเมเลียพรนั้นจะตัดสินอนาคตของคุณ พรคือทุกสิ่ง คุณจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ พรของคุณจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง

 

ดูเหมือนแม่ของฉันจะได้รู้ว่าฉันถูกปฏิบัติอย่างไรในเมืองนี้ เธอถึงขนาดสั่งให้ฉันไปหาที่เมืองหลวงเลยทีเดียว

 

“ถ้าอย่างนั้น นายจะหางานทำในเมืองหลวงเลยงั้นเหรอ?”

 

“ดูเหมือนแม่จะตั้งใจส่งฉันไปเรียนที่ [สถาบันเวทมนตร์โลก(บาเบล)]มันเป็นเมืองที่เป็นกลาง ดังนั้นแม้แต่คนอย่างฉันก็มีโอกาสที่จะได้งานทำที่นั่นได้”

 

เมืองสถาบันการศึกษาที่เป็นกลาง[บาเบล]เป็นเมืองสถานศึกษาขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยโรงเรียนหลายแห่ง ลูกขุนนางจากทั่วโลกไปที่สถาบันนั้น เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเรียนรู้แม้กระทั่งสำหรับคนที่มีพรขยะเช่นฉัน ยังไงก็ตาม มันมีแม้กระทั่งเผ่าที่ไม่ได้รับพรก็ยังเรียนไปที่นั่น

 

“เข้าใจแล้ว บาเบล งั้นสินะ…”

 

ไลล่าพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบของฉัน ในตอนแรก เธอแสดงท่าทีปฏิเสธอย่างรุนแรงเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะต้องแยกจากเรน่าและฉัน เพื่อนสมัยเด็กของเธอ ฉันเดาว่าเธอได้แยกแยะความรู้สึกของเธอแล้ว

 

“ไว้ไปถึงที่นั่นแล้วฉันจะส่งจดหมายมาแล้วกันนะ”

 

“ฉันไม่ต้องการหรอก เพราะว่าฉัน― ”

 

แม้ว่าดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่จู่ๆ เธอก็ปิดปากไป

 

“งั้นฉันขอตัวลาก่อนเพราะต้องจัดกระเป๋าที่ห้อง แล้วเจอกันใหม่นะไค”

 

“อื้ม แล้วเจอกัน”

 

ฉันค่อนข้างงุนงงเนื่องจากคำพูดแปลกๆ ของเธอ แต่ฉันก็ลุกขึ้นและโบกมือล่ำลา

 

ถ้าอย่างนั้นเราไปเยี่ยมปู่เพื่อทักทายกันเป็นครั้งสุดท้ายดีกว่ส

 

พอคิดได้อย่างงั้นฉันก็ลุกขึ้น—

 

“เฮ้ย!”

 

ราวกับว่าจะมาแทนที่ไลล่าที่เพิ่งออกไป โรมันก็เรียกฉัน เขาไม่ได้พยายามที่จะซ่อนความคุกคามในน้ำเสียงของเขาเลย

 

“อืม? มีอะไร?”

 

“ฉันเป็นผู้ถือครองพรราชาหอก!”

 

ฉันที่คิดว่าเขาจะมีอย่างอื่นที่จะพูดกับฉัน มันกลับกลายเป็นเหมือนเดิมกับทุกครั้ง

 

“ใช่ ฉันรู้อยู่แล้ว”

 

“นายไม่ได้หมั้นหมายกับไลล่าซังแล้ว! แม้ว่าฉันอาจมาจากตระกูลสาขา แต่ฉันก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลไฮเนแมน ฉันมีสิทธิ์แต่งงานกับเธอ ไม่สิ ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะได้แต่งงานกับเธอ!”

 

โรมันเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะชอบไลล่ามากตั้งนานมาแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยพยายามซ่อนความรู้สึกเป็นศัตรูกับฉันซึ่งหมั้นหมายกับไลล่าเลย

 

พรของโรมันคือ [ราชาหอก] ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้มีศักยภาพในการทำสงครามในอนาคตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้ แน่นอนว่าเรน่ากับคีธก็เช่นเดียวกัน และรัฐบาลของอาณาจักรอเมเลีย ได้จัดให้พวกเขาได้รับการฝึกฝนการต่อสู้ที่เหมาะสมในเมืองหลวง

 

โรมันก็ได้รับข้อเสนอเดียวกันกับพวกเขาเช่นกัน แต่เขาปฏิเสธและตัดสินใจที่จะฝึกที่ลามูร์ต่อไป ในตอนแรกรัฐบาลของอาณาจักรอเมเลีย โน้มน้าวให้เขายอมรับข้อเสนอนั้น แต่เมื่อพวกเขาตระหนักว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้ พวกเขาจึงอนุมัติให้เขาอยู่ในลามูร์ต่อไป ตราบใดที่เขาไม่ละเลยการฝึกฝน

 

บางที เหตุผลที่โรมันปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลอาจเป็นเพราะไลล่าก็ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาด้วยเหมือนกัน และเขาคิดว่าเธอจะอยู่ในลามูร์ต่อ

 

“นั่นก็แล้วแต่การตัดสินใจของไลล่า”

 

ทันทีที่ครอบครัวเฮลล์เนอร์ยกเลิกการหมั้นหมายของไลล่ากับฉัน ไลล่าก็ประกาศว่าเธอจะตัดสินใจเรื่องสามีของเธอเอง ดูเหมือนว่าเธอจะขัดต่อประเพณีเก่าแก่ของครอบครัวเธอ เธออาจจะใช้การยกเลิกงานหมั้นกับฉันเป็นโอกาสให้เธอปลีกจากครอบครัวของเธอ

 

“นายดูค่อนข้างมั่นใจเลยนะ? นายคิดจริงๆหรือว่าไลล่าซังจะเลือกคนไร้ความสามารถอย่างนาย?”

 

“สิ่งที่ฉันรู้สึกกับเธอแตกต่างจากที่นายรู้สึกกับเธอ นายกังวลกับเรื่องนี้มากเกินไปแล้ว”

 

ไลล่ากับฉันถูกเลี้ยงดูมาจนเหมือนเป็นพี่น้อง เราทั้งคู่ยังค่อนข้างงุนงงเหมือนกันในครั้งแรกที่รู้ว่าเราจะได้แต่งงานกัน

 

“หมายความว่าไงน่ะ”

 

“โรมันอย่ามัวเสียเวลาคุยกับขยะนั่นและกลับไปฝึกได้แล้ว!”

 

ชายร่างกำยำผมเกรียนและคางแตกดุโรมันเสียงดัง พร้อมกับส่งสายตาเหยียดหยามมาที่ฉัน เขาเป็นหนึ่งในอาจารย์ผู้สอนของสำนัก―ชิงะ คนเราเปลี่ยนไปได้เสมอ เขาเคยมองมาที่ฉันด้วยท่าทางใจดีตลอด จนกระทั่งฉันได้รับพรมา

 

“อาจารย์ชิงะพูดถูกแล้วล่ะ ทำไมเราต้องไปเสียเวลาอันมีค่าไปคุยกับมนุษย์ไร้ความสามารถคนนั้นด้วย”

 

ริคุชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อาจารย์ชิงะตักเตือนโรมันพร้อมกับเยาะเย้ยฉัน

 

“บัดซบ! ฉันรู้แล้วน่า! นายได้ยินแล้วใช่มั้ย อย่าเข้าใกล้ไลล่าซังอีกเด็ดขาด!”

 

หลังจากพูดคำพูดในทำนองข่มขู่ออกมาโรมันก็วิ่งกลับไปที่โรงฝึก ฉันถอนหายใจแล้วเดินไปที่ห้องปู่ของฉัน

 

•••••••

 

“ขอบคุณมากสำหรับความเมตตาที่มีให้ผมมาโดยตลอดนะครับ”

 

เมื่อฉันยืดท่าทางหลังจากพูดอย่างนั้น ปู่ของฉันก็ขอโทษฉัน

 

“ขอโทษด้วยนะ ฉันพยายามแล้วที่จะช่วยเจ้า แต่มันถูกคัดค้านอย่างหนักเลยน่ะ”

 

“หมายถึงอะไรครับ”

 

“ก็เรื่องของการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับไลล่าและก็เรื่องการถูกขับไล่นั่นไงล่ะ”

 

“ความสัมพันธ์ของผมกับไลล่า เป็นเหมือนพี่น้องกันมากกว่า ดังนั้นผมไม่รู้สึกอะไรกับการยกเลิกงานหมั้นของเราเลยซักนิด ยิ่งกว่านั้น ความฝันของผมคือการได้ไปเยือนบาเบลและเมืองหลวง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่คิดว่าผมมันแย่ขนาดนั้นนะครับ”

 

มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกจริงๆ ฉันเคยแอบฝันว่าจะสอบฮันเตอร์เพื่อเป็นฮันเตอร์แล้วไปเมืองหลวงของพวกฮันเตอร์บาเบล นั่นเป็นเหตุผลที่สำหรับฉัน การขับไล่ครั้งนี้เหมือนฝันที่เป็นกลายเป็นจริง เรื่องการหมั้นของฉันกับไลล่านั้นเธอเองน่าจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วยเหมือนกัน

 

“เจ้ากลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการเลยนะ”

 

“ไม่ล่ะครับ ที่นี่ไม่มีที่สำหรับผมอีกต่อไปแล้ว—”

 

“อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะแวะกลับมาบ้างซักครั้งสิ!”

 

ปู่ของฉันตะโกนใส่ฉันและออกจากห้องไปก่อนที่ฉันจะทันได้ตอบเขาด้วยซ้ำ ความโกรธของเขาเป็นปกติแบบนั้นเสมอ เขาเลี้ยงดูฉันในฐานะหัวหน้าครอบครัวคนต่อไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม้ว่าฉันจะกลายเป็นคนล้มเหลวหรือไร้ความสามารถในสายตาคนอื่น แต่ความรักที่เขามีต่อฉันในฐานะหลานชายก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว

 

ฉันโค้งคำนับอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อคุณปู่ของฉัน

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

Status: Ongoing
หลังจากที่ไค ไฮเนแมนได้รับพร [ผู้ไร้ความสามารถที่สุดในโลก] ชีวิตของเขาก็พลิกผันไป จนต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมา แล้ววันหนึ่งหลังจากหนีจากการไล่ล่าเขาได้หนีเข้าไปหลบในถ้ำที่จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท