Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru – ตอนที่ 42

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว ยูอิจิก็ได้กินข้าวกล่องของโทโจอินซังทุกวัน

เนื่องจากเขานำข้าวกล่องมาเอง เขาจึงต้องกินข้าวกล่องถึง 2 อัน แต่ยูอิจิมีความแข็งแกร่งแบบนักกินมืออาชีพ ผมเลยมั่นใจว่าเขาจะสบายดี

 

“เพราะฉันอยากจะเป็นภรรยาของยูอิจิ ฉันเลยต้องเรียนรู้วิธีทำอาหารเอาไว้หน่ะจ่ะ”

“ฉันก็ยังซาบซึ้งใจอยู่ดี แม้ว่าเธอจะทำอาหารไม่เป็นก็ตาม”

“ฟุฟุ ฉันรู้อยู่แล้วค่ะ”

 

โทโจอินซังหัวเราะเบาๆ ขณะมองไปที่ฟูจิเสะ

 

“ถ้าเธอทำข้าวกล่องด้วยตัวเองไม่ได้ เธอก็ไม่สามารถเป็นภรรยาของยูอิจิได้หรอกนะคะ”

“อุ…! ชิเงโมโตะคุงรอก่อนนะ! ฉันจะทำข้าวกล่องให้เธอทานในซักวันเอง!”

“อะ-อืม อย่าหักโหมมากเกินไปหล่ะ…”

“จ่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด!”

 

ฟูจิเสะดูมีความสุขที่ได้รับกำลังใจจากยูอิจิ แต่ยูอิจิกลับมีรอยยิ้มเคร่งเครียดบนใบหน้าแทนซะงั้น

ยูอิจิยังไม่เคยลิ้มรสการอาหารของฟูจิเสะเลย… แต่ทุกคนนั้นทราบกันดีว่าฟูจิเสะนั้นทำอาหารไม่ได้

 

ฟูจิเสะทำสิ่งต่างๆ มากมายระหว่างเรียนทำอาหารในโรงเรียนมัธยมปลาย…

 

“…เห้อออ จะต้องทำงานหนักแล้วสิ”

 

เซย์จังที่กำลังกินข้าวเที่ยงอยู่ข้างๆ ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงผมเท่านั้นที่ได้ยินขณะถอนหายใจ

 

ผมกระซิบกับเซย์จังเบาๆ เพื่อไม่ให้ทั้ง 3 คนตรงหน้าเราไม่ได้ยิน

 

“เธอฝึกทำอาหารกับฟูจิเสะตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วใช่หรือเปล่า?”

“เพียงครั้งเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนผลลัพธ์…เอาเป็นว่าฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหยุดชิโฮะไม่ให้ทำข้าวกล่องให้ชิเงโมโตะในวันนี้แล้วกัน”

“อ๋าาา ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสินะ”

 

ความสามารถในการทำอาหารของฟูจิเสะนั้นไม่ใช่ระดับที่สามารถแก้ไขได้ภายในวันเดียว

 

“ครั้งหน้าผมจะช่วยเธอด้วย โอเคไหม?”

“อ่าได้สิ ฉันจะดีใจมากเลยถ้าฮิซามูระสามารถเสียสละตัวเอง… และร่วมมือกับฉันในฐานะนักชิมหน่ะ”

“เอ๊ะเดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าเสียสละใช่ไหม?”

“นายคงหูฝาดไปเอง”

 

ไม่หล่ะ ผมไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ

บางทีผมอาจจะได้รับเชิญให้ลองชิมอาหารของฟูจิเสะสินะ?

 

หากเป็นกรณีนั้นผมคงอยากจะปฏิเสธมันอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้โลกนี้จะเป็นโลกของการ์ตูน แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรอดจากอาหารของฟูจิเสะรึเปล่า

 

“เซย์จังเคยลองกินอาหารที่ฟูจิเสะทำรึยัง?”

“…แค่คำเดียวเท่านั้น”

“……เป็นยังไงบ้าง?”

“สิ่งที่น่ากลัวคือ…ฉันจำไม่ได้ ทันทีที่ฉันกินมันไป ความทรงจำของฉันก็เริ่มล่องลอย และพอฉันรู้ตัวอีกทีฉันก็กำลังนอนอยู่บนเตียง โดยมีชิโฮะคอยดูแลแล้ว”

“มันคงมีพิษอยู่”

 

นั่นเป็นอาการปกติของอาหารเป็นพิษ

เธอเอาตัวรอดมาได้ยังไงกันนะเซย์จัง?

 

ทักษะการปฐมพยาบาลของฟูจิเสะน่าทึ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

ไม่สิ ฟูจิเสะเก่งกว่าพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะเธอมีพลังการเล่นแร่แปรธาตุที่จะสร้างสิ่งที่มีพิษได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใส่สิ่งที่มีพิษลงไปในอาหารก็ตาม

 

“ผมขอโทษเซย์จัง ผมบอกว่าจะให้ความร่วมมือ แต่… ผมขอเปลี่ยนใจได้ไหม?”

“ไม่ นายทำแบบนั้นไม่ได้นะ เพราะคราวหน้าฉันจะต้องให้นายเสียสละตัวเองเพื่อฉัน”

“นี่เธอไม่ได้พยายามที่จะซ่อนมันอีกต่อไปด้วยซ้ำ… เมื่อกี้เธอพูดตรงๆ เลยนะว่าฉันเป็นผู้เสียสละหน่ะ”

“ใครจะไปคิดหล่ะว่านักชิมจะไม่ยอมเสียสละหลังจากได้ยินเรื่องราวว่าฉันหมดสติหลังจากกินมันไปแล้ว?”

“อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ”

 

ไม่ว่าใครฟังก็รู้ว่านักชิมจะต้องเสียสละ

 

“พวกเราวางแผนกันว่าจะฝึกกันที่บ้านของฉันอีกครั้งในครั้งนี้”

“เอ๊ะ…? บ้านเซย์จังเหรอ?”

 

ผมไม่คิดเลยว่ามันเป็นที่บ้านของเซย์จัง

แต่พอลองมาคิดดูแล้ว เนื่องจากเซย์จังจะสอนวิธีทำอาหารให้ฟูจิเสะ การสอนเธอในสถานที่ที่เธอคุ้นเคยกับการทำอาหารจึงน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

“นะ-นายจะมาใช่ไหม?”

“ไปครับ”

“เอ๊ะ จริงเหรอ? ดูจากปฏิกิริยาของนายก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่านายจะปฏิเสธซะอีก”

“จริงๆ แล้วผมก็อยากปฏิเสธนะ แต่ผมปฏิเสธคำขอของเซย์จังไม่ได้หรอก”

“งะ-งั้นเหรอ…ช่วยดูแลฉันด้วยนะ”

 

เซย์จังดูเขินอายเล็กน้อยและหันหลังกลับเพื่อหลบสายตาไปจากผม

ผมไม่คิดว่าควรจะบอกเซย์จังว่าหูของผมเองก็แดงเหมือนกัน

 

“นี่ชิมาดะซัง ฮิซามุระคุง”

 

โทโจอินซังที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา จู่ๆ ก็เรียกชื่อพวกเราขึ้นมาจนทำให้เซย์จังกับผมตกใจทั้งคู่

 

“อ๊ะ! มีอะ-อะไรงั้นเหรอโทโจอินซัง?”

“คุณสองคนจีบกันและแอบคุยกันมาซักพักแล้วนะ กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่งั้นเหรอคะ?”

“อะไรนะ!? พะ-พวกเราไม่ได้จีบกันซักหน่อย! เราแค่คุยกันเท่านั้นเอง!”

“อ๊ะ งั้นเหรอคะ ฉันคิดว่าพวกคุณกำลังคบกันอยู่ซะอีกค่ะ”

“มะ-ไม่ใช่ซักหน่อย!”

 

เซย์จังปฏิเสธเสียงดังมากจนทั้งชั้นได้ยิน

เนื่องจากกลุ่มเราได้รับความสนใจจากทั้งชั้นเรียนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเรากลับได้รับความสนใจมากกว่าเดิมซะอีก

 

โดยปกติแล้วทุกคนจะจ้องมองไปที่ยูอิจิ, โทโจอินซังและฟูจิเสะ แต่คราวนี้กลับเป็นผมและเซย์จังแทน

 

โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายทุกคน พวกเขากำลังจ้องมองมาที่ผมอย่างตั้งใจเลยแหละ…

 

“เฮ้ หมอนั่นก็เป็นคนทรยศเหมือนกับชิเงโมโตะงั้นเหรอ…?”

“แต่ดูเหมือนชิมาดะซังจะบอกว่าไม่ได้คบกันไม่ใช่เหรอ?”

“ใจเย็นๆ ก่อนนะพวกเอง ก่อนอื่นเลยหากเราสามารถพูดอย่างใกล้ชิดกับชิมาดะซังได้ เราก็คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศใช่ไหม?”

“ใช่ โอเค จดชื่อหมอนั่นไว้ในบัญชีดำ”

 

เดี๋ยวนะ เหมือนเมื่อกี้ผมจะได้ยินบทสนทนาที่น่ากลัวดังมาจากกลุ่มพวกผู้ชายนะ

 

บัญชีดำคืออะไร? พวกนั้นจะฆ่าผมงั้นเหรอ?

อาจจะไม่ใช่ ผมแน่ใจว่าชื่อของยูอิจิต้องมีอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน

 

กรุณาอย่าใส่ชื่อของผมลงไปในสถานที่ที่น่ากลัวแบบนั้นสิฟะ

 

ไม่สิเพราะว่าผมกำลังคบกับเซย์จังอยู่จริงๆ ดังนั้นผมจึงสมควรที่จะอยู่ในรายชื่อนั้นมากกว่ายูอิจิ แต่ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้นเลยนะ

 

“หือ เข้าใจแล้ว พวกคุณไม่ได้กำลังคบกันอยู่นี่เอง”

“พะ-พูดอะไรของเธอหน่ะ?”

“ฟุฟุ ไม่อะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ”

 

โทโจอินซังยิ้มหลังจากพูดคำที่มีความหมายบางอย่าง

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น เซย์จังก็จ้องมองเธอราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

 

พอมาคิดดูแล้ว โทโจอินซังจะรู้ไหมนะว่าเรากำลังคบกันอยู่?

 

ผมไม่ได้บอกเธอ และไม่คิดว่าเซย์จังจะสนิทกับเธอมากพอที่จะบอกเธอเรื่องนี้ด้วย

 

แต่เมื่อตัดสินจากปฏิกิริยาปัจจุบันของเธอแล้ว ผมรู้สึกว่าเธอน่าจะพอเดาได้แล้ว

 

“อ๊ะ ยังไงก็เถอะ สัปดาห์นี้มีแข่งบอลสินะจ๊ะ?”

 

ขณะที่โทโจซังและเซย์จังกำลังจ้องมองกันและกันอยู่ ฟูจิเสะก็พูดขึ้นมาเพื่อพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

 

“อ่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็จริงด้วย”

 

ยูอิจิพูดขณะกินข้าวกล่องของเขาอยู่

ยูอิจิคงเคยเห็นโทโจอินซังและเซย์จังทะเลาะกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

 

เขาช่างไม่อ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้เลยนะ ทำเอาผมรู้สึกอิจฉาจริงๆ

 

อย่างที่ฟูจิเสะบอก สัปดาห์นี้จะมีการแข่งขันบอลระหว่างห้องเรียน

 

ผ่านไปเกือบเดือนแล้วที่พวกเราเข้าเรียนปีที่สอง และโรงเรียนแห่งนี้มีกิจกรรมเช่นนี้เพื่อช่วยให้พวกเราเข้ากันได้ดีขึ้นในชั้นเรียน

“พวกผู้ชายแข่งเบสบอลกันสินะ?” 

“อ่ะ ส่วนพวกผู้หญิงก็แข่งบาสเก็ตบอลกันใช่ไหม?”

“อืม”

“ฉันอยากให้แข่งบาสเก็ตบอลแทนมากกว่า”

 

ยูอิจิเป็นเอซของทีมบาสเก็ตบอล ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องบาสเขาก็คงไม่มีใครเทียบได้ และผู้ชายในห้องเรียนของผมคงจะชนะอย่างแน่นอน

“ชิเงะโมโตะคุง เล่นเบสบอลไม่เป็นงั้นเหรอจ๊ะ?” 

“เปล่าหรอก ก็เล่นได้ประมาณคนทั่วไปอยู่แหละ”

“อะไรคือประมาณคนทั่วไปกัน ยูอิจิ ตอนม.ต้นในคาบพละนายตีโฮมรันจากพิตเชอร์ที่เก่งที่สุดของจังหวัดได้ 2 ครั้งติดเลยไม่ใช่เหรอ”

“เอ๋! สุดยอดเลย!” 

“อ๊ะ มีเรื่องแบบนั้นด้วยสินะ เดี๋ยวก่อนนะ…ทำไมคาโอริถึงรู้หล่ะ? คาบพละแยกชายหญิงไม่ใช่เหรอ?” 

“แม้ว่ายูอิจิจะไม่รู้เรื่องนี้ก็เถอะ แต่มันก็เป็นประเด็นร้อนที่โรงเรียนเลยนะ…แถมฉันเองก็มีภาพจากช่วงเวลานั้นอยู่ด้วย”

“ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น…เดี๋ยวก่อนเธอพูดว่าอะไรในตอนท้ายนะ?”

“เปล่านี่”

 

ไม่ๆ มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเปลี่ยนเรื่องได้ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ?

ทำไมเธอถึงมีภาพของยูอิจิในวิชาพละของตอนมัธยมต้นได้กันหล่ะ…?

 

ผมกลัวเกินกว่าที่จะถามออกไป เลยขอไม่ถามคงจะดีกว่า

 

“งั้นในงานแข่งกีฬาของพวกผู้ชาย คงจะชนะเพราะมีชิเงะโมโตะคุงอยู่”

“แล้วฝั่งผู้หญิงหล่ะ? ห้องเราดูไม่มีใครอยู่ชมรมบาสเลยนะ…”

“ห้องเรามีเซย์จังอยู่นะ”

“หืม? ชิมาดะมีประสบการณ์เล่นบาสเกตบอลเหรอ?”

 

ยูอิจิถามเซย์จังแบบนั้น เพราะเขายังไม่รู้เรื่องความสามารถทางกีฬาของเซย์จัง

 

“เปล่าหรอก ฉันแค่เคยเล่นในวิชาพละอย่างเดียวหน่ะ”

“งั้นหมายความว่าเธอมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาสินะ?”

“ถ้าให้พูดเองก็คงใช่”

“เซย์จัง ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ตอนม.ต้นเธอเคยแข่งหนึ่งต่อหนึ่งกับเอซของชมรมบาสหลายครั้งแล้วก็ไม่เคยแพ้เลย”

“เอ๋? เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

ยูอิจิตกใจจนตาโต

 

“คงจะมีเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ ชิโฮะความจำดีหนินะ”

“ฮิฮิ เซย์จังดูเท่มากเลยแหละตอนนั้น”

“งะ-งั้นเหรอ…”

 

พอถูกฟูจิเสะชมตรงๆ แบบนั้น เซย์จังก็ดูเขินเล็กน้อย น่ารักจังเลย

แบบนี้พอถึงงานแข่งกีฬา ก็จะได้เห็นเซย์จังในลุคที่เท่แบบนั้นล่ะสิ

มันคงจะเป็นเหตุการณ์ที่ดีที่สุดเลยล่ะ

 

“อาร่า ชิมาดะซังเองก็เก่งกีฬาเหมือนกันสินะคะ? ฉันเองก็เก่งกีฬาเหมือนกันค่ะ”

โทโจอินซังพูดพร้อมยิ้ม

 

ใช่แล้ว ในต้นฉบับก็เคยบอกเอาไว้ว่าโทโจอินซังเก่งทั้งการเรียนและกีฬา คะแนนสอบทุกครั้งก็ได้ที่หนึ่งแน่นอน แต่เรื่องกีฬานี่ไม่ค่อยได้พูดถึงในต้นฉบับเท่าไหร่

 

“งั้นโทโจอินซังเองก็เล่นบาสเก่งเหมือนกันสินะ?”

“ใช่ค่ะ ฉันเคยแข่งตัวต่อตัวกับคนในชมรมบาสตอนม.ต้น แต่ก็ไม่เคยแพ้เลยค่ะ”

 

ว้าว พวกเธอพูดเหมือนกับว่าการที่ยูอิจิและเซย์จังชนะคนในชมรมกีฬาเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่จะชนะเลย แต่ปกติแล้วมันไม่เป็นแบบนั้นหรอกนะ

การแข่งบาสเกตบอลแบบตัวต่อตัวนั้น ความต่างระหว่างคนที่มีประสบการณ์กับคนที่ไม่มีประสบการณ์มันเยอะมากเลยนะ

 

“อ่ะ ไม่ใช่ว่าโทโจอินซังไม่ได้อยู่ห้องเรางั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

 

โทโจอินซังมาในช่วงพักกลางวันในห้องนี้ทุกครั้ง แต่จริง ๆ แล้วเธออยู่คนละห้องกับเรา หมายความว่างานแข่งกีฬาที่เป็นการแข่งระหว่างห้อง โทโจอินซังจะเป็นคู่แข่งของพวกเรา

 

“งานแข่งกีฬาน่าสนุกจังเนอะ”

“ใช่ ฉันรอวันที่จะได้เอาชนะท่านหญิงจอมอวดดีบางคนไม่ไหวแล้วสิ”

“หุหุ ฉันไม่เคยแพ้ในชีวิตเลย และการแข่งกีฬาครั้งนี้ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ”

“นั่นก็ไม่แน่หรอก ยังไงก็ต้องแข่งดูก่อนถึงจะรู้”

 

…เอ๊ะ อะไรเนี่ยสถานการณ์แบบนี้

ไม่คิดเลยว่าเรื่องงานแข่งกีฬาจะทำให้ทั้ง 2 คนนี้เปิดศึกกันโจ่งแจ้งขนาดนี้

แม้แต่ฟูจิเสะที่เริ่มหัวข้อนี้ขึ้นมาเองก็ดูสนุกสนานไปกับเขาด้วย

 

“ฟุฟุ ฉันกำลังตั้งตารออยู่นะชิเงโมโตะคุง”

“อืม ถ้าห้องเราชนะทั้งผู้ชายและผู้หญิงก็ดีสิ”

“ยูอิจิ ฝั่งผู้ชายอาจเป็นไปได้อยู่นะ แต่ฝั่งผู้หญิงไม่มีทางหรอก เพราะห้องฉันจะชนะ”

“ความมั่นใจเต็มที่เลยนะ แต่ฉันว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก”

“ฟุฟุ คอยดูก็แล้วกันค่ะ”

 

…เรื่อง “โอโจจามะ” ไม่ใช่การ์ตูนกีฬาแน่ใช่ไหม?

มันเป็นการ์ตูนรักคอเมดี้ไม่ใช่เหรอ?

 

ทำไมดูเหมือนเซย์จังกับโทโจอินซังถึงมีประกายไฟระหว่างกันขนาดนี้

งานแข่งกีฬาวันพุธนี้ที่กำลังจะถึงในอีก 2 วัน

 

ตื่นเต้นจังที่จะได้เห็นเซย์จังในลุคที่เท่แบบนั้น

 

 

-Facebook Fanpage-

Translarator

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต\

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท