ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 65 นัดพบ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 65 นัดพบ

“คุณหนูอ่านหนังสืออยู่หรือเจ้าคะ” หงโต้วเดินเข้ามา “สองวันนี้ท่านนอนมากไปเล็กน้อย อ่านหนังสือจะทำให้ยิ่งง่วงนอนมิใช่หรือ”

โค่วเอ๋อร์สังเกตสีหน้าของลั่วเซิง ดูไม่ค่อยปกติ “คุณหนู แก้มของท่านแดง รู้สึกไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ”

ขณะที่พูดนางก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากของลั่วเซิง เมื่อสัมผัสถึงหน้าผากที่ร้อนผ่าวก็อดอุทานขึ้นไม่ได้ “คุณหนู ท่านตัวร้อน!”

ลั่วเซิงวางหนังสือลงข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก”

นางมียาบำรุงและยาลดไข้ที่ขอให้หมอหวังช่วยจัดให้เมื่อครั้นอยู่จินซาติดตัว ยาทั้งสองชนิดนี้หมอเทวดาหลี่เป็นผู้คิดค้น

ยาลดไข้เป็นยาช่วยลดฤทธิ์ร้อนในร่างกายได้ดี แต่ต้องรอให้ความร้อนระเหยออกมาค่อยทานจึงจะเห็นผลดีที่สุด

ตอนนี้นางเพิ่งเริ่มตัวร้อนเท่านั้น

คุณหนูลั่วมีร่างกายที่แข็งแรงมาก แต่เนื่องจากเดินทางตลอดเวลา อีกทั้งยังมีเรื่องของน้องเล็กและซือหนาน สุดท้ายนางก็แบกรับไม่ไหว

พอความโกรธแค้นในใจหายโรคก็มา

“ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร! คุณหนู ท่านป่วยแล้วก็ต้องเชิญหมอมา ป่วยแต่ไม่ยอมรักษาแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ…” โค่วเอ๋อร์ร้อนรนจนเดินวนไปมา

ร่างกายของคุณหนูของพวกนางแข็งแรงจะตายไป พลังเหลือล้นเมื่อสู้กับใครขึ้นมา เหตุใดไปจินซาเพียงแค่ครั้งเดียว ร่างกายก็อ่อนปวกเปียกเช่นนี้นะ

โค่วเอ๋อร์ยิ่งคิดยิ่งร้อนรน แต่กลับไม่กล้าตัดสินใจเชิญหมอมา ได้แต่พร่ำบ่นอยู่ข้างๆ ลั่วเซิง

จู่ๆ ลั่วเซิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณหนูลั่วไปจินซาจึงพาหงโต้วไม่พาโค่วเอ๋อร์ไป

นังหนูนี่จู้จี้จุกจิกจริงๆ คนทั่วไปทนไม่ไหวหรอก

“ข้ามียา หมอเทวดาเป็นคนให้” ลั่วเซิงหยุดโค่วเอ๋อร์ที่กำลังบ่นร่ำไรด้วยประโยคเดียวทันที

หงโต้วไม่สงสัยในคำพูดของลั่วเซิงแม้แต่น้อย นางรีบถามว่า “แล้วท่านกินหรือยังเจ้าคะ”

“ยังไม่ใช่เวลา ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นหรือ”

หงโต้วยื่นเทียบให้นาง “นี่คือเทียบขอพบของจวนไคหยางอ๋อง บ่าวคิดว่าท่านอาจจะอยากดูก็เลยนำมาให้เจ้าค่ะ”

ลั่วเซิงรับเทียบมาไม่ได้เปิดดูในทันที แต่ถามว่า “ส่งเทียบมาหลายคนเลยหรือ”

“เจ้าค่ะ ไม่ว่าปีศาจวัววิญญาณงูที่ไหนก็บังอาจส่งเทียบให้คุณหนู บ่าวปฏิเสธไปหมดแล้ว”

ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ

นางไม่มีพลังหรืออารมณ์ที่จะจัดการกับผู้คนมากมายเกินไปในยามนี้จริงๆ

แต่จวนไคหยางอ๋องส่งเทียบมาทำไมกัน

ลั่วเซิงเปิดเทียบ อ่านจบเงียบๆ ยังคงไม่รู้สาเหตุ

ไคหยางอ๋องเพียงแค่อยากพบนาง

ลั่วเซิงคิดถึงชายชุดดำคนนั้นที่คิดจะทำให้ซิ่วเย่ว์หมดสติในคืนนั้น

ไคหยางอ๋องไปตรวจสอบจวนเจิ้นหนานอ๋องตามรับสั่งของฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าตรวจเจออะไรเข้า

ตอนนี้ลั่วเซิงอยากรู้ว่าเหตุใดจึงบังเอิญเจอไคหยางอ๋องผู้สมถะไม่โอ้อวดและมีคนติดตามรับใช้น้อยระหว่างทาง พวกเขานั่งรถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ไคหยางอ๋องเองก็มีภารกิจไปเร็วไม่ได้

นางตัดสินใจไปพบเว่ยหาน

ในเมื่อนางตัดสินใจแล้วว่าจะแก้แค้น ไม่ว่าจะเป็นไคหยางอ๋อง ผิงหนานอ๋อง รวมไปถึงองค์รัชทายาท พวกเขาไม่ได้ติดต่อนาง นางก็ต้องหาโอกาสเข้าหาพวกเขา

“ไปส่งจดหมายเถอะ”

หงโต้วเดินออกจากห้อง เม้มปากอย่างได้ใจให้โค่วเอ๋อร์ “เป็นไงเล่า ข้ารู้ใจคุณหนูที่สุดอยู่ดีสินะ ผู้อื่นน่ะไม่ต้องเจอก็ได้ แต่ไคหยางอ๋อง คุณหนูต้องอยากเจอแน่นอน”

ระหว่างทางนางก็มองออกแล้วว่าคุณหนูปฏิบัติกับไคหยางอ๋องอย่างแตกต่าง ยอมให้เขาติดหนี้เสียอย่างนั้น

จุ๊ๆ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชายที่คุณหนูหมายตาไว้ในครานั้น

ลั่วเซิงและเว่ยหานนัดพบกันที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ห้องรับรองเงียบสงบ กลิ่นชาหอมฟุ้ง ลมต้นฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ ทำให้จิตใจเบิกบานและผ่อนคลาย

ทว่าลั่วเซิงในบัดนี้ร่างกายไม่ค่อยจะดีนัก นางรู้สึกศีรษะหนักอึ้ง แต่โชคดีที่นางแต่งหน้ามาจึงปกปิดใบหน้าที่ป่วยไว้ได้

“ท่านอ๋องนัดพบข้า ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเจ้าคะ” ลั่วเซิงเอ่ยปากถามก่อน

น้ำเสียงของนางฟังดูเยือกเย็นเล็กน้อย เนื่องจากเป็นไข้ เสียงของนางยังแหบแห้งเล็กน้อยซึ่งฟังดูแปลกสำหรับเว่ยหาน

“อยากขอให้คุณหนูลั่วช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”

“ไม่ทราบว่าข้าช่วยอะไรท่านอ๋องได้หรือ” ลั่วเซิงอมยิ้มมองเว่ยหาน

นางกลับตัดสินใจในใจไว้แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็จะไม่ช่วย ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

ไคหยางอ๋องทำตามรับสั่ง จะบอกว่าเป็นศัตรูของนางก็ดูเกินไป แต่พวกเขายืนคนละฝั่ง นี่คือข้อเท็จจริงที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้

นางและเขา สักวันหนึ่งอาจจะต้องประจันหน้ากัน

เมื่อเว่ยหานเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวก็ละทิ้งความลังเลเมื่อครั้นส่งเทียบให้เหล่านั้น “ไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วสะดวกที่จะบอกหรือไม่ว่าหมอเทวดาหลี่ชอบสิ่งใด หากไม่สะดวกที่จะบอกตรงๆ ว่าคืออะไร ชี้แนะเป็นแนวทางก็ได้”

เขาคืนเงินสามพันห้าร้อยตำลึงไม่ขาดไม่เกินให้ คุณหนูลั่วอาจจะเห็นแก่เรื่องที่เขาสละป้ายหมายเลขยอมให้คำแนะนำเขาก็ได้

ระยะเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักระหว่างทางกลับเมืองหลวง เขารู้สึกว่าแม้หญิงสาวตรงหน้าจะใจดำและรักเงินทอง แต่ก็เป็นคนที่คุยด้วยง่าย อย่างน้อยตอนที่เขาให้สือเยี่ยนเสนอจ่ายเงินแลกอาหาร นางก็ตอบตกลงทันที

ลั่วเซิงมองเว่ยหานด้วยรอยยิ้ม ในใจกลับยิ้มหยัน

หน้าของชายคนนี้ไม่ได้บางไปกว่านางเลย ก็แค่สละป้ายหมายเลขก็คิดจะทวงบุญคุณแล้ว

ครานั้นนางพูดชัดเจนแล้วว่าใช้ป้ายหมายเลขลบหนี้ ไม่ได้เอาไปโดยไม่เสียอะไรเสียหน่อย ส่วนเรื่องที่เขาคืนเงิน นั่นก็เป็นเรื่องของเขา

อีกอย่าง เงินสามพันห้าร้อยตำลึงไม่ต้องคิดดอกเบี้ยเลยหรือ

หากจะคิดดอกเบี้ยของป้ายหมายเลขด้วยแล้ว เขาได้เปรียบอยู่ดี

เว่ยหานเห็นลั่วเซิงยิ้มมองเขาไม่พูดไม่จา จู่ๆ ก็สับสน “เช่นนั้นคุณหนูลั่วหมายความว่า…”

“ไม่ได้” ลั่วเซิงเอ่ยเพียงสองพยางค์ออกมา

เว่ยหานอดกระตุกมุมปากไม่ได้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดว่าจะถูกปฏิเสธ ที่เขาส่งเทียบไปให้จวนแม่ทัพใหญ่ก็แค่คิดว่าเผื่อจะโชคดี เขาไม่คิดเลยว่าคุณหนูลั่วจะยอมมาพบอย่างง่ายดาย และยังปฏิเสธเขาอย่างง่ายดาย

หากไม่ใช่เพราะต้องการหมอเทวดาจริงๆ เขาก็คงไม่มานั่งที่นี่อย่างหน้าด้านๆ เช่นนี้

ลั่วเซิงเห็นแววตาผิดหวังและเย้ยหยันตนเองของเขาก็พอจะระบายความโกรธไปได้บ้าง นางพูดต่อไปว่า “แต่หากท่านอ๋องบอกเหตุผลที่ขอพบหมอเทวดา บางทีข้าอาจจะลองพิจารณาดูได้”

นางไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น แต่การรู้เรื่องของไคหยางอ๋องสักเล็กน้อยก็ดี เผื่อบังเอิญว่ามีสิ่งที่นางต้องการเล่า

“ไม่ได้” ครานี้เปลี่ยนเป็นเว่ยลั่วที่ปฏิเสธอย่างง่ายดาย

ลั่วเซิงได้ยินดังนั้นมีสีหน้าดังเดิม นางยกถ้วยชาขึ้นจิบคำหนึ่งก่อนจะวางลงบนโต๊ะ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวกลับก่อน ขออภัยที่ช่วยท่านอ๋องไม่ได้”

เว่ยหานมองสีหน้าเรียบเฉยของหญิงสาวด้วยความสงสัย เหตุใดนางจึงสนใจในเรื่องส่วนตัวของเขาเช่นนี้นะ

หลังจากสงสัยแล้ว เขาอดถามไม่ได้ว่า “เหตุใดคุณหนูลั่วจึงอยากรู้เรื่องส่วนตัวของข้า”

ลั่วเซิงคิดครู่หนึ่ง ยิ้มตอบว่า “อาจจะเป็นเพราะท่านอ๋องรูปงามกระมัง”

เว่ยหานกระตุกคิ้วเบาๆ นางกำลังหยอกล้อเขาหรือ

ไม่เพียงเท่านี้ น้ำเสียงไม่แน่ใจของนางหมายความว่าอย่างไรกัน ต้องการให้เขายืนยันหรือ

จู่ๆ เว่ยหานก็รู้สึกว่าการพบหน้ากันครานี้คือความผิดพลาด และยังเป็นเขาเองที่เลือกทำ

ผิดเป็นครู ต่อไปหากเขาติดต่อกับคุณหนูลั่วอีกจะลงโทษตนเองไปขัดถังส้วมแทนสือเยี่ยน

แม้จะนึกเสียใจในใจ แต่ก็ต้องนิ่งไว้

เว่ยหานยิ้มน้อยๆ “วันนี้ข้ารบกวนแล้ว ข้าไปส่งคุณหนูลั่ว”

ลั่วเซิงลุกขึ้น “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ให้ผู้อื่นเห็นท่านอ๋องเดินส่งข้า จะทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องเอา”

นางพูดเสร็จก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก จู่ๆ ขาก็อ่อน นางรีบพยุงขอบโต๊ะเพื่อทรงตัว

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท