ตอนที่ 355 ผู้ทำตามสัญญากับผู้ละอาย
รัฐปิง จังหวัดหยาเฉียน ม้าเร็วหลายตัวกำลังห้อตะบึงภายใต้การเร่งจากแส้เจ้าของ
“ย่า…”
“ย่า…”
“ฮ่า…”
“ย่า…”
เสียงควบม้าดังอึกทึกไม่หยุด ผู้นั่งบนหลังม้าทักษะเป็นเลิศ บนเส้นทางเช่นนี้เขาใช้ร่างกายตนควบคุมม้าหลบเลี่ยงอันตรายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ทำให้ความเร็วไม่เคยลดลง
เส้นทางหลายแห่งเฉอะแฉะ โคลนกับสิ่งสกปรกกระเด็นจนทำให้บนตัวผู้ขี่แต่ละคนเปื้อนโคลนเต็มไปหมด
ผู้นำโพกผ้าคาดหัว แบกดาบยาว ใช้มือเดียวกุมบังเหียน แขนเสื้ออีกข้างกลับว่างเปล่า
“อยู่ข้างหน้า ทุกท่าน พวกเราพยายามหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปอีกเด็ดขาด!”
“ฮ่าๆๆ… พวกเราเปลี่ยนม้าตรงเมืองก่อนถือว่าทำถูกดังคาด ม้าของพวกเขายืนหยัดไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งควบม้าห้อตะบึงบนทางข้างหน้าแต่ไกล ผู้ขี่ตามหลังมีคนหัวเราะยินดี ทั้งกลุ่มต่างหัวเราะตาม
กลุ่มคนข้างหน้าสังเกตเห็นว่าผู้ตามล่าเข้ามาใกล้ พวกเขาแทบอยากจะบินหนีทันที
“บัดซบ คนกลุ่มนี้ตามไม่จบไม่สิ้นจริงๆ! ย่า…”
“ย่า…” “ย่า…”
เห็นชัดว่าจำนวนคนกลุ่มนี้มากกว่าคนด้านหลังไม่น้อย มีมากถึงยี่สิบกว่าคน ทั้งหมดสวมชุดรัดรูปสีเทา ส่วนคนด้านหลังมีแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น แต่ท่าทางของสองฝ่ายกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
ผ่านไปอีกหนึ่งเค่อกว่า เห็นชัดว่าม้าข้างหน้าใกล้ทนไม่ไหวแล้ว ความเร็วลดลงอย่างชัดเจน
ตู้เหิงหรี่ตามองเบื้องหน้า ก่อนกล่าวกับพวกพ้อง
“พี่หวัง พวกเราไปขวางพวกเขากัน”
“ได้!”
ทั้งสองคุยกันอย่างเรียบง่าย การเคลื่อนไหวก็เช่นกัน หลังจากพูดจบต่างคนต่างตบหลังม้าก่อนทะยานสู่ฟากฟ้า เหยียบหลังม้าอาศัยความเร็วจากการวิ่งตะบึงของอาชาพลางกระโจนไปข้างหน้า สำแดงวิชาตัวเบาเร่งความเร็วอีกครั้ง อ้อมกลุ่มคนข้างหน้าไปทางซ้ายขวาก่อนโรยตัวลงตรงหน้าพวกเขา
ตู้เหิงกับหวังเค่อคนหนึ่งใช้ดาบยาวคนหนึ่งใช้ดาบใหญ่พาดหลัง ต่างคนต่างชักดาบออกจากฝักกลางอากาศ
ชิ้ง… ชิ้ง…
ฟุ่บ… ฟุ่บ…
แสงดาบวาบผ่านตรงหน้า ขวางทางไปของคนกลุ่มนั้น
พรวด… ตึง…
สองคนที่อยู่ข้างหน้าสุดคนหนึ่งถูกฟันตกจากม้า ม้าล้มลงเช่นกัน อีกคนกลับตวัดกระบี่ขวางดาบของหวังเค่อ
ด้วยม้าข้างหน้ากับคนตกม้าสกัดทางม้าหลายตัว เสียงตะโกนของผู้ขี่กับเสียงร้องของม้าประสานกัน สุดท้ายขบวนผู้หลบหนีจึงหยุดลง
ตู้เหิงกับหวังเค่อยืนบนทางข้างหน้า ไม่นานพวกพ้องอีกหกคนมาปิดทางข้างหลัง บีบพวกเขายี่สิบกว่าคนอยู่ตรงกลาง
เดิมหวังเค่อก็เป็นคนจังหวัดหยาเฉียน ตอนนี้เป็นหัวหน้ามือปราบประจำจังหวัด ครั้งนี้ตามล่าอันธพาลบนยุทธภพแดนเยี่ยนกลุ่มหนึ่ง ประมือกันหลายครั้งไม่อาจจับกุม ถึงขั้นว่าสูญเสียมือปราบของทางการบางคนด้วย กระทั่งเจอตู้เหิงพาคนมาช่วย ยอดฝีมือจำนวนมากขึ้น สุดท้ายจึงขวางพวกลื่นเหมือนปลาไหลได้
ชายใช้กระบี่ขวางดาบหวังเค่อเมื่อครู่จ่อดาบใส่ตู้เหิงพลางกล่าวด้วยเสียงเคียดแค้น
“ตู้เหิง เจ้าเดินตามทางของเจ้า ข้าเดินตามทางของข้า พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน แต่เจ้ากลับพาคนมาตามล่าข้านานถึงหนึ่งเดือน นี่มันเกินกว่าจะทนไหวแล้ว!”
ตู้เหิงแย้มยิ้มเล็กน้อย สบตาหวังเค่อที่อยู่ด้านข้าง
“ไม่ได้บอกให้เจ้าทนเสียหน่อย!”
หวังเค่อหัวเราะลั่นขึ้นมาเช่นกัน
“พวกเจ้าอยากหนีเองไม่ใช่หรือ ถ้าเจ้ามีปัญญาจริง ควรต่อสู้ตัดสินกับพวกเรานานแล้ว ทำไม กล้าทำชั่วปล้นสะดม แต่ไม่กล้ายอมรับความตายหรือ”
ตู้เหิงส่ายศีรษะเล็กน้อย
“พี่หวัง ท่านลืมแล้ว ยิ่งเป็นคนจำพวกนี้ ยิ่งรังแกผู้อ่อนแอกลัวผู้แข็งแกร่ง เมื่อเจอพวกรังแกง่ายมักเหี้ยมโหดผิดปกติ เมื่อเจอคนซึ่งสู้ไม่ได้มักฝ่าเท้าลูบน้ำมัน”
จอมยุทธ์บนม้าด้านหลังลงจากม้าพลางขานรับเสียงดัง
“จอมยุทธ์ตู้กล่าวถูกต้องยิ่ง ถ้าคนกลุ่มนี้ยังมีน้องชายตรงหว่างขา ย่อมไม่มีทางเห็นพวกเราแล้ววิ่งหนี แต่วันนี้ถึงเวลาตัดสินแล้ว!”
หกคนนั้นมีผู้หนึ่งผูกไหสุราตรงเอว เขาดื่มอึกหนึ่งก่อนส่งให้คนด้านข้าง
หลี่ทงโจวยืดเหยียดกล้ามเนื้อเล็กน้อย มองอันธพาลยี่สิบกว่าคนที่ยังอยู่บนหลังม้าไม่ลงมาพลางกล่าวเสียงดัง
“จ้าวต้าถง หากเจ้ายอมฆ่าตัวตาย พวกเรารับปากว่าจะช่วยครอบครัวเจ้าจากศัตรูคู่แค้น พวกเจ้าก็เช่นกัน!”
คนบนหลังม้ามองตู้เหิงกับหวังเค่อข้างหน้า ทั้งมองพวกหลี่ทงโจวซึ่งอยู่ด้านหลัง ก่อนแค่นหัวเราะอย่างต่อเนื่อง
“หึๆ ข้าจ้าวต้าถงไม่มีครอบครัวนานแล้ว พวกเจ้าถือเป็นศัตรูคู่แค้นของพวกเรา พวกเจ้าพูดซี้ซั้วเพื่อหลอกพวกเราพี่น้องให้ฆ่าตัวตายหรือ พวกเจ้าฝันหวานไปเถอะ!”
“ใช่ ฝันไปเถอะ!” “อย่างมากแค่สู้ตาย ย่อมฆ่าพวกเจ้าได้บ้าง!”
“ถูกต้อง!” “สู้มัน!”
…
หลี่ทงโจวส่ายหัวยิ้มหยัน ตู้เหิงเงยหน้าเผยท่าทางเรียบเฉย
“จ้าวต้าถง พวกเราต่างจากพวกเจ้า ไม่มีทางรับปากแล้วกลับกลอก ทั้งไม่ข่มเหงคนดีหวาดกลัวคนชั่วหรือกลับคำ หลายปีนี้พวกเรามีชื่อเสียงบนยุทธภพอยู่บ้าง ไม่รักษาคำพูดเมื่อไหร่กัน สิ่งที่พี่หลี่กล่าวคือความเห็นของพวกเราทุกคน พิจารณาหน่อยเถอะ”
ชายบนหลังม้าสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ผ่านไปครู่หนึ่งสุดท้ายยังไม่กล้า ตะโกนถือดาบกระโจนใส่ แน่นอนว่าพี่น้องโดยรอบย่อมตามเขา พุ่งเข้าหาตู้เหิงกับหวังเค่อซึ่งจำนวนคนน้อยกว่า
เพียงพริบตาคนสองกลุ่มห้ำหั่นกัน แสงดาบเงากระบี่หมัดเท้าปะทะ เสียงร้องโหยหวนกับเสียงตะโกนดังก้องป่าแถบนี้ ทั้งมีคนต่อสู้และถอยหลบเข้าป่า เส้นทางต่อสู้ลากยาวไปหลายช่วง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อกว่า
ปึง…
หลี่ทงโจวซัดฝ่ามือใส่ชายร่างกำยำคนสุดท้ายจนกระเด็น กระแทกต้นไม้ลงมากองกับพื้น ศัตรูโดยรอบถ้าไม่สิ้นลมก็ล้มลงกับพื้นสิ้นแรงต่อต้านเช่นกัน
แม้ว่าจำนวนคนต่างกันไม่น้อย แต่วิชายุทธ์ของพวกตู้เหิงกลับแข็งแกร่งกว่ามาก
หลี่ทงโจวปัดมือเล็กน้อย เดินมาอยู่ข้างกายตู้เหิง เห็นฝ่ายหลังสะบัดดาบยาวเล็กน้อย สลัดรอยเลือดบนตัวดาบก่อนเก็บเข้าฝักด้านหลัง
“พี่ตู้ มือปราบหวัง ครั้งนี้หนีไม่รอดสักคน ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ แดนเยี่ยนมีโจรเยอะจริงๆ แต่ฝีมือธรรมดา”
หลี่ทงโจวติดตามข้างกายตู้เหิงมาตลอด ตอนนั้นยังเคยจัดการภูตผีร่วมกับตู้เหิง จัดการคนเถื่อนธรรมดาพวกนี้ย่อมไม่มีแรงกดดันแม้แต่น้อย
“แต่คนที่ถูกพวกเขาทำร้ายกลับไม่คิดเช่นนี้…”
หวังเค่อพูดพลางเตะชายหมดสติด้านข้างคราหนึ่งก่อนกล่าวต่อ
“จ้าวต้าถง ข้ารู้ว่าเจ้าแกล้งสลบ เมื่อครู่ให้เจ้าฆ่าตัวตายแต่เจ้ากลับไม่ยอม หึๆ ก่อนหน้านี้พวกเราพบใต้เท้าจือฝู่แล้ว เมื่อพาเจ้ากลับจังหวัดหยาเฉียน สิ่งที่รอเจ้าอยู่ย่อมเป็นโทษประหารพันมีดหมื่นแล่”
ชายบนพื้นขยับตัวคิดพุ่งหนี แต่ถูกหวังเค่อเตะคอจนสลบเหมือดจริงๆ หลี่ทงโจวที่อยู่ด้านข้างย่อตัวลงสกัดจุดอีกฝ่าย
แปะๆๆๆๆ…
เสียงปรบมือดังมากะทันหัน พวกตู้เหิงได้ยินเสียงเงยหน้ามองแล้วตัวเกร็ง
เห็นแค่บนต้นไม้กลางป่า ถึงกับมีชายชุดเขียวคนหนึ่งนั่งปรบมือบนกิ่งไม้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาแปดคนหรือพวกจ้าวต้นถงต่างไม่สังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ด้านข้าง
“ท่านเป็นใคร เกี่ยวข้องกับจ้าวต้าถงหรือไม่ หากไม่มีความสัมพันธ์กัน โปรดอธิบายเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด”
หวังเค่อเอ่ยถามเสียงสูง มือยังจับด้ามดาบด้านหลัง
เสียงปรบมือของเจ้าภูเขาลู่เพิ่งหยุดลง ยิ้มมองตู้เหิงกับหวังเค่อซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล เห็นชัดว่าน้ำเสียงค่อนข้างเบิกบาน
“ฮ่าๆๆๆๆ… ไม่เลว ไม่เลวนัก หวังเค่อไม่เลวนัก ส่วนตู้เหิงข้าคิดไม่ถึงเลยว่าคนเสียแขนข้างหนึ่งอย่างเจ้า กลับเดินหน้าอย่างห้าวหาญ กลายเป็นจอมยุทธ์ผู้กล้าอย่างแท้จริง”
คำพูดนี้หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจทำให้รู้สึกว่ารังเกียจ แต่เมื่อเจ้าภูเขาลู่กล่าวกลับรู้สึกแปลกเหมือนมาจากใจจริง โดยเฉพาะยามเจ้าของเรื่องอย่างพวกตู้เหิงกับหวังเค่อได้ยิน
ตู้เหิงกล่าวตอบเบาๆ
“กล่าวชมเกินไปแล้ว ท่านโปรดแสดงฐานะ”
เห็นชัดว่าเจ้าภูเขาลู่อารมณ์ดีมาก เมื่อเห็นหวังเค่อกับตู้เหิง เท่ากับคนที่ปล่อยไปเมื่อตอนนั้นมีประโยชน์กับโลกจริงๆ ถือว่าเป็นการยอมรับอย่างหนึ่ง
เขากระโดดลงมาจากกิ่งไม้ โรยตัวลงบนพื้นเบาๆ ไร้สุ้มเสียงแต่เจือสายลมเย็น พัดใบไม้ร่วงหล่นโดยรอบออกจากตัว
เจ้าภูเขาลู่ประสานมือคารวะตู้เหิงกับหวังเค่อพลางยิ้มร่า
“ท่านทั้งสอง พวกเรารู้จักกันมาก่อน ข้าน้อยเจ้าภูเขาลู่ บ้านเกิดคือเขาโคเทพแห่งรัฐจี วันนี้มาหาพวกเจ้าโดยเฉพาะ เมื่อเห็นสถานการณ์ช่วงนี้ของพวกเจ้า ข้าชื่นใจนัก!”
เขาโคเทพแห่งรัฐจี เจ้าภูเขาลู่?
ตู้เหิงกับหวังเค่ออึ้งงันเล็กน้อย ในสมองมีภาพนับไม่ถ้วนวาบผ่านชั่วพริบตา หยุดตรงภาพเสือร้ายประสานมือคารวะอยู่นอกอารามเทพภูเขาเมื่อปีนั้น สันหลังร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“เฮ้ยๆๆ พวกเจ้าสองคนกลัวอะไร มีคำกล่าวว่าไม่ทำเรื่องผิดมโนธรรมย่อมไม่กลัวผีเคาะประตู ข้าเจ้าภูเขาลู่รักษาสัญญาเสมอ ทั้งนับถือคนรักษาสัญญาเช่นกัน โดยเฉพาะผู้รับปากข้าแล้วทำตามสัญญา พวกเจ้าสองคนไม่ละอายต่อตน มีอะไรต้องกลัวเล่า ฮ่าๆๆๆๆ…”
เจ้าภูเขาลู่กล่าวเป็นพรวน พูดจบค่อยยิ้มพลางรอการคารวะ ตอนนี้หวังเค่อกับตู้เหิงเพิ่งตระหนักว่าควรคารวะตอบ คนหนึ่งประสานหมัดคารวะ คนหนึ่งแค่ค้อมตัว
“คารวะเจ้าภูเขา!”
“มือปราบหวัง พี่ตู้ พะ พวกท่านรู้จักเขาหรือ”
“ใช่ คนผู้นี้เป็นใคร”
หลี่ทงโจวกับพวกพ้องโดยรอบเอ่ยถามอย่างสงสัยยิ่ง เมื่อเห็นสถานการณ์ตอนนี้คงเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ทำไมถึงรู้สึกว่าตู้เหิงกับหวังเค่อประหม่าเช่นนี้
เจ้าภูเขาลู่คล้ายนึกอะไรขึ้นได้ หลังจากมองเมฆดำเหนือศีรษะ เขาอ้าปากพ่นควันเลือนรางออกมา กลายเป็นเงาคนชัดเจนตรงหน้าทีละน้อย
“หึๆๆ เป็นหนึ่งในเก้าคนเหมือนกัน เจ้าดูพวกเขาสิ สูงส่งกว่าเจ้าไม่รู้เท่าไหร่ ละอายหรือไม่”
เงาคนมองหวังเค่อกับตู้เหิงด้วยความรู้สึกซับซ้อน จากนั้นค่อยค้อมตัวคารวะเจ้าภูเขาลู่
“เรียนเจ้าภูเขา ละอายขอรับ”
“หึ ไม่รู้ว่าเจ้าละอายจริงหรือแสร้งละอาย แต่ไม่ว่าจริงหรือเท็จล้วนสายไปแล้ว”
“ขอรับ!”
เห็นชัดว่าภาพเงาคนปรากฏตัวทำให้ทุกคนในที่นั้นรับมือไม่ทัน ทุกคนต่างนึกถึงเรื่องเทพผีบางส่วน หวังเค่อกับตู้เหิงยิ่งขนพองสยองเกล้า
เงาคนซึ่งปรากฏตัวตรงหน้าคนนี้คล้ายเงาของหลันหนิงเค่ออยู่บ้าง ดูท่าว่าคงตายแล้ว
“จริงสิ จอมยุทธ์ตู้ มือปราบหวัง ข้าคนแซ่ลู่ถามพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง ตอนนี้จ้าวหลงเป็นอย่างไร ข้าคนแซ่ลู่หาเขาไม่เจอ หากพวกเจ้าทราบอะไรโปรดบอกกล่าว ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
รู้ว่าเขาเป็นปีศาจเสือน่ากลัว แต่กลับเรียบร้อยมีมารยาทตลอด ความประหม่าในใจตู้เหิงกับหวังเค่อคลายลงไม่น้อย ฝ่ายแรกลังเลเล็กน้อยแต่ยังเอ่ยปากกล่าว
“หลายปีก่อนข้าคนแซ่ตู้ได้ยินว่าพี่จ้าวออกบวชเป็นภิกษุนานแล้ว บำเพ็ญเพียรอยู่สำนักธรรมกวางครวญ”
“หา? ออกบวชแล้ว?”