ตอนที่ 349 พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว
“หากตอนนั้นตาแก่นั่นเกรงใจกับข้าหน่อย พูดจาอ่อนข้อกับข้าหน่อย ข้าก็ไม่เป็นปรปักษ์กับเขา!”
เซียวอี้น้อยใจยิ่งนัก
ตอนนั้นเขายังเป็นเด็ก!
ตาแก่ต้องใจร้ายเพียงใด ไม่เพียงขับไล่เขาออกจากวงศ์ตระกูล อีกทั้งยังประกาศไปทั่วแผ่นดิน
กลัวเขาจะมีที่พึ่ง สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
จี้ซินแสร้องโอดโอย “นายน้อยไม่ได้ร้องไห้ใช่หรือไม่!”
เจ้าสิร้องไห้!
ทั้งตระกูลเจ้าร้องไห้!
เซียวอี้เงยหน้าพลันชี้หน้าตนเอง “ซินแสดูให้ดี ข้าเหมือนคนที่เคยร้องไห้หรือ”
“เหตุใดข้าจึงได้กลิ่นเค็ม”
“จมูกของซินแสมีปัญหา ข้าจะเชิญไต้ฟูมาตรวจอาการให้ท่าน”
เซียวอี้หัวเราะเสียงเย็น
ส่วนจี้ซินแสหัวเราะร่า หลังจากหัวเราะแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ตอนนั้นแม้ท่านอ๋องจะมีความผิด แต่นายน้อยก็ไม่บริสุทธิ์ ผู้ใดให้ท่านเล่นลอบสังหารขึ้นในจวนอ๋อง อีกทั้งยังไม่อธิบายหลังเกิดเรื่อง ความจริงแล้วตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนปลงพระชนม์เหล่าท่านอ๋อง นายน้อยช่วยท่านอ๋องหนีออกจากเมืองหลวงนั้นก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการประนีประนอมของพวกท่าน
เสียดายที่ท่านอ๋องไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี นายน้อยก็ไม่ยอมก้มหัว โอกาสที่ดีจึงพลาดพลั้งไป เมื่อรอจนท่านอ๋องถูกกักขังในเมืองหลวง พวกท่านพ่อลูกก็ไม่เคยพูดคุยอย่างจริงจัง น่าเสียดาย!”
เซียวอี้หัวเราะ “ตอนที่ตาแก่ตาย คนที่เขานึกถึงในใจคงไม่ใช่ข้า เขาแค้นข้า ยอมยกตำแหน่งให้เซียวซวิ้นดีกว่าท่านพี่ เขาไม่คู่ควรเป็นพ่อคน”
“คนตายไปแล้ว! นายน้อยระวังคำพูด! องค์หญิงจู้หยางไม่พอใจท่านก็มีเหตุผล”
เซียวอี้กลอกตาทันที
จี้ซินแสเป็นที่ปรึกษาของผู้ใดกันแน่ อยู่ฝั่งผู้ใดกันแน่
น่าโมโหยิ่งนัก
หนทางแห่งการสู่ขอภรรยาช่างยาวไกลและมากด้วยอุปสรรค
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงต้องบุกเข้าไปลักพาตัวคนมาแล้ว”
“ลักพาตัวไม่ได้ ลักพาตัวไม่ได้! ได้ยินว่าคุณหนูสี่มีฝีมือการยิงธนูชั้นดี ไม่มีผู้ใดเทียบได้ หากนายน้อยกล้าลักพาตัว คุณหนูสี่ก็กล้ายิงท่าน ตรึงท่านไว้บนกำแพงให้ผู้อื่นดูเป็นตัวอย่าง!”
โธ่เอ๊ย!
นอกจากสู่ขอไม่ได้แล้ว สะใภ้ยังจะฆ่าเขา ทนได้หรือ
เขาย่อมทนได้!
เขาสามารถอดทนในสิ่งที่ผู้อื่นอดทนไม่ได้
เขากัดฟัน “ท่านว่าข้าควรทำอย่างไร”
“นายน้อยใจเย็นก่อน เรื่องนี้ยังต้องหารือระยะยาว หากไม่ได้จริงๆ ลองหาวิธีที่ทำให้บรรดานายน้อยตระกูลใหญ่ไม่กล้าสู่ขอคุณหนูสี่ โอกาสของนายน้อยก็จะมาถึงแล้ว”
เซียวอี้เท้าคางไตร่ตรองความคิดที่ไม่ค่อยจะดีนัก “จะได้หรือ”
จี้ซินแสลูบเครา “สามารถลองได้! แต่ว่านายน้อยตระกูลใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่าย ดังนั้นนายน้อยต้องมีขอบเขต อย่าหาศัตรูให้ตัวเองเพิ่ม”
เซียวอี้ครุ่นคิด “ความคิดของซินแสช่างเลวร้ายเสียจริง ความจริงแล้วข้าเพียงแค่ต้องกำจัดหนึ่งคนก็เพียงพอ”
“นายน้อยคิดจะกำจัดผู้ใด หรือนายน้อยคิดจะหุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุก จัดการคุณหนูสี่”
เหลวไหล!
เซียวอี้ถลึงตาใส่จี้ซินแส หน้าไม่อาย!
เขาเป็นคนแบบนั้นหรือ
เขาเป็นบุรุษที่เที่ยงตรง
จี้ซินแสแอบบ่น “แผ่นกระดานโลงศพของบุรุษที่เที่ยงตรงใกล้จะปิดไว้ไม่อยู่แล้ว”
เซียวอี้ลุกขึ้น “เตรียมเทียบเยือนให้ข้าฉบับหนึ่ง ข้าจะไปเยือนหลิงฉางจื้อ”
หลิงฉางจื้อคนชั่วช้า เป็นพ่อสื่อให้เยียนอวิ๋นเกอสามวันทีสี่วันหน
หมายความว่าอย่างไร
ดูถูกเขาหรือ?
เพียงแค่จัดการพ่อสื่ออย่างหลิงฉางจื้อ ตัวเลือกในมือขององค์หญิงจู้หยางต้องน้อยลงอย่างน้อยสองในสาม
จี้ซินแสปรบมือด้วยความตื่นเต้น “นายน้อยช่างมีวิสัยทัศน์! หากสามารถเกลี้ยกล่อมให้นายน้อยฉางจื้อเป็นพ่อสื่อแทนนายน้อย เรื่องนี้ก็สำเร็จแล้ว”
หางตาของเซียวอี้กระตุก “ซินแสลองดูให้ดี ดวงตาข้างไหนของท่านเห็นว่าข้าจะขอให้หลิงฉางจื้อเป็นพ่อสื่อ ข้าไม่ต่อยเขาสักรอบก็ถือว่าเห็นแก่ที่เป็นญาติกันแล้ว”
จี้ซินแสถามคำถามที่ออกมาจากใจ “นายน้อยชนะนายน้อยฉางจื้อได้หรือ ข้าจำได้ว่า ตอนเด็กนายน้อยถูกนายน้อยฉางจื้อกดอยู่บนพื้น”
เซียวอี้ตบโต๊ะ
เขาทนไม่ไหวแล้ว!
“ท่านอยู่ข้างผู้ใดกันแน่ เรื่องตอนเด็กของข้า ท่านก็พลิกออกมาพูด เวลานี้แตกต่างออกไปแล้ว ท่านไม่เคยได้ยินหรือ”
“ข้าเพียงแค่ตักเตือนนายน้อยด้วยความหวังดี หลายปีนี้ท่านกำลังพัฒนา นายน้อยฉางจื้อก็ไม่ได้หยุดรอท่านที่เดิม ท่านประลองกับนายน้อยฉางจื้อก็อาจไม่สามารถชนะเขาได้ ดังนั้นเมื่อนายน้อยพบกับนายน้อยฉางจื้อ พูดจาเกรงใจหน่อย อ่อนโยนหน่อย หากสามารถขอให้นายน้อยฉางจื้อเป็นพ่อสื่อแทนท่านได้ คงเป็นเรื่องที่ดีงาม”
เซียวอี้หัวเราะ “เรื่องที่บรรพบุรุษยังจัดการไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าหลิงฉางจื้อจะจัดการได้”
“ไม่เหมือนกัน! บรรพบุรุษคิดถึงแต่เรื่องของราชวงศ์ นึกถึงแต่เรื่องของแผ่นดินต้าเว่ย ชอบที่จะพูดจาด้วยเหตุผลกับผู้อื่นมากเกินไป แต่สตรีนั้น มักไม่ฟังเหตุผลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคู่ครองของบุตรสาว บรรพบุรุษใช้ผิดวิธีตั้งแต่แรก เขาควรจะใช้ความรู้สึกทำให้คนหวั่นไหว ใช้เหตุผลทำให้คนเข้าใจ สุดท้ายเขาใช้แต่เหตุผล ไม่ว่าผู้ใดก็จะรำคาญ”
ความหมายของจี้ซินแสคือ องค์หญิงจู้หยางไม่ได้ขับไล่บรรพบุรุษออกไปล้วนมาจากความกตัญญู
ผู้ใดให้บรรพบุรุษอาวุโสกว่า
เซียวอี้ไม่อยากฟังคำบ่นของจี้ซินแส เขาเตรียมตัวก่อนจะไปคิดบัญชีกับหลิงฉางจื้อ
…
หลิงฉางจื้อยุ่งมาก!
ยุ่งกว่าตอนไปทำงานที่สำนักหยาเหมินเสียอีก
ช่วงปีใหม่ แต่ละวันล้วนต้องต้อนรับแขกและส่งแขก เข้าร่วมงานเลี้ยงสี่ห้างาน ยุ่งราวกับลูกข่าง
เมื่อเห็นเทศกาลโคมไฟใกล้เข้ามา สามารถพักผ่อนอยู่ในจวนได้เสียที แต่คนเฝ้าประตูก็มารายงานว่านายน้อยอี้มาเยือน
อีกทั้งยังส่งเทียบเยือนมาอย่างเป็นทางการ
หลิงฉางจื้อผงะไปเล็กน้อย “เขาไม่หนีตายแล้ว ไม่กลัวพระพันปีเถาไล่ฆ่าเขาหรือ? ถึงกับกล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง”
พ่อบ้านใหญ่หลิงกุ้ยเอ่ย “นายน้อยอี้มาเยือนนายน้อย บางทีทางพระพันปีเถาอาจยังไม่ได้รับข่าว คนอย่างนายน้อยอี้เชี่ยวชาญในการปิดบังร่องรอยที่สุด องครักษ์จินอู่คิดจะหาตัวเขา ไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลิงฉางจื้อหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าลองเดาดู เขามาเยือนในเวลานี้ มีเรื่องอันใด”
“หากไม่ผิดพลาด คงเป็นเพราะเรื่องแต่งงาน”
“ฮ่าๆๆ…”
หลิงฉางจื้อเปล่งเสียงหัวเราะ “เขาก็มีวันนี้! เหตุใดข้าจึงอารมณ์ดีนัก”
สามารถเห็นเซียวอี้หมดหนทาง ในใจของหลิงฉางจื้อไม่รู้สะใจเพียงใด
เขาก็แค่ไม่ชอบเซียวอี้ เมื่อเห็นเซียวอี้ มือของเขาก็คัน อยากจะซัดอีกฝ่ายสักหมัด
ตอนนั้นที่เซียวอี้ยังเด็ก หลิงฉางจื้อก็ไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ต่อยเซียวอี้
เพราะเขารู้ว่าต่อยครั้งหนึ่งย่อมหมดโอกาสครั้งหนึ่ง
ฉวยโอกาสที่ยังสามารถต่อยเขาได้ ต่อยเขาให้มากขึ้น สาแก่ใจ!
แน่นอน เรื่องนี้เขาไม่มีทางบอกผู้อื่น
เขาโยนเทียบไว้ด้านข้าง “ข้าไม่อยากพบเขาเอาเสียเลย แต่จากนิสัยของเขา หากข้าไม่พบเขา เขาย่อมต้องแอบมุดเข้ามา เอาเถิด เอาเถิด ในเมื่อเขายอมส่งเทียบเยือนเดินเข้าประตูใหญ่ ข้าจะให้เกียรติเขา เชิญเขาไปที่ห้องตำราด้านนอก เตรียมน้ำชา!”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
พ่อบ้านรับคำสั่งจากไป
…
เซียวอี้ถูกเชิญเข้าจวนหลิง
เขาพินิจทิวทัศน์ในตระกูลหลิงอย่างสนใจ
คนมีเงิน!
โอ่อ่าแต่ไม่โอ้อวด
ไม่โดดเด่นมาก แต่กลับมีความงดงามทุกหนแห่ง
สิ่งใดคือความงดงามประณีต
ล้วนใช้เงินดันออกมาทั้งสิ้น
สมกับเป็นตระกูลแนวหน้า มีรากฐานแน่นหนา
มิน่า ฮ่องเต้กี่องค์ที่ปะทะกับตระกูลขุนนางล้วนพ่ายแพ้ ต้องบีบจมูกยอมแพ้
เมื่อเทียบรากฐานกับตระกูลขุนนาง ราชวงศ์ห่างไกลไปมาก
น่าโมโหหรือไม่
นอกห้องตำรา พี่น้องพบหน้า ‘สนิทสนม’ กันเป็นพิเศษ!
“ท่านพี่สบายดีหรือไม่ การงานราบรื่น ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”
“ยินดีด้วยเช่นเดียวกัน ยินดีด้วยเช่นเดียวกัน! น้องชายดูซูบลงไปเล็กน้อย วันที่ไม่ได้พบกัน ไม่รู้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ที่ใด ข้ากังวลยิ่งนัก”
หลิงฉางจื้อแสดงความจริงใจอย่างมาก
เซียวอี้ถอนหายใจ ทำท่าทางน่าสงสาร “ขอบพระคุณท่านพี่ที่เป็นห่วง! ข้า ข้ายากเหลือเกิน!”
หลิงฉางจื้อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่รู้น้องชายมีเรื่องยากอันใด สู้พูดออกมาให้ข้าช่วยเจ้า”
เซียวอี้มองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง “ท่านพี่พูดจริงหรือ”
หลิงฉางจื้อตอบ “จริงแท้แน่นอน! เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ หลายปีนี้ ข้าเคยหลอกเจ้าหรือไม่”
“ขอท่านพี่โปรดอภัย นับตั้งแต่ปลดหน้าที่ในค่ายทหาร ระยะนี้ข้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ในใจมีความไม่พอใจเป็นอย่างมาก หวังว่าท่านพี่จะให้อภัย”
“เข้าใจได้! เจ้าต้องเข้มแข็งขึ้นมา อย่าได้หดหู่เพียงเพราะไร้หน้าที่การงาน ทรยศต่อความสามารถบนตัวและสิ่งที่ตนเองร่ำเรียนมาหลายปี”
“ท่านพี่พูดถูกยิ่งนัก ข้าก็อยากเข้มแข็งขึ้นมา เมื่อคิดว่าตัวเองอายุไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาต้องสร้างครอบครัว แต่ไม่คิดว่าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงนี้ วันนี้หน้าด้านมาเยือน ก็เพราะอยากขอคำชี้แนะจากท่านพี่ ท่านพี่มีประสบการณ์มากมาย ย่อมสามารถช่วยข้าได้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของเซียวอี้จริงใจ น้ำเสียงจริงจัง ท่าทีการขอร้องคนแสดงออกมาอย่างถูกต้อง
ช่างเป็นคนที่ยืดได้หดได้ แสดงได้ร้องได้ที่หาได้ยากยิ่งนัก
มุมปากของหลิงฉางจื้อกระตุก รู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย
เขาจะแข่งการแสดงกับตัวเองหรือ
นักแสดงมือหนึ่งของราชวงศ์ต้าเว่ยจะเสียชื่อได้อย่างไร!