ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 451 ยิ่งห่างไกลยิ่งรักกัน(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 451 ยิ่งห่างไกลยิ่งรักกัน(2)

ตอนที่ 451 ยิ่งห่างไกลยิ่งรักกัน(2)

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “พ่อคะ บ้านนี้จะร้างได้ยังไงกัน ยังมีปิงชิงคอยอยู่กับพ่ออยู่นะ”

เซี่ยปิงชิงก็หน้าแดงนิดหน่อย จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานอย่างแง่งอน แล้วเอ่ย “เธอนี่พูดมากจัง”

เจี่ยงสือเหิงเห็นแบบนี้ก็ยิ้มแล้วดึงเซี่ยปิงชิงไปหลบข้างหลัง จากนั้นก็มองฉินมู่หลานแล้วกล่าวขึ้น “มู่หลาน ลูกอย่าล้อปิงชิงสิ หล่อนค่อนข้างขี้อาย”

“ก็ได้ค่ะ ไม่พูดแล้ว”

ฉินมู่หลานเห็นเจี่ยงสือเหิงออกโรงปกป้องเซี่ยปิงชิงขนาดนี้ จึงรีบตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

ด้วยคำพูดอันชาญฉลาด ทำให้ความลังเลในการจากกันลดน้อยลง หลังจากนั้นเจี่ยงสือเหิงก็พาเซี่ยปิงชิงกลับไปด้วยกัน

ซูหว่านอี๋เห็นว่าแขกกลับหมดแล้ว จึงหันมองแล้วพูดกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน อาหลี่เพิ่งกลับมา ง่วนอยู่กับการต้อนรับแขกแบบนี้คงจะเหนื่อยแล้ว พวกลูกรีบพาเด็ก ๆ ทั้งสองกลับไปที่ห้องเถอะ”

ตอนแรกฉินมู่หลานอยากจะช่วย แต่ตอนนี้เห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ได้ครับ แม่ ถ้าอย่างนันผมขอตัวกลับไปพักก่อนนะครับ”

ชิงชิงกับเฉินเฉินไม่ได้เจอพ่อมานานแล้ว วันนี้เพิ่งเจอกันจึงยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร แต่ผ่านไปเพียงช่วงหนึ่งก็เริ่มคุ้นเคยกับเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง เอ่ยเรียก ‘ปะป๊า’ ทีละพยางค์ ทำให้บรรยากาศโดยรอบมีชีวิตชีวามากขึ้น

เซี่ยเจ๋อหลี่จึงอุ้มแต่ละคนไว้ในอ้อมแขนคนละข้าง แล้วพาพวกเขาเดินตรงไปข้างหน้า หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็หันกลับมาพูดกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน คุณรีบตามมานะ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มพลางส่ายหน้า หลังจากนั้นก็เดินตามไป

หลังจากทั้งสี่คนกลับถึงห้องของตนแล้ว เซี่ยเจ่อหลี่ก็ล้างหน้าให้เด็กทั้งสองเองกับมือ แล้วสวมเสื้อผ้าลำลองให้พวกเขา สุดท้ายก็พาพวกเขาเข้านอน

ฉินมู่หลานเห็นว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ จึงอดพูดไม่ได้ “อาหลี่ คุณเหนื่อยหรือเปล่า เดี๋ยวฉันกล่อมเด็กทั้งสองเองก็ได้”

“ชู่ว…”

เซี่ยเจ๋อหลี่มองฉินมู่หลาน พยายามบอกให้เธอเงียบเสียง

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดมองไปที่เด็กทั้งสองไม่ได้ ก่อนจะพบว่าพวกเขาเริ่มหลับกันแล้ว จึงรีบหยุดพูดทันที

ไม่ถึงอึดใจ เด็กทั้งสองก็หลับกันแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่จึงค่อย ๆ วางพวกเขาลงบนเตียงเล็กที่มีรั้วกั้นอยู่รอบด้าน จากนั้นจึงเดินออกมา

“อาหลี่ ถ้าคุณเหนื่อยแล้วก็รีบไปนอนพักก่อนเถอะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัว ขณะที่ฉินมู่หลานไม่ทันตั้งตัว เขาก็รีบพุ่งเข้าหาเธอ

“อ๊า…คุณทำอะไรคะเนี่ย”

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่พูดอะไร แล้วลงมือกระทำต่อไป เขาคิดถึงภรรยามากเหลือเกินจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ อยากจะอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา

ฉินมู่หลานรู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนบริเวณริมฝีปาก จึงอดผลักเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปไม่ได้ สุดท้ายเมื่อหาโอกาสได้จึงรีบบอก “อย่า…ตอนนี้ลูกหลับแล้วนะ”

“พวกเขาหลับแล้ว พวกเราก็เบาเสียงลงหน่อย”

“คุณ…”

ฉินมู่หลานได้แต่รู้สึกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เริ่มอาการหนักขึ้นทุกวัน แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร ในไม่ช้าก็อ่อนแรง ทำได้เพียงไหลตามน้ำไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งท้องฟ้าแจ่มใสฝนหยุดพรำ ฉินมู่หลานก็จ้องมองเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความโกรธ เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงมากนัก กระทั่งสายตาจ้องมองของเธอยังดูเหมือนกำลังเชิญชวน

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นแบบนี้จึงดำเนินการต่ออีกครั้ง

ฉินมู่หลานรีบห้ามปรามทันที “คุณอย่าเข้ามานะ”

เห็นภรรยาดูเหนื่อยนิดหน่อย เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ทำได้เพียงหยุดพักความคิด

ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาลูกทั้งสองไปที่บ้านตระกูลเหยา

นายท่านเหยาเห็นว่าพวกเขามากันแล้ว สีหน้าก็ดูดีใจมาก “อาหลี่ มู่หลาน มากันแล้วเหรอ รีบเข้ามานั่งเร็ว” จากนั้นก็รีบหันมองเด็กทั้งสอง “ชิงชิง เฉินเฉิน รีบมาหาปู่เร็ว”

คุณนายเหยาก็อยู่เหมือนกัน นางเห็นเด็กทั้งสองแล้วก็ดีใจมาก กางแขนอ้ารับพวกเขา

ชิงชิงกับเฉินเฉินเพิ่งเจอผู้อาวุโสทั้งสองไปเมื่อวานนี้ จึงเรียกได้แม่นยำ “คุณย่า…ทวด”

“อ๊า…เป็นเด็กดีจัง”

นายท่านเหยาและคุณนายเหยาเห็นเด็กทั้งสองเรียก ก็ได้แต่รู้สึกเหมือนใจกำลังละลาย

เมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสองกับเด็ก ๆ พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่จึงยิ้ม แล้วมองพวกเขาพูดคุยหัวเราะกัน

เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน นายท่านเหยาก็บอกให้ฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่และเด็ก ๆ ทั้งสองทานอาหารเยอะ ๆ “ตอนเที่ยงพวกเรามีกันแค่ไม่กี่คน พวกเธอก็กินเยอะ ๆ นะ”

“ครับ”

เมื่อถึงตอนเย็น เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับครอบครัวของเขาก็กลับมาหมดแล้ว เมื่อเห็นว่าครอบครัวของฉินมู่หลานอยู่ที่นั่น ใบหน้าก็ดูมีความสุข

“อาหลี่ พวกแกมาแล้ว”

เซี่ยเจ๋อเหว่ยก้าวเดินตรงมาข้างหน้าแล้วตบบ่าน้องชายตัวเอง หลังจากนั้นก็ทักทายฉินมู่หลาน ขณะที่หลี่เสวี่ยเยี่ยนก้าวเดินไปอุ้มชิงชิงด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ไอ้หยา…ชิงชิงของเรามาแล้ว”

แต่หล่อนก็ไม่ลืมเฉินเฉินเหมือนกัน อุ้มเด็กทั้งสองอย่างเท่าเทียม

เสี่ยวอวี่เห็นว่าแม่ชอบน้อง ๆ ทั้งสองคนมาก จึงอดพูดไม่ได้ “แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นแม่ก็มีน้องชายหรือน้องสาวให้ผมสักคนสิครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจ้องอมงลูกชายแล้วกล่าว “เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาอะไรเนี่ย”

คุณนายเหยาที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะพลางพูดขึ้น “เสี่ยวอวี่พูดถูกแล้ว เขาโตแล้วนะ พวกเธอก็มีน้องชายหรือน้องสาวให้เขาสักคนสิ”

เมื่อเห็นคุณนายเหยาพูดแบบนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็กล่าวขึ้นด้วยความเขิน “พวกเราปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ ถ้ามีก็มี ไม่มีก็ไม่มี”

คุณนายเหยากล่าวอย่างไม่เห็นด้วย “ถ้าหากว่าพวกเธอตั้งใจจริง ก็ให้มู่หลานช่วยตรวจให้สิ”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็เหลือบมองคุณนายเหยา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก และหันไปมองแล้วบอกกับหลี่เสวี่ยเยี่ยน “ใช่ค่ะพี่สะใภ้ ถ้าพี่กับพี่ใหญ่อยากจะมีลูก ฉันช่วยดูให้ได้นะคะ”

อันที่จริงแล้วเซี่ยเจ๋อเหว่ยกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนวางแผนจะมีลูกอีกคน เมื่อทั้งสองเห็นมู่หลานบอกแบบนี้ ก็ไม่ปฏิเสธ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอด้วยนะ เดี๋ยวรอกินข้าวเสร็จแล้วช่วยตรวจให้หน่อยนะ”

“ได้ค่ะ”

หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉินมู่หลานก็ตรวจชีพจรให้หลี่เสวี่ยเยี่ยนและเซี่ยเจ๋อเหว่ย จากนั้นจึงกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ร่างกายของพวกพี่ทั้งสองไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ทั้งสองก็มีความสุขมาก

ฉินมู่หลานเห็นว่าหลี่เสวี่ยเยี่ยนวางแผนที่จะมีลูกกันอีก จึงถือโอกาส ถามไถ่ถึงรอบเดือนของหล่อน แล้วคำนวณเวลาที่ดีที่สุดในการตั้งครรภ์ให้

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเขินอายนิดหน่อย แต่ก็ยังพยักหน้า แล้วเอ่ย “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”

ครั้นเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาฉินมู่หลานกับลูกทั้งสองไปพักอยู่ที่ลานบ้านตระกูลเหยาเป็นเวลาสองคืน หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านตัวเอง

แต่วันหยุดของเซี่ยเจ๋อหลี่ใกล้จะหมดลงแล้ว ดังนั้นคืนก่อนที่จะเดินทาง เขาจึงวอแวฉินมู่หลานอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็หลับไปด้วยความสบายใจ

เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาไม่ได้ปลุกฉินมู่หลาน แต่กลับพาลูกทั้งสองที่ตื่นแล้วเหมือนกันเดินไปที่ลานหน้าบ้านแทน หลังจากนั้นก็ส่งเด็ก ๆ ให้เหยาจิ้งจือ แล้วเตรียมสะพายกระเป๋าเป้ออกไป

“อาหลี่ ไว้มีวันหยุดแล้วกลับมาอีกนะ”

เซี่ยเจ่อหลี่ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ “แม่ ผมเข้าใจแล้วครับ ฝากพวกแม่ดูแลบ้านและพวกพ่อตาแม่ยายด้วยนะครับ”

“อื้ม แกไม่ต้องห่วงหรอก”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปได้สักพัก ฉินมู่หลานก็ตื่นขึ้นมา หลังจากทราบว่าเขาไปแล้วก็อดถอนหายใจอย่างรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อยไม่ได้

แต่นั่นก็ไม่มีทางเลือก เธอต้องไปเรียน เซี่ยเจ๋อหลี่ต้องกลับไปฐานทัพ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ เพราะหลายวันมานี้ที่เซี่ยเจ๋อหลี่อยู่บ้าน เธอก็ลาหยุดหลายวัน

วันนี้ยังเช้าอยู่ เธอจึงจะไปเรียน

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่หลี่กลับมาก็จัดหนักเลยนะคะ

บ้านใหญ่จะมีน้องมาอีกไหมคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน