สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 169 ระเบิด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 169 ระเบิด

“ตำนานเล่าว่าทางใต้ของแม่น้ำลั่วเจียงมีภูเขาผลไม้ลูกหนึ่งชื่อว่าฮวากั่วซาน บนเขามีศิลาเซียนก้อนหนึ่ง…” พอเมิ่งเฝ่ยอ่านถึงซุนหงอคงถูกพระยูไลทับไว้ใต้เขาเบญจธาตุ ก็อ่านถึง ‘จบเล่มหนึ่ง’

เขาพลิกหน้าต่อไปแทบไม่อยากจะเชื่อ

หมดแล้ว ถึงกับหมดหน้าลงตรงนี้!

ทนไม่ไหวแล้ว!

เมิ่งเฝ่ยคว้านิยายวิ่งพรวดออกไป เงยหน้าชนเข้ากับเมิ่งจี้จิ่ว

“ท่านปู่…”

สายตาเมิ่งจี้จิ่วจับจ้องไปที่นิยายในมือเมิ่งเฝ่ย หางตาเห็นหน้าปกเขียนว่า ‘ท่านซงหลิง เขียน’ ก็ถามหลานชายอย่างไร้พิรุธว่า “เจ้าจะไปไหน วิ่งพรวดออกมาเช่นนี้”

“ข้าจะไปร้านหนังสือ”

“ไม่ใช่ออกไปมาแล้วหรือ”

เมิ่งเฝ่ยได้แต่ตอบตามจริงว่า “วันนี้นิยายใหม่ท่านซงหลิงออกวางขาย ข้าซื้อมาเล่มหนึ่ง คิดไม่ถึงอ่านถึงจุดสำคัญของเรื่องก็หมดหน้าแล้ว ข้าอยากไปถามสักหน่อยว่า ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มสองจะออกเมื่อใด”

“‘บันทึกตะวันตก’?” เมิ่งจี้จิ่วยื่นมือออกไป “ปู่ดูหน่อย”

เมิ่งเฝ่ยส่งนิยายให้ไป เมิ่งจี้จิ่วยัดเข้าแขนเสื้อทันที เอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงเข้มงวดว่า “วันๆ ไม่เรียนหนังสือให้ดี เอาแต่อ่านหนังสือไร้สาระพวกนี้!”

กล่าวจบ ก็เดินจากไปพร้อมนิยาย

เมิ่งเฝ่ย “…”

อีกละ! ท่านปู่อยากอ่านด้วยชัดๆ มาหาว่าเขาอ่านหนังสือไร้สาระ

แต่พอคิดถึงไม้ลงทัณฑ์ก็ไม่กล้าไปทวงนิยายคืนจากตาแก่ จะทำอย่างไรได้ ได้แต่รีบไปร้านหนังสือชิงซงซื้ออีกเล่ม อย่างไรเมื่อครู่ก็อ่านแค่เพียงคร่าว ๆ นิยายสนุกเช่นนี้ อย่างน้อยต้องอ่านสองรอบ

เมิ่งเฝ่ยรีบไปร้านหนังสือ ระหว่างทางได้พบกับหวังต้าหยวนสหายร่วมชั้นเรียน

“ต้าหยวน เจ้ามาได้อย่างไร”

หวังต้าหยวนกวาดตามองประตูร้านหนังสือทีหนึ่ง คนออกันแน่ขนัดทำให้เขาหน้ามืดตาลาย “อ่านจนสุดท้ายก็อยากรู้มากว่าวานรเทพเป็นอย่างไรบ้าง ผู้ใดจะรู้ว่าหมดหน้าแล้ว! คิดถึงว่าอวิ๋นหลางอยู่ที่นี่ ก็เลยคิดจะมาถามสักหน่อย”

ไม่คิดว่าพอเมิ่งเฝ่ยเอ่ยจบ ก็มีคนรับลูกขึ้นทันที “ใช่ๆ เหตุใดจึงหมดหน้าแล้ว ทำให้คนนอนไม่หลับจริงๆ!”

เมิ่งเฝ่ยเอียงหน้าไปมองก็พลันเลิกคิ้วเล็กน้อย “จังซวี่?”

“เมิ่งเฝ่ยเจ้าเองก็อ่าน ‘บันทึกตะวันตก’ จบแล้วหรือ” จังซวี่ยกมือวางบนไหล่เมิ่งเฝ่ย

เทียบกับจังซวี่ที่แสดงออกสนิทสนมแล้ว เมิ่งเฝ่ยเย็นชากว่ามาก เอ่ยเพียง “อืม” คำเดียว

อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ ทุกครั้งที่เจ้าหมอนี่ถูกปู่ของเขาอบรม ก็จะลากเขาออกมาเป็นเป้าธนู จะเหมือนกันได้อย่างไร เขาสอบได้ก่อนรองที่โหล่ก็เพราะทนรำคาญคำสอน ‘หรอกหรือ[1] ๆ’ พวกนั้นไม่ไหว แต่จังซวี่สอบได้รองที่โหล่เพราะเขาโง่

“พวกเราคิดไปหาคุณหนูโค่วด้วยกัน ไม่แน่ต้นฉบับเล่มสองอาจได้มาแล้ว”

“แต่เอาเถอะ คนมากเหลือเกิน เบียดเข้าไปทำรองเท้าหายก็คงไม่คุ้ม” เมิ่งเฝ่ยโบกมือหันหลังจะออกไป พร้อมกับดึงหวังต้าหยวนตามไปด้วย

ความร้อนใจอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้นของจังซวี่จางลงเพราะถูกขัดจังหวะ มองกลุ่มคนข้างหน้าทีหนึ่งแล้วก็จากไปเช่นกัน

พอตอนบ่าย ข่งรุ่ยได้ยินข่าวร้านหนังสือชิงซงขายนิยายใหม่ ก็นำคนหลายคนตรงไปยังร้านหนังสือซื้อ ‘บันทึกตะวันตก’ หนึ่งร้อยเล่ม

ผู้ดูแลร้านหูรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าข่งรุ่ยคิดจะซื้อ ‘วาดหนัง’ หนึ่งร้อยเล่ม จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ แต่คนอื่นไม่รู้ คนที่มาซื้อหนังสือต่างตกใจกับความร่ำรวยของข่งรุ่ย

พอไปสืบข่าวกัน ก็รู้ว่าคุณชายหนุ่มผู้นี้ถึงกับเป็นจิ้งอันโหวบุตรชายองค์หญิงใหญ่ก็ยิ่งตกใจกันยกใหญ่

บุตรชายองค์หญิงใหญ่ซื้อ ‘บันทึกตะวันตก’ ไปทีเดียวร้อยเล่ม ย่อมนำไปมอบให้ผู้อื่น เห็นชัดว่าแม้แต่บุคคลสำคัญยิ่งใหญ่ก็ชอบอ่านนิยายใหม่ของท่านซงหลิง

พอข่าวนี้แพร่ออกไป คนมากมายที่ไม่สนใจอ่านนิยายก็พากันมาซื้อเพราะอยากรู้ตาม

เฮ่อชิงเซียวรู้ว่าวันนี้มีนิยายใหม่วางขายจึงไม่ได้มาร้านหนังสือ แต่สั่งการลูกน้องไปดูแลความสงบ อย่าให้มีคนมาก่อเรื่อง

พอตกค่ำ ลูกน้องกลับมารายงาน “ใต้เท้า ร้านหนังสือชิงซงราบรื่นดี การค้าดีมาก จิ้งอันโหวก็ซื้อนิยายใหม่ไปร้อยเล่ม!”

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบลง

ลูกน้องควักเล่มหนึ่งออกจากอกเสื้อ ประคองส่งให้ “ข้าน้อยอ่านชื่อแล้วเหมือนบันทึกการเดินทาง จึงนำมาให้ท่านเล่มหนึ่ง”

ใต้เท้าเฮ่อชอบอ่านบันทึกการเดินทาง เป็นเรื่องที่คนสนิทรู้กัน

เฮ่อชิงเซียวยิ่งนิ่งเงียบลง

จิ้งอันโหวซื้อไปทีเดียวร้อยเล่ม ส่วนเขา เอาของลูกน้อง…

ลูกน้องมองอย่างนึกสงสัย

หรือว่าใต้เท้าไม่ชอบ

มือหนึ่งยื่นออกมารับหนังสือไป

“วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”

พอลูกน้องถอยออกไป เฮ่อชิงเซียวก็มองชื่อทีหนึ่ง คล้ายบันทึกการเดินทางจริง จึงเริ่มเปิดอ่าน

ฟ้ามืดสนิทแล้ว ลมหนาวพัดมาราวกับคมดาบ คนบนท้องถนนประปรายห่อไหลเดินผ่านไปรวดเร็ว สือโถวปิดประตูร้านหนังสือ ผู้ดูแลร้านหูดีดลูกคิดกระหน่ำอยู่ หลิวโจวล้มลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง

เหนื่อยมาก!

แม้ว่าเหนื่อย แต่จิตใจรู้สึกดีมาก โดยเฉพาะผู้ดูแลร้านหูที่กำลังนับจำนวนที่ขายได้ในวันนี้ ในโถงร้านก็มีแต่บรรยากาศยินดี

“ลำบากทุกคนแล้ว ไปเรือนตะวันตกกินหม้อไฟกัน” ซินโย่วยิ้มเรียกทุกคน

ผู้ดูแลร้านหูสบตากับหลิวโจว แววตาเขียนคำว่าเลื่อมใสตัวโตมาก

ไม่เสียทีที่เป็นเจ้าของร้าน ขายได้จำนวนมากมายน่าตกใจ ทว่ายังนิ่งสุขุมได้เช่นนี้

เรือนตะวันตกตระเตรียมวัตถุดิบไว้เรียบร้อยแล้ว หม้อใหญ่หลายใบกำลังเดือดปุดๆ ส่งกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล

คืนนี้กินหม้อไฟฉลองกัน ไม่เพียงแต่มีพวกผู้ดูแลร้านหู ยังมีหัวหน้าโรงพิมพ์ ช่างพิมพ์และคนงานเรือนตะวันออก ผู้ดูแลร้านหู หัวหน้าจ้าวและหลิวโจวนั่งโต๊ะเดียวกับซินโย่ว เสี่ยวเหลียนเองก็ถูกซินโย่วลากให้ลงนั่ง กินหม้อไฟเนื้อแพะกันอย่างครึกครื้น

เนื้อแพะแล่ชิ้นบางวางลงในหม้อไฟเดือดปุดๆ ก็สุกทันที คีบมาจิ้มน้ำจิ้มใส่เข้าปาก อย่าได้เอ่ยว่ารสเลิศเพียงใด

ได้กินเนื้อแพะลวกน้ำเดือดช่วงอากาศเดือนสิบสอง เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

เนื้อแพะหมดไปหลายจาน หัวหน้าหยางก็เดินเข้ามาพร้อมกับอากาศหนาวที่ติดกายมาด้วย

“หัวหน้าหยาง มานั่งนี่” หลิวโจวกวักมือเรียก

การค้าร้านหนังสือดี ก็เพิ่มผู้คุ้มกันอีกไม่น้อย พอซินโย่วลากหีบจากจวนรองเจ้ากรมมาหลายสิบใบ ก็ยิ่งทำให้ผู้ดูแลร้านหูตกใจรีบรับคนมาเพิ่มอีกกลุ่ม

ตอนนี้ผู้คุ้มกันร้านหนังสือชิงซงไม่ต่ำกว่าร้อย แบ่งออกเป็นสามกองลาดตระเวนทั้งวัน หัวหน้าหยางทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้คุ้มกัน

หัวหน้าหยางอายุสามสิบกว่า รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางซื่อสัตย์ เดินเข้ามาก็ส่งเสียงเรียกซินโย่วนอบน้อม “ท่านเจ้าของร้าน”

ซินโย่วมีภาพแวบขึ้นมา แต่ยังคงพยักหน้าให้ทีหนึ่ง “หัวหน้าหยางรีบนั่งลงกินหม้อไฟ”

“ขอบคุณท่านเจ้าของร้าน” หัวหน้าหยางก้าวคร่อมกางขานั่งลง ก้มหน้าก้มตากิน

ในท้องทุกคนกินอาหารกันแล้วก็เริ่มคุยกันถึงเรื่องนิยายใหม่

“หัวหน้าจ้าว พวกท่านอยู่โรงพิมพ์ไม่เห็น วันนี้ลูกค้ามาซื้อนิยายใหม่กันจนแทบเหยียบธรณีประตูพัง…” หลิวโจวสีหน้าตื่นเต้น ยังเอ่ยเล่าเรื่องข่งรุ่ยซื้อไปทีเดียวหนึ่งร้อยเล่ม

หัวหน้าจ้าวไม่ยอมแพ้ “ข้าไม่ได้ออกไปเห็นก็รู้ว่าขายดี ขน ‘บันทึกตะวันตก’ ในคลังออกไปอีกสองหีบ คุณชายข่งซื้อไปร้อยเล่มจริงหรือ”

“ยังจะเท็จได้อีกหรือ ไม่เชื่อถามผู้ดูแลหูสิ”

เห็นหัวหน้าจ้าวมองมา ผู้ดูแลร้านหูพยักหน้า ในใจก็แอบบ่นขึ้นมา น่ารำคาญใจจริง คุณชายข่งคิดอันใดต่อเจ้าของร้านใช่หรือไม่

ท่ามกลางเสียงครึกครื้นมีความสุข ซินโย่วหลุบตาลงคีบแตงกวาแผ่นหนึ่งใส่ลงในหม้อไฟ

ในตอนที่หัวหน้าหยางเดินเข้ามา นางเห็นภาพเขาโดนดาบฟัน

[1] คำสอนขงจื่อมักลงท้ายด้วยคำถาม หรอกหรือ ขงจื่อจะไม่สอนด้วยการชี้นำ แต่จะใช้การถามกลับเป็นหลัก

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท