ตอนที่ 315 ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดดีแล้ว
ตู่หัวกังก็หยุดยืนอยู่หน้าหวงเสี่ยวหลงแล้วเหลือบมองหวงเสี่ยวหลงตั้งแต่หัวจรดเท้าและส่ายหัวออกมา “เด็กน้อย กว่าเจ้าจะมาถึงได้ขนาดนี้มันไม่ได้ง่ายเลย ตอนนี้เจาเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงนั้นหมายความว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นไม่ได้แย่ ถ้าหากเจ้าติดตามอาจารย์ดีๆ เจ้าคงจะมีอนาคตที่สดใสกว่านี้ แต่โชคร้ายที่เจ้าเลือกเส้นทางผิด ดังนั้นวันนี้เจ้าคงทําได้เพียงตายอยู่ที่นี่!”
เพราะหวงเสี่ยวหลงมาพร้อมกับซุนฮ่าวหลานและยืนอยู่ข้างหลังซุนอ่าวหลานเล็กน้อย ตู่หัวกังก็คิดได้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นคงเป็นคนของเมืองสหัสวรรษที่ทําหน้าที่เป็นข้ารับใช้ของซุนฮ่าวหลาน
หวงเสี่ยวหลงก็ตอบออกไปเพียงหนึ่งประโยคด้วยน้ําเสียงไม่แยแส “จริงหรอ?”
ตู่หัวกังก็หัวเราะออกมาในขณะที่มองหวงเสี่ยวหลงที่ไม่ได้สีหน้าอะไรเลยออกมา “แน่นอน อย่างน้อยก็คงต้องมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”
“อย่าเสียเวลาพูดอยู่เลย รีบจัดการไอ้เด็กนั่นซะ” หลี่หลี่ที่อยู่ข้างตู่หัวกังก็เริ่มหมดความอดทน “จากนั้นพวกเราทั้งสี่คนจะได้ไปจัดการกับเผิงเพิงและซุนฮ่าวหลาน”
ตู่หัวกังก็พยักหน้าออกและไม่เสียเวลาพูดอะไรไร้สาระออกไปอีก จากนั้นเขาก็ได้พุ่งเข้ามาประชิดตัวหวงเสี่ยวหลงในทันทีพร้อมกับซัดฝ่ามือใส่อกของหวงเสี่ยวหลง
“การฆ่าคู่ต่อสู้ให้ตายภายในการโจมตีเดียวนคงไร้ความหมายเกินไป”การจะจัดการหวงเสี่ยวหลงนั้นง่ายดายมาก ตู่หัวทั้งจึงส่ายหัวอย่างดูถูก แต่เขาก็ไม่ได้ประหลาดใจมาก ด้วยความแข็งแกร่งของเขา มันคงต้องใช้ปาฏิหาริย์เข้าช่วยถึงจะทําให้ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นป ลาย-สูงนั้นหลบการโจมตีของเขาได้
อย่างไรก็ตาม ในครูต่อมาเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เพราะ! เขารู้สึกราวกับแขนของเขานั้นได้โจมตีใส่เหล็กเย็นโบราณ ซึ่งทําให้ความรู้สึกเจ็บแสบกระจายออกมาจากมือของเขา!
ตู่หัวกังก็เงยหน้ามองหวงเสี่ยวหลงที่กําลังเผชิญหน้าตู่หัวกังด้วยสีหน้าไม่แยแสเหมือนเดิม และหวงเสี่ยวหลงก็ยังคงยืนอยู่จุดเดิมไม่เคลื่อนไหวไปใหน และก่อนที่เขาจะฟื้นฟูจากความเจ็บปวด ก็ได้มีพลังงานที่ทําให้ใจของเขาสั่นไหวปะทุขึ้นมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง ตู่หัวกังก็ได้รีบกระโดดถอยแต่เขาเขากลับก้าวช้าเกินไป ในตอนนั้นได้มีเงางาวพุ่งแทงผ่านไหล่ของเขาข้างหนึ่งไป ซึ่งที่เหลือนั้นมีเพียงไหล่ของเขาที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ตู่หัวกังก็ได้ครางออกมาอย่างเจ็บปวดในขณะที่เขาล่าถอยไปอยู่ข้างหลี่หลี่และจับจ้องหวงเสี่ยวหลงด้วยความโกรธและระมัดระวัง โชคดีที่เมื่อกี้เขาหลบได้ทันมิฉะนั้นแล้วมันคงไม่ใช่ไหล่ของเขาที่จะถูกทิ่ม แต่มันจะเป็นหัวใจของเขาต่างหากที่จะถูกแทง
พอได้ยินเสียงเจ็บปวดจากหัวกัง หลี่หลี่ที่กําลังเฝ้ามิงการต่อสู้อีกด้านของเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานนั้นก็หันกลับมามอง พอเห็นบาดแผลขนาดใหญ่บนไหล่ของตู่หัวกัง เธอก็รู้สึกตกใจ
แม้กระทั่งเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานก็ทนไม่ไหวจึงได้เสี่ยงเหลือบมองมาทางด้านของหวงเสี่ยวหลงอย่างรวดเร็ว นอกจากซุนฮ่าวหลาน คนที่เหลือก็อึ้งจนพูดไม่ออก
“ขยะเอ้ย แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูง เจ้าก็ยังจัดการไม่ได้!” เมื่อเธอหายตกใจ หลี่หลีก็ตะคอกใสตู่หัวกัง
ใบหน้าของตู่หัวกังก็แดงขึ้นเพราะความอับอายแต่เขาก็ไม่กล้าด่าสวนกลับใส่หลี่หลี่ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงพูดแก้ตัว “ไอ้เด็กน้อยเจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ”
หลี่หลี่ก็ส่งเสียงดูถูกอย่างเย็นชาแล้วหันหน้าไปหาหวงเสี่ยวหลง “ไอ้เด็กน้อย ดูณหมือนว่าพวกเราจะดูถูกเจ้ามากไปหน่อย ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีความสามารถถึงขนาดนี้”ในความคิดเธอ แม้ว่าตู่หัวกังจะได้รับบาดเจ็บเนื่องจากความประมาท แต่การที่ทําให้ตู่หัวกังได้รับบาดเจ็บได้นั้นแสดงได้ว่าเขาค่อนข้างมีฝีมือทีเดียว
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า ตราบใดที่เจ้าร่วมมือกับพวกเรา ฆ่าเผิงเฟิงและซุนฮ่าวหลานแล้วยอมจํานนต่อพวกเรา เมืองมังกรเหมันต์ ข้าจะแนะนําเจ้าให้กับอาจารย์ของข้า ถ้าหากพรสวรรค์ของเจ้านั้นดีเยี่ยมหล่ะก็ ก็คงไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าอาจารย์ของข้าจะไม่รับเจ้าเป็นศิษย์” หลี่ก็พูดออกมา น้ําเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยู่เหนือผู้อื่นอย่างชัดเจน
เธอเชื่อว่ามันเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดใจ
ในดินแดนแห่งความโกลาหล อัจฉริยะมากมายต่างสู้กันเอาเป็นเอาตายเพื่อแย่งชิงโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นศิษย์ของอาจารย์ของเธอ มังกรเงิน อ่าวกู่ แต่คนพวกนั้นกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นเขาซึ่งไม่ต้องกล่าวถึงการเข้าพบเขา แม้กระทั่งอัจฉริยะบางคนคุกเข่าหน้าคฤหาสน์โลหิตมังกรเป็นเวลาสิบวันสิบคืน และคุกเข่าต่อไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าเขาจะทําอะไร เขาก็ไม่ได้รับโอกาสอยู่
และตอนนี้เธอกลับเสนอตัวแนะนําเขาให้กับอาจารย์ของเธอ เรื่องนี้ราวความฝันที่ผู้ฝึกตนหลายคนต่างต้องการ
“ให้ข้าเปลี่ยนไปจงรักภักดีต่อเมืองมังกรแหมันงั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็พูดทวนซ้ํา ดูเหมือนอีกฝั่งคิดว่าเขานั้นเป็นข้ารับใช้ของซุนฮาวหลาน
หลี่หลี่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น “ถูกต้อง” จากนั้นเธอก็พูดเพิ่มอีกว่า “โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะพิจราณาอย่างถี่ถ้วน”
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวอยู่ภายใจ โอกาสนี้มีเพียงครั้งเดียวงั้นหรือ? แนะนําเขาให้กับมังกรเงิน อ่าวเนี่ยนะ?
“แล้ว เจ้าได้คิดถี่ถ้วนแล้วหรือยัง?” พอเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงยังคงเงียบอยู่ หลี่หลีกได้ถามออกมา
“เอางี้แล้วกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้าคิดอย่างถี่ถ้วน” หวงเสี่ยวหลงก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ “โอกาสแบบนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดให้มากๆเข้าไว้”
หลี่หลี่และตู่หัวกังก็รู้สึกตกใจขึ้นมาชั่วครู่ ในพวกเขานั้นไม่มีใครเข้าใจในสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงสื่อเลยสักคน
หวงเสี่ยวหลงก็พูดต่อไปว่า “ตัดขาดกับเมืองมังกรเหมันแล้วยอมจํานนแก่ข้า แล้วข้าจะพิจารณาเรื่องการไว้ชีวิตของเจ้า”
ทุกคนก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ แม้กระทั่งเผิงเฟิงยังจ้องมองหวงเสี่ยวหลงด้วยสีหน้าแปลกๆ หมอนี่มันบ้าไปแล้วงั้นหรือ? จากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาซุนฮ่าวหลาน สายตาของเขานั้นมองซุนฮ่าวหลานราวกับถามเขาว่าสมองของหมอนี่มันผิดปกติหรือเปล่า
แต่ทว่าทางด้านหลี่หลี่และตู่หัวกังนั้นกลับมีความโกรธระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ โดยเฉพาะหลี่หลี่ที่ปลดปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นออกมาจากร่างของเธอและครอบคลุมร่างเธอพร้อมทั้งจู่ๆได้มีพายุหิมะสีดําโปรยปรายลง
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ?!” สายตาอันมกริบของหลี่หลี่นั้นก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงราวกับเสียบทะลุร่างของหวงเสี่ยวหลงพร้อมกับพูดออกมาทีละพยางค์
เธอนั้นเป็นถึงศิษย์ที่มังกรเงินอ่าวกู่โปรดปรานที่สุดและเธอก็มีสถานะที่โดดเด่นที่สุดในเมืองมังกรเหมันต์ แถมมีศิษย์นิกายมากมายนับไม่ถ้วนต่างไล่ตามจีบและแสดงความรักแก่เธอ แม้กระทั่งยังพูดชมเธอด้วยคําพูดที่ไพเราะอีกด้วย กล่าวได้ว่าภายในเมืองมังกรเหมันนั้น เธอนั้นสามารถเรียกลมเรียกฝนได้โดยคําพูดเพียงคําเดียว แต่ตอนนี้ ไอ้สารเลวระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นปลาย-สูงที่มีตัวตนราวกับมดนั้น กลับกล้าบอกเธอให้เธอตัดขาดกับเมืองมังกรเหมันและยอมจํานนแก่เขาเนี่ยนะ?!!
ให้เป็นข้ารับใช้มันเนี่ยนะ?!!
พูดง่ายก็คือ ทาส!
นี่มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
น่าอับอายเสียจริง!
“เจ้าได้ยินไม่ชัดนั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็ทําเป็นเมินจิตสังหารที่ปะทุออกมาจากดวงตาของอีกฝ่าย “โอกาสนี้มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าได้คิดอย่างรอบคอบแล้วงั้นหรือ?”
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงพูดเสร็จ ก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ว ซึ่งก็คือหลี่หลี่ที่ได้หมุนตัวรวมดึงลมเข้ารวตัวมกลายเป็นพายุอันเกรี้ยวกราดที่มีเธอเป็นศูนย์กลาง ซึ่งราวกับมังกรวายุที่ได้บิน พุ่งเข้าหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงนิ่งเงียบในขณะที่เฝ้ามองการโมตอันบ้าคลั่งนี้ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนร่างเป็นกายาเทพอสูรแล้วเตีรยมพร้อมต่อสู้ กลิ่นอายสังหารอันหนาแน่นก็ได้เข้ารวมตัวรอบตัวของเขา และได้มีปียักษ์สีดํามิดงอกออกจากแผ่นหลังของเขาในขณะที่เขานั้นได้แทงง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งออกไป
“เขย่าภูผาผลิกมหาสมุทร!”
งาวเงานับล้านก็ปรากฏขึ้นมาแล้วรวมตัวกลายเป็นพายุอันเกรี้ยวกราดราวกับสิ้นามิที่พุ่งไปปะทะกับพายุอันเกรี้ยวกราดของหลี่หลี่ ทําให้พายุนั้นหายไปเผยให้เห็นร่างอรชรของหลี่หลี่ที่หมุนวนอยู่ราวกับมังกรแหวกว่ายในทะเล ซึ่งการปะทะกันนี้ได้ลดระยะห่างระหว่างทางสอง จากนั้น หลี่หลีก็ได้ใช้ฝ่ามือที่ราบเรียบและตั้งตงราวกับคมกระบี่ที่มใส่หน้าอกของหวงเสี่ยวหลง
“ฝ่ามือทะลายมังกร!” ซุนฮ่าวหลานก็รู้สึกเครียดในขณะที่เฝ้ามืองกระบวนท่านี้ เขาจึงได้ตะโกนออกมาอย่างกังวล “พี่หวง ระวัง!”
ฝ่ามือทะลายมังกรสั้นหรือ? ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็กลายเป็นยา จากนั้นเขาก็ได้งอมือเป็นกรงเล็บแล้วฟาดใส่คู่ต่อสู้
จากนั้นทั่วท้องฟ้านั้นได้มีกลิ่นอายปีศาจแพร่กระจายไปทั่วพร้อมกับเสียงกรีดร้องของภูตผีนับพัน
กรงเล็บเทพอสูร
ขณะที่กรงเล็บเทพอสูรปรากฏขึ้น ภูตผีปีศาจที่บินรอยอยู่เหนือวิหารนั้นสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูพวกมันจึงได้พุ่งตรงมาหากรงเล็บที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งทําให้พลังโจมตีของกระบวนท่านี้เพิ่มขึ้น
พอเฝ้ามองฝามือสีดําปรากฏขึ้นเหนือหัวของเธอ หลี่หลี่ก็หน้าซีดเซียว จากนั้นเธอก็รีบถอยหนอย่างรวดเร็วราวกับมังกรน้อยที่หวาดกลัวแต่ทว่าหวงเสี่ยวหลงกลับพุ่งตรงไปหาพร้อมกับเหวี่ยงง้าวเทวทูตเหนือสรรพสิ่งใส่หลี่หลี่
“จ้าวกาแล็กซี่!”
เงาง้าวนับไม่ถ้วนได้พุ่งออกมาจากง้าวซึ่งมันเปล่งประกายราวกับดาวตกที่ปรากฏในท้องฟ้ายามเย็น