ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 200 หลิงเยว่คงจะสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริงแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 200 หลิงเยว่คงจะสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริงแล้ว!

บทที่ 200 หลิงเยว่คงจะสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริงแล้ว!

เมื่ออาคารไม้สองชั้นที่ถูกประกอบขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่เหล่าลูกศิษย์เท่านั้น แม้แต่ผู้คนที่มาเฝ้าดูต่างก็ส่งเสียง

อุทานด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

สามารถสร้างร้านค้าเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?

ร้านต้องคำสาปที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ได้มีสภาพรกร้างเหมือนเดิมอีกต่อไป มันได้เปลี่ยนโฉมใหม่ แม้จะไม่น่าพิศวงสักเท่าไหร่แต่ก็ยากที่จะมองข้าม

ทั้งถนนชิงเฟิงมีเพียงร้านต้องคำสาปแห่งนี้เท่านั้นที่มีสีแดงเข้มผสมสีทองคำเล็กน้อย ดูแล้วหรูหราและอบอุ่น แม้แต่ไม้ที่ใช้ทำโต๊ะและเก้าอี้ล้วนเป็นสีเดียวกันทั้งสิ้น

ดูดีกว่าร้านต้องคำสาปที่เคยเป็นมาหลายเท่า ราคาอาหารที่ขายก็เหมาะสมกันดี

หลิงเยว่ยืนอยู่ตรงกลางทางเดินที่ปูด้วยหินและร่ายคาถาเร่งการเจริญเติบโต ทันใดนั้น ดินสองข้างทางก็เขียวขจี มีพืชพรรณงอกออกมา คล้ายกับต้นไทรที่เลื้อยเต็มกำแพง ดอกไม้บนกำแพงค่อย ๆ บานสะพรั่งทีละดอก สีสันสดใสมองแล้วช่างงดงามยิ่งนัก

หญ้าที่เติบโตเหล่านั้นถูกถักทอเป็นเก้าอี้และโต๊ะด้วย…

หัวหน้าตะขาบมรกตนั่งเก้าอี้ที่สานด้วยหญ้าอย่างแปลกใจ เมื่อเขาเพิ่งนั่งลง ก้นก็จมลงไปกับเก้าอี้เล็กน้อย ช่างนุ่มราวกับปุยฝ้าย ซ้ำยังรู้สึกสบายเป็นพิเศษอีกด้วย!

ลูกไก่ตัวน้อยสี่ตัวที่จื่อเฉาอวี่อุ้มอยู่ในอ้อมแขนต่างกระพือปีกแล้วกระโดดลงไปบนพื้นหญ้า แล้ววิ่งวุ่นกันยกใหญ่

หลิงเยว่ที่เพิ่มต้นไม้สีเขียวให้กับลานหน้าร้านเสร็จสิ้นแล้ว นางรู้สึกหน้ามืดแล้วล้มลงบนพื้นหญ้า

เมื่อหลิงเยว่ล้มตัวลง ลูกศิษย์ของนางที่ทำงานมาสิบวันติดต่อกันก็ล้มลงบนพื้นหญ้าทีละคนเช่นกัน แม้จะล้มลง แต่ดวงตาก็ยังไม่ยอมหลับ พวกเขาเฝ้ามองอาคารสองชั้นอย่างสงบ สูดดมกลิ่นหอมของดอกหญ้าและดอกไม้จาง ๆ ความรู้สึกปลาบปลื้มพลันพวยพุ่งขึ้นมาในทันที!

นี่คือสิ่งที่พวกเขาช่วยกันสร้างขึ้นมา!

ร้านต้องคำสาปได้รับการแปลงโฉมใหม่โดยสิ้นเชิง เมื่อท่านอาจารย์ใหญ่และเถาวั่งก้าวเข้ามาภายในร้าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานด้วยความตกตะลึง เนื่องด้วยสถานที่แบบนี้อาหารชุดใหญ่ราคาเพียงแปดแสนแปดหมื่นหินวิญญาณ ช่างถูกเหลือเกิน!

“ท่านอาจารย์ใหญ่เจ้าคะ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่าทางร้านของเรามีการปรับราคาอาหารชุดใหญ่แล้ว อาหารธรรมดาชุดใหญ่หนึ่งชุดราคาแปดแสนแปดหมื่นหินวิญญาณ ชุดอาหารทองคำหนึ่งชุดใหญ่ราคาหนึ่งล้านแปดแสนแปดหมื่นหินวิญญาณ… และชุดอาหารจักรพรรดิหนึ่งชุดราคาหนึ่งร้อยแปดสิบล้านหินวิญญาณ…”

หนึ่งร้อยแปดสิบล้านหรือ?

เถาวั่งนึกว่าตนได้ยินผิด เขารีบคว้ารายการอาหารมาดูเอง ผลปรากฏว่าเขาเห็นรายการอาหารพิเศษที่เรียกว่า ชุดอาหารจักรพรรดิจริง ๆ มีสิ่งใดอยู่ในอาหารชุดนี้อย่างนั้นหรือ ถึงได้กล้าขายอาหารราคาแพงถึงเพียงนี้?!

ท่านอาจารย์ใหญ่รู้สึกประหลาดใจไม่ต่างกัน หลิงเยว่คงจะสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแท้จริงแล้ว!

หลิงเยว่ยากจนอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่ได้เสียสติ ชุดอาหารจักรพรรดิเป็นเพียงแค่ของว่าง ในภายหน้าอาจจะมีของว่างระดับเทพก็เป็นได้ เพียงแค่ต้องรอไปจนกว่าการบำเพ็ญของนางจะพัฒนาไปถึงขอบเขตปฐมวิญญาณ การทำให้เป็นของว่างระดับเทพจะถือว่าไม่เกินจริง

“ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านต้องการชุดอาหารจักรพรรดิหรือไม่เจ้าคะ?”

หลิงเยว่ยิ้มประจบ ท่านอาจารย์ใหญ่กับเถาวั่งที่ตามมาดูความวุ่นวายพลันส่ายหัวอย่างแรง แม้ในฐานะนักกลั่นโอสถขั้นสูงและแม้จะไม่ขาดแคลนหินวิญญาณระดับล่างถึงสองร้อยล้านก็ตามที แต่การกินอะไรฟุ่มเฟือยขนาดนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี

“จัดอาหารจักรพรรดิชุดนั้นให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ซีหลินเพิ่งจะมาถึงร้านก็ตะโกนสั่งอาหารอย่างอารมณ์ดี แค่สองร้อยล้านเท่านั้น ถึงแม้เขาไม่มีมัน ทว่าคนที่เขามาด้วยนั้น ย่อมมีอย่างแน่นอน!

“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าจานในตอนนี้ไม่มีแม้หินวิญญาณถึงสองร้อยล้านเลยหรือ? น่าละอายเสียจริง!” ท่านปู่ของซีหลินเอามือไพล่หลังมองด้วยสายตาเหยียดหยาม

สมแล้วที่เป็นปู่กับหลาน กลยุทธ์ยั่วยุนั้นใช้ได้อย่างคล่องแคล่วเสียจริง

“ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านทนได้หรือเจ้าคะ? ต้องสั่งมาสักชุดบ้างแล้ว!” หลิงเยว่พยายามกลั้นความตื่นเต้นไว้ภายในใจ นางยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมเพื่อกระตุ้นให้ความขัดแย้งระหว่างท่านอาจารย์ใหญ่และท่านปู่ของซีหลิน

ท่านอาจารย์ใหญ่หัวเราะออกมา แน่นอนว่าเขาทนไม่ได้ “ร้านอาหารที่อาจารย์ในสำนักของข้าเปิดเอง ในฐานะอาจารย์ใหญ่ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณสักก้อนก็กินอาหารชุดจักรพรรดินั้นได้ แล้วชายชราที่กำลังจะตายอย่างเจ้าเล่า หากจะกินได้ก็ต้องจ่ายถึงสองร้อยล้านหินวิญญาณ”

หมายความว่าจะขอทานอาหารแบบไม่จ่ายอย่างนั้นหรือ?

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเยว่ค่อย ๆ จางหายไป นางอยากจะด่าทอออกมาดัง ๆ ว่า ท่านอาจารย์ใหญ่ช่างหน้าไม่อายเสียจริง!

แต่ถึงอย่างไร นางยังต้องคำนึงถึงเกียรติของท่านอาจารย์ใหญ่ จึงอดทนเอาไว้แล้วพูดตามน้ำไปว่า “ถูกแล้วเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ใหญ่มาถึงที่แห่งนี้ ก็ทำให้ร้านเล็ก ๆ ของข้าพลอยสว่างไสวไปด้วย ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยจะกล้ารับหินวิญญาณได้อย่างไรเล่า?”

อาจารย์ใหญ่หันมามองหลิงเยว่ด้วยสายตาชื่นชม นางยังเยาว์วัยแต่ช่างเป็นคนฉลาดหลักแหลมนัก!

“บอกข้ามา เจ้าเป็นคนฆ่าแมงมุมหลากสีของข้ากระนั้นหรือ?!”

ชายชราชี้ไปที่อาจารย์ใหญ่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธราวกับว่าหากอาจารย์ใหญ่พยักหน้ายอมรับ เขาก็จะลงมือสังหารเขาในทันที!

เมื่อได้ยินคำว่าแมงมุมหลากสี หัวใจของหลิงเยว่พลันเต้นรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ หากชายชราผู้นี้รู้ว่าเป็นฝีมือของนาง และแมงมุมตัวสุดท้ายที่ท่านเจ้าสำนักมอบให้ก็ถูกนางส่งวิญญาณไปแล้ว เขาจะโกรธจนลงมือสังหารพวกนางหรือไม่?

ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นาน อย่าเพิ่งโดนทำลายเลย!

“ข้าเป็นคนทำแล้วอย่างไร? ท่านกล้าปล่อยให้แมงมุมเข้ามาในเขตของข้า ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่ามันจะต้องพบกับความหายนะ!”

อาจารย์ใหญ่ไม่เพียงแต่ยอมรับเท่านั้น แต่ยังแผ่พลังออกมาด้วย “หากไม่เห็นแก่ความชราจนไร้ความสามารถของเจ้า ข้าคงบุกไปหาเรื่องตั้งนานแล้ว!”

ในเรื่องของการต่อสู้ จานโจวไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด!

“ดี!” ปู่ของซีหลินฉีกมิติที่อยู่ด้านหลังออก “เช่นนั้นมาสู้กัน!”

จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไปในพริบตา ปล่อยให้ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังมองตาค้าง

“ท่านยังจะรับชุดอาหารจักรพรรดิอยู่หรือไม่?”

ซีหลินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “รับสิ! ทั้งยังต้องสั่งสุรามาอีกหลายไหด้วย ท่านปู่ของข้าชอบดื่มมันยิ่งนัก!”

หลิงเยว่ตอบรับด้วยความยินดี ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องครัว

เพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านอาจารย์ใหญ่ยอมรับผิดแทนนาง หลิงเยว่จึงตัดสินใจจะจัดอาหารชุดใหญ่ให้เขาด้วย ส่วนตำราอาหารก็… แน่นอนว่าเป็นตำราที่นางเคยทำ พร้อมกับตำราอาหารจากสำนักหลานเทียน แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องรู้สึกคุ้มค่าอย่างแน่นอน!

และที่ขาดไม่ได้ นางยังจะมอบของล้ำค่าที่สุดในขณะนี้ของนางให้อีกด้วย นั่นคือ ชารู้แจ้งสุดพิเศษอีกหนึ่งถ้วย!

“ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีลูกค้ามาที่ร้าน ทั้งยังสั่งชุดอาหารจักรพรรดิอีก” เซี่ยซิ่นรุ่ยยกคางขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะเขาเตรียมใจไว้ว่าคงจะไม่มีลูกค้าคนไหนกล้ามาที่ร้านอีกแล้ว

ในที่สุดข่าวของร้านต้องคำสาปก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองฝู่ซาง เหล่าผู้บำเพ็ญผู้ใดกันที่ไม่กลัวความตาย ช่างกล้าหาญไปเหยียบร้านนั้น

ที่เขาตัดสินใจมาที่ร้านต้องคำสาปแห่งนี้ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ บนร่างกายในช่วงที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่มีทางมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่หรอก

ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ เริ่มก่อไฟแล้ว กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่ว ชักนำให้เหล่าผู้บำเพ็ญจำนวนมากมายืนดูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไรก็มองไม่เห็นว่าภายในร้านมีสิ่งใด เพราะร้านทั้งหลังถูกซ่อนไว้ด้วยอาคม มองเห็นได้เพียงเลือนรางเท่านั้น

“หึ! พวกเขาคิดว่าการซ่อนร้านต้องคำสาปไว้ด้วยอาคมจะทำให้คำสาปแช่งไม่มาเยือนอย่างนั้นหรือ?”

“หรือว่าความคิดนี้อาจจะใช้ได้จริง ๆ?”

“ใช่แล้ว!”

เพื่อนบ้านเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดวงอาทิตย์เจิดจ้าไม่มีวี่แววของฟ้าร้องหรือเมฆฝน สิ่งนี้อาจจะมีประโยชน์จริง ๆ ก็ได้?

นอกจากผู้บำเพ็ญจะชอบนินทาและกลัวตายแล้ว ยังไม่ขาดจิตวิญญาณแห่งการท้าทายอีกด้วย เพราะความจริงแล้วหลายวันที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ากลุ่มคนเหล่านั้นประสบเคราะห์กรรมอะไร ร้านต้องคำสาปแห่งนี้ก็ยังอยู่ดี หรือว่า… จะไม่มีสิ่งใดแล้ว?

“ช่างคำสาปแช่งมันเถิด วันนี้ข้าจะต้องเข้าไปกินให้ได้!”

เพื่อนบ้านที่เฝ้าดูมาตั้งแต่แรกกลั้นใจไม่ไหวแล้ว เขาเดินเข้าร้านพร้อมกับความรู้สึกราวกับมุ่งหน้าสู่ความตาย ทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมกลิ่นหอมนานาชนิดพุ่งเข้าจมูก จนแทรกซึมเข้าไปในทุกรูขุมขน ทำให้จิตวิญญาณและร่างกายพลันสั่นสะท้าน

โอ้! กลิ่นหอมนี้ช่างรุนแรงเหลือเกิน!

ร้านแห่งนี้ยังใช้รูปแบบอาคมที่มีผลในการกลั่นลมปราณอีกด้วย ผลลัพธ์ดีกว่าการบำเพ็ญในถ้ำหลิงสือเสียอีก เพียงเท่านี้แม้จะโดนฟ้าผ่าก็นับว่าคุ้มแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท