ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 266 จากไปพร้อมรอยยิ้ม-8

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 266 จากไปพร้อมรอยยิ้ม-8

พริบตาเดียว

มองเห็นก้นไหสุราใบใหญ่แล้ว

หลางอ๋องหมิงเย่าและสองสหายอั๋งหรานอั๋งสยงมึนเมาเล็กน้อย

การเมาเพียงเล็กน้อยในทุ่งหญ้านั้นยังไม่สนุกสุดเหวี่ยงมากพอ

แต่หลางอ๋องหมิงเย่าคว่ำชามใหญ่ทั้งสามใบที่อยู่ตรงหน้า

หมายความว่าไม่ดื่มต่อแล้ว

อั๋งหรานและอั๋งสยงมองพฤติกรรมของหลางอ๋องหมิงเย่าด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย

ทั้งที่กล่าวว่าไม่เมาไม่กลับ ไฉนเมาเพียงเล็กน้อยจึงหยุดแล้วเล่า

ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่พูดว่าชาวทุ่งหญ้าก็ต้องมีลักษณะของชาวทุ่งหญ้า

แต่อย่างน้อยการดื่มสุราเช่นนี้ก็ดูไม่ใช่ลักษณะของชาวทุ่งหญ้า

“ท่านหลางอ๋องยังมีแผนใดอีกหรือ”

สมองของอั๋งหรานฉลาดหลักแหลมอย่างเห็นได้ชัด

ทันทีที่เห็นหลางอ๋องหมิงเย่ากระทำเช่นนี้จึงเดาว่าเขาอาจจะมีแผนอื่นอีก

“ไม่ผิด! เราสหายทั้งสามคนดื่มเพียงสุรามันน่าเบื่อ ยิ่งกว่านั้นความสามารถการดื่มของเราก็เสมอกันครึ่งต่อครึ่ง แม้จะต้องแข่งดื่มสุรา สุดท้ายก็มีเพียงเจ้าสองคนล้มคะมำ ข้าหงายหลังก็เท่านั้น”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าว

อั๋งหรานและอั๋งสยงได้ยินวาจาเช่นนี้จึงหัวเราะลั่น

“ความสามารถการดื่มของเราย่อมสู้ท่านหลางอ๋องไม่ได้!”

อั๋งสยงกล่าว

ยกยอหลางอ๋องหมิงเย่าอีกครั้ง

“จริงหรือ ต้องรู้ไว้ก่อนว่านี่เป็นการดื่มสุราครั้งแรกของข้านับตั้งแต่ฮั่ววั่งติ้งซีอ๋องจัดงานเลี้ยงสุราที่เมืองจี๋อิง!”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าว

อั๋งหรานอั๋งสยงต่างนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขา

เมื่อวานยังเพิ่งเมาปลิ้นอยู่ด้วยซ้ำ

นี่เป็นความแตกต่างระหว่างแม่ทัพและผู้บัญชาการ

แม่ทัพจำต้องบุกเข้าโจมตีข้าศึกในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้น

รบอย่างกล้าหาญ

รบเพื่อชัยชนะ

แต่ผู้บัญชาการนั้นต่างออกไปมาก

เขาอาจไม่จำเป็นต้องลงสนามรบเอง

ทว่าต้องปราดเปรื่องมีไหวพริบ พิจารณาอย่างถี่ถ้วน

อย่าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านใดๆ รบกวนจิตใจ

วางแผนตัดสินใจก่อนดำเนินการ

ด้านหลังบัลลังก์หลางอ๋องหมิงเย่ามีภาพแผนที่แขวนอยู่

แผนที่ภาพนี้หาได้เป็นแผนที่ของทุ่งหญ้าไม่

ทว่ามันเป็นแผนที่ของอาณาจักรห้าอ๋อง

สำหรับทุ่งหญ้านั้น

ที่ใดมีสันเขา ที่ใดมีหุบเหว ลำธารทะเลสาบอยู่แห่งหนใด เขารู้อยู่แก่ใจตั้งนานแล้ว

สิ่งที่เขาสนใจคืออาณาจักรห้าอ๋อง

จะเห็นได้จากสิ่งนี้

หลางอ๋องหมิงเย่ามุ่งมั่นพิชิตใต้หล้า

นอกจากแผนที่หลังบัลลังก์แล้ว

ยังมีอีกหนึ่งภาพปูอยู่บนโต๊ะเขา

แผนที่ภาพอาณาจักรติ้งซีอ๋อง

ทั้งห้ารัฐ ได้แก่ รัฐติง รัฐเหิง รัฐเหมิง รัฐฉี รัฐเยวี่ย

ยังมีเขาเรียงรันและเขายาตราในเก้าบรรพต

ดินแดนเหล่านี้ล้วนเป็นดินแดนที่หลางอ๋องหมิงเย่าเฝ้าปรารถนาและเฝ้าฝันถึงทุกยาม

โดยเฉพาะรัฐติง

รัฐติงเป็นประตูสู่ตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรติ้งซีอ๋อง

รัฐติงไม่ล่มสลาย อาณาจักรติ้งซีอ๋องจะมั่นคงและผาสุข

หากสูญเสียรัฐติง ประตูสู่อาณาจักรติ้งซีอ๋องจะเปิดกว้าง

ทหารหมาป่าทุ่งหญ้าของหลางอ๋องหมิงเย่าสามารถทะยานตรงเข้าไปได้ถึงแปดร้อยลี้ในหนึ่งวัน

กระทั่งก่อนที่สี่รัฐที่เหลือยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็สามารถเคลื่อนทัพไปถึงเมืองติ้งซีอ๋องแล้ว

เมื่อใดที่เขาคิดถึงฉากนี้ หัวใจของหลางอ๋องหมิงเย่าก็จะเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว

แต่เขาก็รู้ดี

การเคลื่อนไหวเช่นนี้มันเสี่ยงเกินไป

ทัพอีกาดำตั้งประจำการที่เมืองติ้งซีอ๋อง

หากทัพอีกาดำอาศัยการป้องกันอันแข็งแกร่งที่เมืองติ้งซีอ๋อง ทำได้เพียงป้องกันไม่โจมตี

เช่นนั้นเกรงว่าจะนำไปสู่สงครามที่ดุเดือดอย่างยิ่ง

แต่ทันทีที่สี่รัฐที่เหลือได้รับรายงานจากเมืองติ้งซีอ๋องแจ้งขอความช่วยเหลือด่วน จะต้องทุ่มกายถวายชีวิตมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยเหลืออ๋องแน่นอน

ถึงตอนนั้นทหารหมาป่าของราชสำนักทุ่งหญ้าจะต้องเผชิญกับการโจมตีทั้งหน้าหลัง

ล่มสลายได้เพียงไม่กี่วินาที

ยิ่งกว่านั้นการขนส่งเสบียงอาหารระหว่างการโจมตีพันลี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

สี่รัฐที่เหลือแค่เพียงส่งทหารไปตัดเส้นทางขนเสบียงของทัพทุ่งหญ้าเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องยกทัพมาปะทะซึ่งหน้าด้วยซ้ำ

กองทัพทุ่งหญ้าของตนปิดล้อมเมืองติ้งซีอ๋องนานกว่าหนึ่งเดือนย่อมต้องล่าถอยไปเองเป็นแน่

เข้าง่ายแต่กลับยาก

หากบางอย่างเกิดผิดพลาดขึ้นมา

จุดจบที่ทุ่งหญ้าต้องเผชิญคือการล่มสลายชั่วนิรันดร์

หลังจากที่หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตนดื่มสุราพลันก้มหน้ามองแผนที่อาณาจักรติ้งซีอ๋องบนโต๊ะ

ในมือถือชามใหญ่สามใบ ประหนึ่งสามทัพ

เขาดันชามอย่างต่อเนื่อง

อั๋งหรานและอั๋งสยงรู้ว่าหลางอ๋องหมิงเย่าตกอยู่ในภวังค์ความคิดอีกครั้งจึงไม่กล้ารบกวน

เพียงนั่งกินเนื้ออย่างเงียบๆ

แต่ท่าทางหั่นเนื้อของเขาพวกเขาระมัดระวังอย่างยิ่ง

กลัวว่าจะเกิดเสียงดังรบกวนความคิดของหลางอ๋องหมิงเย่า

การทหารแปรเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ

หลางอ๋องหมิงเย่าครุ่นคิดเกี่ยวกับหนทางทะยานเข้าไปมานานมากแล้ว แม้ว่ามันจะเสี่ยงมากก็ตามที

ทว่าก็ยังเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวที่ไม่เลว

เพียงแต่เขาไม่เคยบอกความคิดนี้แก่สองพี่น้องอั๋งหรานและอั๋งสยงที่นั่งอยู่

เพราะเมื่อคิดแล้ว ก็ต้องตกตะกอนก่อน

แม้เขาจะตกตะกอนมันมานานแล้วก็ตาม

แต่มักจะรู้สึกว่ายังไม่สุกงอมและสมบูรณ์แบบมากพอ

ยิ่งกว่านั้นยังมีปัญหาร้ายแรงที่ยังไม่ได้แก้ไข

นั่นก็คือทุกเมืองในอาณาจักรติ้งซีอ๋องล้วนมีกำแพงเมืองที่สูงลิ่วและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

แม้ทหารหมาป่าทุ่งหญ้าจะเจนสงคราม แต่ก็ไม่ถนัดโจมตีฐานที่แข็งแกร่งเช่นนี้

หากใช้วิธีล้อมเมืองโจมตีฐานแต่ละแห่งเพื่อความปลอดภัย

เกรงว่าในบั้นปลายชีวิตของหลางอ๋องหมิงเย่าจะไม่เห็นแม้แต่เงาของเมืองติ้งซีอ๋อง

นี่เป็นข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดในใจเขา

แม้ทุ่งหญ้าจะมีวิธีการปิดล้อมและทักษะสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์

แต่เขาก็ไม่กล้าสร้างในขอบเขตที่กว้างขวางมาก

กลยุทธ์ของหลางอ๋องหมิงเย่าคือกระบวนการเคลื่อนทัพเสี่ยงอันตราย

คำว่า ‘แปลก’ โดดเด่นออกมา

หากเตรียมการรบขนาดใหญ่ แล้วฮั่ววั่งติ้งซีอ๋องจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร

ครั้นพบเห็นแล้วป้องกัน ก็ชัดเจนแล้วว่ากลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้

ครุ่นคิดอยู่นานทีเดียว จนในที่สุดหลางอ๋องหมิงเย่าก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“ข้าจะตกรางวัล! เรามาแข่งขันใช้อาวุธกันเถิด!”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าว

“ท่านหลางอ๋องมีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้ช่างหาได้ยากนัก เราย่อมเข้าร่วมด้วย! แต่ข้ามีความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตกรางวัล ความเมตตาของท่านหลางอ๋องที่มีต่อเราในยามทั่วไปก็ทำให้เราละอายแก่ใจเป็นล้นพ้น!”

อั๋งหรานลุกขึ้นกล่าว

“ไม่ วาจานี้ของสหายช่างประหลาดนัก! ในเมื่อต้องแข่งขัน เช่นนั้นย่อมต้องมีรางวัล แม้จะเป็นก้อนกรวดเล็กๆ ที่วางบนแท่นคุณูปการนั้นก็เทียบเท่าหลายหมื่นตำลึงทอง!”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าว

“สิ่งที่ท่านหลางอ๋องกล่าวมานั้นถูกต้องอย่างยิ่ง!”

อั๋งสยงกล่าว

เขาเห็นว่าหลางอ๋องหมิงเย่าตัดสินใจแล้วจึงเอ่ยตามน้ำไป

ปฏิบัติตามหัวใจราชา ย่อมรู้ชะตากรรมของตน

ไม่มีทางผิดพลาด

แม้ว่าจะดูโง่เขลาไปบ้างก็ตาม

แต่อย่างน้อยก็ทำให้หลางอ๋องหมิงเย่ารับรู้ถึงความภักดีของตนได้

“ทว่ารางวัลที่จะตกให้เป็นสิ่งใด ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงๆ…สหายทั้งสองมีความคิดใดหรือไม่”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าวถาม

“เราจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านหลางอ๋อง!”

อั๋งหรานและอั๋งสยงสบตากันและเอ่ยพร้อมกัน

“เอาเช่นนี้แล้วกัน พวกเจ้าถูกใจสิ่งใดในกระโจมหลวงของข้าล้วนนำมาเป็นรางวัลได้ทั้งสิ้น! กล่าวมาหลายสิ่งก็ได้ ไม่เป็นไร!”

หลางอ๋องหมิงเย่าอ้าแขนพลางกล่าว

อั๋งหรานและอั๋งสยงมองไปรอบๆ

แม้ว่าหลางอ๋องหมิงเย่าจะมีศักดิ์เป็นหลางอ๋องแห่งอาณาจักรทุ่งหญ้า

แต่ในกระโจมหลวงของเขาไม่มีสิ่งใดเป็นของดีจริงๆ

เมื่อเทียบกับตำหนักในหน่วยของพวกเขาทั้งสองเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว

เขาสองคนรู้ดีเช่นกัน

นี่เป็นเจตนาของหลางอ๋องหมิงเย่าที่คิดจะสั่งสอนพวกเขาอีกครั้ง

แม้แต่กระโจมหลวงของหลางอ๋องแห่งราชสำนักทุ่งหญ้าก็ยังเรียบง่ายเพียงนี้

พวกเจ้ามีเหตุผลใดที่ต้องดื่มด่ำกับความหรูหราหยิ่งผยอง

แต่เมื่อหลางอ๋องหมิงเย่าเอ่ยปากแล้ว

เขาทั้งสองจำต้องเอ่ยบางอย่างออกมา

ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะถูกตาต้องใจหรือไม่ จะมีมูลค่าหรือไม่

ทว่าล้วนมาจากกระโจมหลวงจริงๆ

หากโชคดีชนะจนได้รับรางวัล ผู้นำหน่วยจะต้องร่วมฉลองความรุ่งโรจน์กับหน่วยอื่นๆ

และยังสามารถเอาชนะอีกฝ่ายในงานเลี้ยงของวันนี้ได้ในที่สุด

สายตาของอั๋งหรานมองกาสุรางาช้างที่แขวนอยู่ด้านขวาบัลลังก์

กาสุราใบนั้นเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจของหลางอ๋องผู้เฒ่า

ยังเคยช่วยชีวิตของหลางอ๋องผู้เฒ่าไว้ครั้งหนึ่ง

ทุ่งหญ้าในสมัยนั้น มีความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋องและอาณาจักรติ้งซีอ๋องไม่ขาดสาย

แม้ว่าหลางอ๋องผู้เฒ่าจะอดทนยอมให้เท่าใด ในที่สุดก็มีช่วงที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไป

ยามนั้นเขานำทัพทหารหมาป่าสองแสนนายตั้งทัพที่ชายแดนระหว่างทุ่งหญ้าและอาณาจักรเจิ้นเป่ยอ๋อง

คิดไม่ถึงว่ายามที่ทัพทั้งสองต่อสู้ปะทะกันจะโดนลูกหลงถูกลูกศรยิงเข้าอย่างจัง

โชคดีที่กาสุรางาช้างห้อยอยู่บนหน้าอกและรับลูกธนูแทนเขา

ไม่เช่นนั้นก็สามารถจินตนาการถึงผลที่ตามมาได้

นับตั้งแต่การสิ้นชีพของหลางอ๋องผู้เฒ่า กาสุรางาช้างก็ถูกแขวนไว้เป็นที่ระลึกในกระโจมหลวงของหลางอ๋องหมิงเย่าคนปัจจุบัน

แม้แต่หัวลูกศรก็ยังปักอยู่ในกาสุรา ไม่ได้ดึงออกมา

“เช่นนั้นก็สิ่งนี้แล้วกัน!”

หลางอ๋องหมิงเย่าลุกขึ้นหยิบกาสุรางาช้างใบนี้ที่แขวนอยู่ด้านข้างและกล่าว

เขาเห็นสายตาของอั๋งสยงที่เอาแต่จ้องกาสุราใบนี้ไม่กะพริบ

แม้จะเป็นของต่างหน้าของบิดาเขาก็ตาม

แต่หลางอ๋องหมิงเย่าหาได้สนใจวัตถุนอกกายเหล่านี้ไม่

ในสายตาเขา ไม่ว่าผู้ใดจะทิ้งเอาไว้ก็เป็นเพียงกาสุราที่แตกแล้วเท่านั้น

กาสุราใช้เพื่อบรรจุสุรา

แต่กาสุราใบนี้สูญเสียหน้าที่จริงๆ ของมันไปแล้ว

และความหมายนี้ก็ไม่นับว่าลึกซึ้งถึงเพียงนั้น

ในทางตรงกันข้าม หากสามารถใช้มันรวมทั้งทุ่งหญ้าให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้จะไม่ดียิ่งกว่าหรือ

ความหมายนี้ก็นับว่ายาวไกลยิ่งขึ้น

หลางอ๋องหมิงเย่าเชื่อมั่น หากบิดาของเขายังมีชีวิตอยู่ก็จะเห็นด้วยที่เขาทำเช่นนี้

ช่วงชิงใต้หล้า ช่วงชิงเพื่อเจตจำนงของราษฎร

ยึดครองดินแดน สิ่งที่แข่งขันหาได้เป็นทหารและม้าไม่ ทว่าเป็นเงินและเสบียงอาหารต่างหาก

หลางอ๋องหมิงเย่าจำปัญหาสองสิ่งที่เป็นแก่นสารนี้ได้ขึ้นใจ

“ขอถามท่านหลางอ๋อง พวกเราจะแข่งขันอะไรหรือ”

อั๋งหรานกล่าวถาม

“แข่งยิงธนูกันก่อนเถอะ!”

ขี่ม้ายิงธนูเดิมก็เป็นจุดแข็งของชาวทุ่งหญ้า

ผู้ชำนาญทักษะธนูและม้าจึงจะคู่ควรเรียกว่าชาวทุ่งหญ้าที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์

หลางอ๋องหมิงเย่าสั่งให้องครักษ์ย้ายกระจกทองแดงก่อนหน้านี้ขยับออกไปสามร้อยก้าวและวางอย่างเหมาะสม

“ข้าก็ไม่ใช้คันธนูสลักอันล้ำค่าของข้าเช่นกัน! พวกเราใช้คันธนูธรรมดาและลูกศรแบบเดียวกัน! ทุกคนยิงได้สามครั้ง ผู้ที่เข้าใกล้ใจกลางกระจกมากที่สุดจึงจะนับว่าชนะ หากมีผู้ใดสามารถยิงทะลุกระจกทองแดงได้ในศรเดียว เช่นนั้นข้าจะตกรางวัลอื่นให้อีก!”

หลางอ๋องหมิงเย่ากล่าว

ทั้งสามล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ

แต่เขาประกาศก้องไม่อนุญาตให้ใช้วิชายุทธและห้ามรวบรวมพลังปราณ

ทำได้เพียงอาศัยพลังทางกายเท่านั้น

ห่างออกไปสามร้อยก้าว

อาศัยเพียงพลังกายจะสามารถยิงได้หรือไม่เป็นปัญหาที่ยากอยู่แล้ว

หากยังหมายจะยิงทะลุกระจกทองแดง เช่นนั้นแขนทั้งสองข้างจำต้องมีพลังมหาศาลเป็นแน่

……………………………………………………………….

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน