บทที่ 648 อาสะใภ้เดือดดาลยิ่งนัก

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

เมืองหลวง​!

อา​สะใภ้ได้ยิน​ข่าวร้าย​ว่า​ลูกชาย​สุดที่รัก​ของ​ตัวเอง​จะไป​ร่วม​ทัพ​อีกครั้ง​

สำหรับ​อา​สะใภ้ที่​ด้อย​การศึกษา​ สายตา​ตื้นเขิน​และ​คิด​ว่า​ตัวเอง​เป็น​นางฟ้า​ตัว​น้อย​ สงคราม​ก็​มีความหมาย​ไม่ต่าง​จาก​ความตาย​ ส่งสัญญาณว่า​ครอบครัว​จะล่มสลาย​และ​เป็น​สัญลักษณ์​ว่า​คน​หัวหงอก​ส่งศพ​คน​หัว​ดำ​

ฤดูใบไม้ร่วง​ปี​นี้​ สวี่เอ้อร์​หลา​งต้อง​เดิน​ทางขึ้น​เหนือ​พร้อม​กองทัพ​เพื่อ​ไป​ช่วย​ปีศาจ​ ทำเอา​อา​สะใภ้กิน​ไม่ได้​นอนไม่หลับ​เป็น​เดือน​แล้ว​ จู่ๆ ก็​ตื่นขึ้น​กลางดึก​เพราะ​ฝัน​ว่า​เอ้อร์​หลา​งตาย​ไป​ภายใต้​กีบ​เหล็ก​ของ​ปีศาจ​จิ้งกั๋ว​

ใน​ตอนแรก​สวี่​ผิง​จื้อ​ดูแล​นาง​อย่าง​ดี​และ​ปลอบโยน​ภรรยา​ตัวเอง​ด้วย​คำพูด​อ่อนโยน​

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ก็​แอบ​บ่น​ใน​ใจให้​นาง​เลิก​สาปแช่ง​เขา​เสียที​ เพราะ​ทุกวัน​ฝัน​ถึงทีไร​เอ้อร์​หลา​งก็​ตาย​ทุกครั้ง​!

ใน​ห้องโถง​แสน​อบอุ่น​ แสงเทียน​ส่อง​สว่างไสว​

ตอนเย็น​ครอบครัว​มารวมตัวกัน​รอบ​โต๊ะ​เพื่อ​ทานอาหาร​ สวี่เอ้อร์​หลา​งก็​พูด​อย่าง​มั่นใจ​ว่า​ “ท่าน​แม่ อย่า​กังวล​เลย​ ตอนนี้​ข้า​เป็น​ผู้​กรุณา​ขั้น​เจ็ด​แล้ว​”

อา​สะใภ้ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ถามว่า​ “ผู้​กรุณา​ขั้น​เจ็ด​มีพลัง​แค่​ไหนล่ะ​?”

สวี่เอ้อร์​หลา​งครุ่นคิด​พลาง​พูดว่า​ “ลัทธิ​ขงจื๊อ​ขั้น​เจ็ด​เข้า​ใจความ​เมตตากรุณา​และ​ความชอบธรรม​ สร้าง​คุณธรรม​ได้​ ทว่า​ไร้​พลัง​ต่อสู้​พิเศษ​ใดๆ​ เอาล่ะ​ ถ้าข้า​ต้อง​พูดถึง​การ​เติบโต​ ก็​หมายความว่า​หัวใจ​ของ​ข้า​มั่นคง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ไม่ถูก​ล่อลวง​ด้วย​ทรัพย์​ศฤงคาร​ การ​เสพสังวาส​และ​สุราเมรัย​”

อา​สะใภ้ “ถุย​”

“นั่น​ไม่ใช่บัณฑิต​ที่​อ่อนแอ​รึ​ ข้า​น่ะ​อยาก​ให้​เจ้าถูก​ล่อลวง​ด้วย​สุราเมรัย​ สังวาส​และ​ความมั่งคั่ง​ ต้า​หลา​งเคย​เป็น​คน​ซื่อสัตย์​ทว่า​ไร้ค่า​ แต่​หลัง​จากไป​สำนัก​สังคีต​ทุกวัน​ เขา​ก็​กลายเป็น​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ที่​มีชื่อเสียง​ทั่วหล้า​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งสำลัก​จน​พูดไม่ออก​

ในเวลานี้​ ลี่​น่า​กลืน​อาหาร​ใน​ปาก​นาง​และ​พูดว่า​

“พี่​เอ้อร์​หลา​ง ท่าน​ต่อสู้​เมื่อใด​ ข้า​จะลง​ใต้​ไป​กับ​ท่าน​”

เอ้อร์​หลา​งมอง​ไป​ที่​นาง​ “ไป​กับ​เจ้า?”

‘ข้าวข้า​ไม่หอม​แล้ว​รึ​’

ใบหน้า​บอบบาง​ของ​ลี่​น่า​แสดง​ความสิ้นหวัง​ออกมา​ให้​เห็น​

“สวี่​หนิง​เยี่ยน​บอก​ข้า​มาเมื่อวาน​นี้​ บอ​กว่า​เขา​กำลังจะ​ไป​ทำงาน​ทาง​ชายแดน​ตอน​ใต้​ บางที​เขา​อาจ​ไป​ที่​เผ่าพันธุ์​กู่​ ข้า​ว่า​ข้า​จะนำทาง​ไป​และ​ให้​คำแนะนำ​เขา​ อนิจจา​ ข้า​ไม่อยาก​ทิ้ง​ทุกคน​ไป​จาก​เมืองหลวง​เลย​”

‘เจ้าลังเล​ที่จะ​เอา​ข้าว​ขาว​ๆ ของ​ข้า​ไป​หรือ​?’… สวี่เอ้อร์​หลา​งสาปแช่ง​อยู่​ใน​ใจ “โอ้​” แต่​เมื่อ​พิจารณา​ความอยาก​อาหาร​ของ​ลี่​น่า​จึงพูดว่า​

“เจ้าจะไปเที่ยว​ก็ได้​ แต่​ต้อง​เอา​เงิน​กับ​อาหาร​มาเอง​”

ไม่อาจ​สูญเสียการ​ปันส่วน​ทางทหาร​ให้​นาง​ไป​เปล่าๆ​ ได้​

ดวงตา​ที่​สวยงาม​ของ​อา​สะใภ้เป็นประกาย​ นาง​ตบ​หน้าอก​อวบ​อิ่ม​ของ​นาง​ “ลี่​น่า​เป็น​ท่าน​อาจารย์​ของ​ห​ลิง​อิน​ ปัญหาเฉพาะหน้า​ทั้งหมด​พวกเรา​ก็​ควร​แบกรับ​เอาไว้​”

ในที่สุด​คนงี่เง่า​จาก​ชายแดน​ตอน​ใต้​ก็​จะจากไป​ อาหาร​ของ​นาง​คนเดียว​ก็​พอๆ กับ​คน​ตระกูล​สวี่​สิบ​คน​แล้ว​

ยิ่งไปกว่านั้น​ เมื่อ​ลี่​น่า​กลับ​ไป​ยัง​ชายแดน​ตอน​ใต้​แล้ว​ ห​ลิง​อิน​ก็​จะถูก​ส่งเข้า​วัง​เพื่อ​ศึกษา​เล่าเรียน​โดยไม่จำเป็น​ต้อง​ฝึกฝน​วรยุทธ์​

ก่อนหน้านี้​มหา​ราชครู​คอย​หา​คน​มาส่งข่าว​ว่า​ต้องการ​รับ​ห​ลิง​อิน​เป็น​ลูกศิษย์​ แต่​สวี่เอ้อร์​หลา​งไล่​พวกเขา​กลับ​เมื่อ​พิจารณา​ถึงชีวิต​ของ​มหา​ราชครู​

ใน​ความเห็น​ของ​อา​สะใภ้ ผู้นำ​โลก​วรรณกรรม​อย่าง​มหา​ราชครู​เป็น​ที่ปรึกษา​บน​เส้นทาง​สู่ ‘ความรู้​และ​ปัญญา​’ ที่​ขาดไม่ได้​สำหรับ​ห​ลิง​อิน​

ลี่​น่า​เปลี่ยน​เรื่อง​และ​พูดว่า​

“ข้า​อยาก​พา​ห​ลิง​อิน​กลับ​ไป​ชายแดน​ตอน​ใต้​ด้วย​ พลัง​ลี่​กู่​ใน​ตัวนาง​เข้าสู่​ความ​เป็นผู้ใหญ่​ขั้น​ที่หนึ่ง​แล้ว​ ข้า​อยาก​ให้​นาง​ดูดซับ​พลัง​ของ​เทพ​กู่​ก่อนที่​นาง​จะเข้าสู่​ขั้น​ที่สอง​ เรื่อง​นี้​สำคัญ​มาก​และ​เกี่ยวข้อง​โดยตรง​กับ​ศักยภาพ​ในอนาคต​ของ​ห​ลิง​อิน​

“นอกจากนี้​ ข้า​ยัง​ยอมรับ​อัจฉริยะ​ชั้นยอด​มาเป็น​ศิษย์​ ท่าน​พ่อ​กับ​คนใน​ตระกูล​ต้อง​ดีใจ​มาก​ถ้าได้​รู้​”

นาง​อยาก​พา​ศิษย์​ของ​นาง​กลับ​ไป​อวด​ที่​เผ่า​ลี่​กู่​

“ไม่!” อา​สะใภ้ของ​ข้า​ตบ​ตะเกียบ​บน​โต๊ะ​และ​คัดค้าน​เสียงดัง​

“ไม่ได้​จริงๆ​” อา​รอง​สวี่​ออกความเห็น​ด้วย​น้ำเสียง​เป็นกังวล​

“แต่​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ก็​เห็นด้วย​แล้ว​ เขา​บอ​กว่า​ศักยภาพ​ของ​ห​ลิง​อิน​นั้น​ยอดเยี่ยม​จริงๆ​ สมควร​แล้ว​ที่​ต้อง​วางรากฐาน​ไว้​ตั้งแต่​เยาว์วัย​ ด้วย​พรสวรรค์​ของ​ห​ลิง​อิน​ ในอนาคต​นาง​จะกลายเป็น​เจ้ายุทธ​จักร​ผู้​มีเรี่ยวแรง​มหาศาล​ดุจ​ขุนเขา​แน่นอน​ เช่นเดียวกับ​ท่าน​พ่อ​ของ​ข้า​ ตาม​คำ​ที่​พวก​เจ้าคน​จาก​ที่ราบลุ่ม​ภาค​กลาง​เคย​พูด​ไว้​ ในอนาคต​ ชื่อ​นี้​จะต้อง​ถูก​จารึก​ไว้​ใน​ประวัติศาสตร์​แน่​” ลี่​น่า​พูด​ขึ้น​

เรี่ยวแรง​มหาศาล​ดุจ​ขุนเขา​รึ​? พอ​อา​สะใภ้ได้ยิน​เข้า​ก็​หน้าเขียว​

‘ไม่ ในเวลานั้น​ หนังสือประวัติศาสตร์​จะเขียน​ไว้​เพียง​ว่า​สวี่ห​ลิง​อิน​มีคุณสมบัติ​ที่จะ​เป็น​เจ้ายุทธ​จักร​ แต่​นาง​สิ้นชีพ​กลางคัน​ขณะ​ติดตาม​อาจารย์​นาง​ไป​ก่อนที่​นาง​จะได้​ลงมือทำ​สิ่งใด​’…สวี่เอ้อร์​หลา​งส่าย​หัว​

ลี่​น่า​ตบ​หน้าอก​เล็ก​ๆ ของ​นาง​และ​พูดจา​เกลี้ยกล่อม​ด้วย​ภาษาธรรมดาๆ​ ของ​นาง​เอง​ “ไม่ต้อง​กังวล​หรอก​ ข้า​จะดูแล​ห​ลิง​อิน​เป็น​อย่าง​ดี​ และ​พา​นาง​ไป​ชายแดน​ตอน​ใต้​อย่าง​ราบรื่น​”

‘สิ่งที่​พวกเรา​กังวล​ที่สุด​คือ​การ​ที่​เจ้าพา​นาง​ไป​ด้วย​ เด็กสาว​โง่ๆ คน​หนึ่ง​กับ​เด็กผู้หญิง​โง่ๆ อีก​หนึ่ง​คน​ ไม่แปลกใจ​เลย​ที่​เจ้าจะเดินทางไกล​กลับ​ไป​ยัง​ชายแดน​ตอน​ใต้​’…อา​รอง​สวี่​พึมพำ​ใน​ใจและ​พูด​น้ำ​เสียงทุ้ม​ต่ำ​

“ตอนนี้​โลก​กำลัง​สับสนวุ่นวาย​ หาก​เจ้าซึ่งเป็น​เด็กสาว​ตัวเล็ก​ๆ พา​ห​ลิง​อิน​ไป​ชายแดน​ตอน​ใต้​ เจ้าต้อง​พบ​เจอ​เรื่อง​ไม่คาดฝัน​ระหว่างทาง​อย่าง​แน่นอน​”

ลี่​น่า​ตบ​หน้าอก​นาง​ทันที​ “ข้า​อยู่​ขั้น​สี่แล้ว​”

อา​รอง​สวี่​ตกตะลึง​อยู่​ครู่หนึ่ง​และ​แสดงท่าที​ลังเล​ทันที​

หา​กลี่​น่า​มีพลัง​ต่อสู้​ขั้น​สี่จริงๆ​ ก็​ย่อม​ไม่มีปัญหา​

“และ​ข้า​ยัง​ติดต่อ​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ได้​ตลอดเวลา​ ตอนนี้​เขา​อยู่​ที่​ชายแดน​ตอน​ใต้​ด้วย​ ถ้าข้า​เดือดร้อน​เขา​ก็​จะมาช่วยเหลือ​” ลี่​น่า​บอก​

เพื่อ​พิสูจน์​ว่า​นาง​มิได้​โกหก​ ลี่​น่า​จึงไม่สนใจ​คำแนะนำ​ของ​นักบวช​เต๋า​จิน​เหลียน​และ​นำ​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ออกมา​ดู​เต็มที่​และ​ติดต่อ​สวี่​ชีอัน​

นาง​ส่งต่อ​จดหมาย​คัดค้าน​ของ​ครอบครัว​ให้​สวี่​ชีอัน​

แต่​ลี่​น่า​ลืม​บอกกล่าว​เป็นการ​ส่วนตัว​และ​พูดคุย​เรื่อง​นี้​ใน​กลุ่ม​หนังสือ​ปฐพี​ทันที​

[หมายเลข​สอง​ : อะไร​นะ​? ลี่​น่า​กำลังจะ​ลง​ใต้​กับ​ห​ลิง​อิน​รึ​? พวกเขา​ไม่ได้​ไป​ทางตะวันตก​แล้ว​]

[หมายเลข​สี่ : จาก​ประสบการณ์​ที่​น่าเศร้า​ของ​ลี่​น่า​ เมื่อ​นาง​มาถึงเมืองหลวง​ ก็​ไม่อาจ​ตัด​ความเป็นไปได้​นี้​ออก​ไป​]

[หมายเลข​สอง​ : ใช่ ด้วย​ภูมิปัญญา​ของ​ห​ลิง​อิน​กับ​ลี่​น่า​ คำแนะนำ​ของ​ข้า​คือ​อย่า​หุนหันพลันแล่น​ และ​ให้​อยู่​เมืองหลวง​]

สวี่ฉือจิ้ว​แปล​ข้อความ​ข้างต้น​ให้​กับ​มารดา​ผู้ไม่รู้หนังสือ​ของ​เขา​ ในขณะที่​ลี่​น่า​อธิบาย​ว่า​หมายเลข​สอง​ หมายเลข​สี่ และ​หมายเลข​สามเป็น​ใคร​

[หมายเลข​สาม : ไม่เป็นไร​ พวกเขา​ต้อง​ไป​ชิงโจว​กับ​เอ้อร์​หลา​งก่อน​ จากนั้น​ก็​ไป​อวี่​โจว​ทาง​ตะวันตกเฉียงใต้​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงต้อง​เดินเท้า​ประมาณ​หนึ่ง​พัน​ลี้​เพื่อ​ไป​ยัง​ชายแดน​ตอน​ใต้​ พวกเรา​แค่​ต้อง​มั่นใจ​ว่า​พวกเขา​ปลอดภัย​ตอน​อยู่​ใน​อวี่​โจว​]

[ฮ่า ฮ่า ความจริง​แล้ว​ ด้วย​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​ลี่​น่า​ก็​ไม่จำเป็นต้อง​กังวล​มาก​นัก​ คู่ซ้อม​ที่​สมน้ำสมเนื้อ​นั้น​ดี​สำหรับ​พวกเขา​แล้ว​ เช่นนั้น​ข้า​จะให้​ศิษย์​พี่​ซุน​แอบ​ดูแล​พวกเขา​ให้​ ลี่​น่า​ โปรด​ส่งคำพูด​ของ​ข้า​ไป​ยัง​อา​รอง​กับ​เอ้อร์​หลา​งด้วย​]

ลี่​น่า​อยาก​บอ​กว่า​พวกเขา​ก็​กำลัง​อ่าน​อยู่​เช่นกัน​ สวี่​ชีอัน​ก็​ส่งข้อความ​มาพอดี​

[หมายเลข​สาม : แต่​ข้า​ยัง​อยาก​เตือน​เจ้า อย่า​ไว้ใจ​ใคร​ และ​อย่า​โดน​หลอก​]

[หมายเลข​สอง​ : อย่า​โดน​หลอก​]

[หมายเลข​สี่ : ระวัง​ อย่า​โดน​หลอก​]

[หมายเลข​หก​ : ระวัง​ อย่า​โดน​หลอก​]

[หมายเลข​หนึ่ง​ : ระวัง​ อย่า​โดน​หลอก​]

เทพ​เซียน​ช่วย​ หมายเลข​ห้า​ช่างโง่เขลา​เสีย​นี่​กระไร​…ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่ตกตะลึง​

ลี่​น่า​หน้าแดง​ทันที​ นาง​ทั้ง​อาย​ทั้ง​โกรธ​ และ​ใน​ตอนที่​นาง​กำลังจะ​เลิก​ส่งข้อความ​ นาง​ก็​เห็น​ข้อความ​ต่อไป​ของ​สวี่​ชีอัน​ทันที​

[หมายเลข​สาม : พรสวรรค์​ของ​ห​ลิง​อิน​นั้น​ดี​ยิ่งนัก​ หาก​เจ้าไม่ฝึกฝน​พลัง​ลี่​กู่​ให้​แข็งแกร่ง​เข้า​ไว้​ เจ้าก็​ประมาท​เกินไป​แล้ว​ อา​สะใภ้ของ​ข้า​เป็น​คนโง่​ นาง​มีฝัน​ที่​ไม่มีทาง​เป็นจริง​ นาง​คิด​ว่า​ห​ลิง​อิน​สามารถ​ศึกษา​เล่าเรียน​ได้​ ทั้ง​ครอบครัว​ต่าง​หัวเราะ​เย้ยหยัน​นาง​ แต่​แค่​ไม่พูด​ออกมา​]

พอ​ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​เห็น​ นาง​ก็​หาเรื่อง​ทะเลาะ​ทันที​

[หมายเลข​สอง​ : อา​สะใภ้ตระกูล​สวี่​ช่างไร้เดียงสา​และ​โง่เง่ายิ่งนัก​ นาง​มัก​ทำให้​น้องสาว​ของ​เจ้าเป็น​ตัวตลก​]

[หมายเลข​สี่ : อา​สะใภ้ตระกูล​สวี่​รัก​บุตรสาว​ของ​นาง​อย่าง​สุดซึ้ง​]

สวี่เอ้อร์​หลา​งตีความ​ให้​มารดา​ของ​เขา​ด้วย​ความคิด​ที่ว่า​ ‘หลังจาก​แปลความ​แล้ว​ พี่ชาย​คนโต​ย่อม​ย่ำแย่​กว่า​ข้า​’

ลี่​น่ามอง​ไป​ทาง​อา​สะใภ้ที่​ทั้ง​ไร้เดียงสา​และ​น่ากลัว​ ก่อน​จะส่งต่อ​จดหมาย​ด้วย​ความระมัดระวัง​

[หมายเลข​ห้า​ : อะ​…อา​สะใภ้ตระกูล​สวี่​กำลัง​จ้องมอง​มาจาก​ด้าน​ข้าง​…]

กลุ่ม​แชท​หนังสือ​ปฐพี​พา​กัน​เงียบ​ลง​ทันที​

จากนั้น​ก็​ไม่มีเสียง​อะไร​อีก​

อา​สะใภ้กลอก​ดวง​ตากลม​โต​ไปมา​ อันดับ​แรก​ก็​จ้องมอง​ไป​ยัง​ลี่​น่า​กับ​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ จากนั้น​ก็​จ้องมอง​เชือดเฉือน​สวี่เอ้อร์​หลา​งกับ​อา​รอง​สวี่​แล้ว​กัดฟัน​พูดว่า​

“ล้อเล่น​กัน​อยู่​รึ​?”

ในที่สุด​ก็​จ้อง​สวี่ห​ลิง​เยวี่ย​เขม็ง​ “เจ้าล้อเล่น​กับ​ข้า​รึ​?”

อา​รอง​สวี่​กับ​สวี่เอ้อร์​หลา​งส่าย​หัว​อย่าง​รวดเร็ว​

สวี่ห​ลิง​เยวี่ย​พูด​เสียง​ค่อย​ด้วย​ความ​คับข้องใจ​เล็กน้อย​

“ข้า​ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​นักบวช​เต๋า​ห​ลี่​พูด​เรื่อง​อะไร​อยู่​ เห็น​นาง​ตอบ​ว่า​ ตอน​ข้า​อยู่​บ้าน​ ลูกสาว​ท่าน​ก็ดี​กับ​ข้า​”

อา​สะใภ้เชื่อ​ใน​ตัว​ลูกสาว​นาง​อย่าง​ง่ายดาย​ อย่างไร​เสีย​ นาง​ก็​เลี้ยง​มาตั้ง​แต่อ้อนแต่ออก​ เชื่อมั่น​ว่า​ไม่มีลูกสาว​คน​ไหน​ที่​ไม่เหมือน​แม่ นาง​จะกล้า​ล้อเล่น​กับ​ตน​หรือ​?

นาง​ตะคอก​ใส่ “คราวหน้า​ข้า​จะไม่ให้​เขา​เข้า​บ้าน​แล้ว​ แต่​เจ้าสารเลว​สวี่​หนิง​เยี่ยน​ก็​ยัง​พูด​ถูก​อยู่​เรื่อง​หนึ่ง​”

นาง​หัน​กลับมา​และ​แหว​ใส่ลูก​และ​สามีตัวเอง​

“อย่า​คิด​ว่า​ข้า​ไม่รู้​นะ​ พวก​เจ้าทุกคน​กำลัง​หัวเราะเยาะ​ข้า​ แซ่สวี่​ของ​พวก​เจ้ามัน​หา​ดี​ไม่ได้​เลย​…”

‘ทำไม​ข้า​ถึงเป็น​แบบนี้​ไป​ได้​’…ห​ลี่​เมี่ยวเจิน​หยิบ​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ขึ้น​มาจาก​พื้น​ แก้ม​ของ​นาง​แทบ​ลุกเป็นไฟ​

‘การ​พูด​เรื่อง​ถูก​และ​ผิด​ลับหลัง​ผู้อื่น​ไม่ใช่งาน​ของ​สุภาพบุรุษ​’…ฉู่หยวน​เจิ่น​พอใจ​ที่​เขา​ปฏิบัติตาม​ลักษณะ​ของ​สุภาพบุรุษ​ ไม่พูด​ให้ร้าย​คนอื่น​ลับหลัง​ แม้ว่า​เขา​จะเต็มไปด้วย​ข้อบกพร่อง​เหมือน​ไม้ผุ​ๆ เมื่อ​เทียบ​กับ​สวี่ห​ลิง​อิน​

ห​ลี่​ห​ลิง​ซู่หัวเราะ​อยู่​ใน​โรงเตี๊ยม​แห่ง​หนึ่ง​ หัวเราะ​เหมือน​หมู​

เขา​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​เขา​ถึงมีความสุข​ แค่​รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่ได้​อยู่​คนเดียว​

ลี่​น่า​คนโง่เง่า​หัน​กลับมา​และ​ถามนักบวช​เต๋า​จิน​เหลียน​ว่า​ เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​เล่ม​นี้​มีพลัง​ปิดกั้น​คำด่า​หรือไม่​…ขณะที่​สวี่​ชีอัน​กำลัง​บ่น​อย่าง​ดุเดือด​อยู่​ใน​เจดีย์​พุทธะ​

หลังจาก​เก็บ​เศษชิ้นส่วน​หนังสือ​ปฐพี​ออก​ไป​แล้ว​ นาง​ก็​พูด​เรื่อง​นี้​ต่อ​

“พา​ข้า​ไปหา​เย่​จี พี่สาว​ของ​เจ้า”

ไป๋​จีผงกหัว​แล้ว​รีบ​กระซิบ​บอ​กว่า​

“ถ้าพวกเรา​เข้าสู่​เขตแดน​ภูเขา​สือ​ว่าน​แล้ว​ โปรด​อย่า​ใช้เจดีย์​พุทธะ​ มิฉะนั้น​คน​สำนัก​พุทธ​จะล่วงรู้​”

“เป็นไปไม่ได้​” สวี่​ชีอัน​ค้อม​ศีรษะ​ลง​และ​มอง​ไป​ยัง​ภูเขา​กว้างใหญ่​ไร้​ซึ่งผู้คน​

ไป๋​จียืนยัน​ความคิดเห็น​ของ​ตัวเอง​และ​พูดว่า​

“หลังจากที่​สำนัก​พุทธ​ขับไล่​พวกเรา​ออกจาก​ภูเขา​สือ​ว่าน​แล้ว​ ผู้คน​จาก​ดินแดน​ประจิม​ทิศ​จำนวนมาก​ก็​อพยพ​เข้าไป​ และ​สร้าง​เมืองขึ้น​ยี่สิบ​เจ็ด​เมือง​ใน​ดินแดน​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​อัน​กว้างใหญ่​ แต่ละ​เมือง​ล้วน​มีวัด​พุทธ​อยู่​”

“ใน​วัด​มีระฆัง​ทอง​ เวลา​เกิด​วิกฤต​ ให้​ตี​ระฆัง​ทอง​ แล้ว​ระฆัง​ทอง​ใน​วัด​อื่นๆ​ อีก​ยี่สิบ​หก​วัด​ก็​จะตอบสนอง​ เพื่อ​เสริมกำลัง​กัน​อย่าง​รวดเร็ว​”

“ใน​ช่วง​เผยแผ่​ศาสนา​ห้า​ร้อย​ปี​ สำนัก​พุทธ​มีศูนย์กลาง​อยู่​ใน​เมือง​ใหญ่​ยี่สิบ​เจ็ด​เมือง​และ​เมือง​เล็ก​เมือง​น้อย​อีก​มากมาย​ ภิกษุ​มัก​เดินทาง​ไปมา​ระหว่าง​เมือง​เหล่านี้​ ท่อง​คัมภีร์​และ​สั่งสอน​พระธรรม​”

“กลิ่นอาย​จาก​เจดีย์​พุทธะ​นั้น​งดงาม​มาก​จน​ภิกษุ​สำนัก​พุทธ​สามารถ​สัมผัส​ได้​จาก​ระยะไกล​”

“อย่า​ได้​ตกตะลึง​ล่ะ​!”

สวี่​ชีอัน​ส่งเสียง​ “โอ้​” และ​แสดงความคิดเห็น​ว่า​ “การศึกษา​ภาคบังคับ​ของ​จักรพรรดินี​มารดา​เจ้าค่อนข้าง​ดี​ทีเดียว​”

ปกติ​ไป๋​จีเป็น​คนโง่​ แต่​นาง​เป็น​เด็ก​ที่​มีความคิดริเริ่ม​ใหม่​ๆ และ​ยัง​ฉลาด​กว่า​ห​ลิง​อิน​ของ​เขา​เสีย​อีก​

เมื่อ​พูดถึง​ความ​รู้ทาง​สำนัก​พุทธ​ พื้นเพ​และ​รากฐาน​ของ​นาง​มั่นคง​มาก​ ชนิด​ที่​พูด​ได้​เต็มปากเต็มคำ​ ไม่ใช่แค่​การท่องจำ​ตาม​คัมภีร์​

จาก​เรื่อง​นี้​เพียง​อย่าง​เดียว​ ก็​มองเห็น​ได้​ไม่ยา​กว่า​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ให้ความสำคัญ​กับ​การ​สร้าง​อุดมการณ์​แก่​ลูกหลาน​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​แค่​ไหน​

จงระลึกถึง​ความเกลียดชัง​ และ​อย่า​ลืม​ความ​อัปยศอดสู​ของ​ชาติพันธุ์​ที่​ฝังลึก​เข้าไป​ใน​จิตใจ​ของ​ปีศาจ​

“ข้า​วางแผน​จะเหิน​ฟ้าไป​ หนาน​จือ​ เจ้าไป​พักผ่อน​ใน​เจดีย์​เถอะ​”

เขา​ต้องการ​พบปะ​เป็นการ​ส่วนตัว​กับ​คนรัก​เก่า​ แน่นอน​ว่า​มู่หนาน​จือ​ย่อม​ไม่อาจ​อยู่​ที่นั่น​ได้​ เซียน​บ่อ​ปลา​ส่วนใหญ่​ย่อม​รู้​วิธี​ลด​ความเสี่ยง​

มู่หนาน​จือ​รู้​เพียง​ว่า​ สวี่​ชีอัน​มาเพื่อ​ทำตาม​ข้อตกลง​กับ​องค์​หญิง​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​เพื่อ​ปลด​ตะปู​ตอก​วิญญาณ​ แต่​นาง​ไม่รู้​ว่า​ที่นั่น​มีกลิ่นหอม​ลอยลม​อยู่​

“ไม่เอา​ ข้า​ไม่เคย​ไป​ชายแดน​ตอน​ใต้​มาก่อน​ ข้า​ขอ​ไป​ร่วม​สนุก​ด้วย​ไม่ได้​หรือ​”

“เอา​เช่นนั้น​ก็ได้​…”

ทันทีที่​ปล่อย​ให้​เจดีย์​พุทธะ​ลง​จอด​ สวี่​ชีอัน​ก็​แบก​มู่หนาน​จือ​ไว้​บน​หลัง​ ให้​ไป๋​จีนอน​อยู่​บน​หัว​เขา​ และ​ละเลียด​น้ำค้าง​ท่ามกลาง​ยอดไม้​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางยัง​ไป​ไม่ถึงขั้น​สลาย​แรง​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่สามารถ​แสดง​พลัง​ยุทธ์​ขั้นพื้นฐาน​ได้​ ทำได้​แค่​วิ่ง​ทุลักทุเล​ตามหลัง​เข้า​ป่า​ไป​

ค่ำคืน​นั้น​มืดมน​ แสงจันทร์​อัน​เย็นยะเยือก​สาดส่อง​เหนือศีรษะ​

มู่หนาน​จือ​โอบ​แขนนาง​รอบ​คอ​สวี่​ชีอัน​ สายลม​เย็น​ๆ พัด​มาปะทะ​ใบหน้า​ นาง​หรี่ตา​มอง​ไป​ยัง​ป่า​เขา​ไร้​ที่​สิ้นสุด​

“ภูเขา​ทั้งนั้น​เลย​!”

มู่หนาน​จือ​บ่นพึมพำ​ “ข้า​ชอบ​ที่นี่​นะ​ แล้ว​เจ้าล่ะ​?”

เทพ​ดอกไม้​ที่​กลับชาติมาเกิด​ย่อม​เอ่อล้น​ไป​ด้วย​ความรู้สึก​ว่า​เป็น​ส่วนหนึ่ง​ของ​แผ่นดิน​ที่​ปกคลุม​ไป​ด้วย​พืชพรรณ​ธัญไม้

เมื่อ​เห็น​ว่า​ สวี่​ชีอัน​ไม่ยอม​พูด​ นาง​ก็​ไม่พอใจ​ ดังนั้น​จึงครวญเพลง​เบา​ๆ

“ในอนาคต​ ข้า​ไม่อยาก​ท่องเที่ยว​ไป​ตาม​แม่น้ำ​และ​ทะเลสาบ​ ดังนั้น​ข้า​จะมาตั้งรกราก​ที่นี่​ และ​จากนี้ไป​เรา​ก็​อาจ​แยก​จากกัน​”

นาง​มักจะ​พูด​อะไร​ที่​คล้าย​กัน​นี้​เพื่อ​สร้าง​วิกฤต​ แต่​ทุกครั้ง​สวี่​ชีอัน​มิได้​ใส่ใจนาง​

มู่หนาน​จือ​กัดฟัน​ด้วย​ความโกรธ​ บุคลิก​หยิ่งยโส​ของ​นาง​ไม่ยินยอม​ถูก​กำราบ​ ดังนั้น​นาง​จึงใช้สงครามประสาท​

“ข้า​อยาก​ตั้งรกราก​อยู่​ที่นี่​และ​เดี๋ยวนี้​” มู่หนาน​จือ​พูด​ด้วย​ความโกรธ​

“โอ้​ ถ้าเช่นนั้น​มัน​ก็​ไม่เกี่ยว​หรอ​กว่า​เจ้าจะรัก​ข้า​หรือไม่​” สวี่​ชีอัน​ไม่ปรานี​

มู่หนาน​จือตบ​หัว​เขา​โดย​ลืม​เรื่อง​สุนัขจิ้งจอก​สีขาว​ตัวเล็ก​ๆ ที่นอน​อยู่​บน​หัว​เขา​

“ซี้ด​…”

หลังจาก​ถูก​โจมตี​กะทันหัน​ จิ้งจอก​ขาว​ตัว​น้อย​ส่งเสียงร้อง​แหลม​ปรี๊ด​ หลังจาก​สงบสติอารมณ์​ลง​ มัน​ก็​พูด​ด้วย​ความเจ็บปวด​ว่า​

“ท่าน​ป้า​ ตี​ข้า​อีก​ทำไม​ ข้า​ยัง​ไม่ได้​พูด​อะไร​เลย​”

มู่หนาน​จือ​รู้สึก​ผิด​เล็กน้อย​ ดังนั้น​นาง​จึงลูบ​หัวมัน​และ​พูด​เสียง​เย็นชา​ว่า​

“ไม่อยาก​ไป​แล้ว​ อยาก​กลับ​ไป​ที่​เจดีย์​พุทธะ​”

ข้า​รอ​คำ​นี้​จาก​ปาก​เจ้าอยู่​พอดี​…สวี่​ชีอัน​รีบ​อัญเชิญ​เจดีย์​พุทธะ​ออกมา​และ​พา​นาง​เข้าไป​ใน​นั้น​

“เสร็จ​แล้ว​!”

สวี่​ชีอัน​เก็บ​เจดีย์​อย่าง​พึงพอใจ​

นอกจาก​ฉลาม​ตัว​ใหญ่​อย่าง​ลั่วอวี้เหิง​แล้ว​ เขา​ย่อม​มีความสามารถ​ใน​การ​จัดการ​กับ​ปลา​ตัว​อื่นๆ​

จากนั้น​ตามคำแนะนำ​ของ​ไป๋​จี เขา​ก็​บินขึ้น​ฟ้าไป​ยัง​สุด​ขอบ​ภูเขา​สือ​ว่าน​

ใน​อดีต​ พื้นที่​หลัก​ของ​ภูเขา​สือ​ว่าน​เป็น​เมืองหลวง​ของ​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​…เขา​หมื่น​ปีศาจ​!

ตอนนี้​เขา​หมื่น​ปีศาจ​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​ ‘อาณาจักร​ตอน​ใต้​’ และ​อยู่​ภายใต้​การปกครอง​ของวัด​หนาน​ฝ่า

เมือง​ใหญ่​ยี่สิบ​เจ็ด​เมือง​ มี ‘เมือง​อาณาจักร​ตอน​ใต้​’ เป็น​ศูนย์กลาง​ แผ่ขยาย​ไป​ทั่วทุกสารทิศ​ แต่​ไม่มีเมือง​ใด​อยู่​ใน​เขต​ชายขอบ​ภูเขา​สือ​ว่าน​เพราะ​ภูเขา​บริเวณ​นี้​กว้างใหญ่​ไพศาล​ สำนัก​พุทธ​จึงไม่มีประชากร​มาก​พอ​จะครอบครอง​พื้นที่​ทั้งหมด​ได้​

ในขณะเดียวกัน​ก็​เป็น​เพราะ​ภูมิประเทศ​หลาย​แห่ง​ไม่เหมาะ​ที่จะ​ให้​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​อยู่อาศัย​และ​รอดชีวิต​

เรื่อง​นี้​ทำให้​สามารถ​แอบ​เข้าไป​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​ที่​เหลืออยู่​ได้​

จนถึง​ทุกวันนี้​ เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​จำนวนมาก​ได้​แอบ​กลับ​ไป​ที่​ภูเขา​สือ​ว่าน​และ​ออก​หา​กินใน​บริเวณ​พื้นที่​ชายขอบ​

สำนัก​พุทธ​รู้เรื่อง​นี้​ดีแต่​ไม่เคย​ใส่ใจ

ไม่ได้​ใจดี​ แต่​ทำ​อะไร​ไม่ได้​

ตั้งแต่​สมัยโบราณ​ สิ่งที่​ยาก​ที่สุด​ใน​สงคราม​มิใช่การ​ปิดล้อม​เมือง​ แต่​เป็น​สงคราม​กองโจร​ที่​ตามมา​ภายหลัง​

เมื่อ​เหล่า​ปีศาจ​ตอน​ใต้​สูญเสียดินแดน​ พวกเขา​ก็​เดิน​เท้าเปล่า​และ​ทำ​อะไร​ก็​ได้ที่​อยาก​ทำ​

ไป๋​จียัง​บอก​ด้วย​ว่าที่​ขอบ​ภูเขา​สือ​ว่าน​มีเมือง​เฉพาะกิจ​ทั้งหมด​สิบสอง​แห่ง​ที่​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​จัด​ให้​มีขึ้น​ บางแห่ง​อยู่​ใน​ถ้ำตาม​ธรรมชาติ​ บางแห่ง​อยู่​ใน​ภูเขาสูงชัน​ และ​บางแห่ง​อยู่​ริม​ฝั่งแม่น้ำ​เชี่ยวกราก​

คุณลักษณะ​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ใน​เมือง​เฉพาะกิจ​เหล่านี้​คือ​ความเรียบง่าย​และ​สามารถ​ละทิ้ง​ได้​ตลอดเวลา​

ข้อได้เปรียบ​คือ​พวก​มัน​มีเสน่ห์​บางอย่าง​ เทียบเท่า​อาคาร​สถานที่สำคัญ​ที่​สามารถ​รวบรวม​ผู้คน​จาก​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​มาได้​ใน​ช่วงเวลา​สั้น​ๆ

“ที่นี่​เป็น​ฐานทัพ​ เมื่อ​เกิด​สงคราม​ขึ้น​ เมือง​เฉพาะกิจ​เหล่านี้​สามารถ​จัด​ทัพ​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​”

สวี่​ชีอัน​ตระหนัก​ได้​ทันที​

ระหว่างทาง​ไม่ได้​พบ​เจอ​ใคร​สัก​คน​เลย​

ภูเขา​สือ​ว่าน​น่าจะเป็น​ภูเขา​ที่​มีพื้นที่​ขนาดใหญ่​ที่สุด​ใน​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​ แต่​ไม่เหมาะ​ให้​มนุษย์​อยู่อาศัย​ มัน​เต็มไปด้วย​แมลง​มีพิษ​ สัตว์ร้าย​ และ​ไข้จับสั่น​ ไม่แปลกใจ​เลย​ที่​มัน​จะกลายเป็น​อาณาจักร​ของ​ปีศาจ​

แท้จริง​แล้ว​ ภูเขา​สือ​ว่าน​ไม่เหมาะ​ให้​มนุษย์​กลุ่ม​ใหญ่​ตั้งถิ่นฐาน​ มัน​ไม่มีที่ดิน​ให้​เพาะปลูก​และ​เหมาะกับ​การล่าสัตว์​เลี้ยงชีพ​เท่านั้น​ เรื่อง​นี้​จะนำพา​อารยธรรม​ของ​มนุษย์​กลับ​ไป​สู่ยุค​การล่าสัตว์​

ใน​ตอนนั้น​ สำนัก​พุทธ​ไม่ลังเล​เลย​ที่จะ​ออก​ไป​ทำลาย​ปีศาจ​ตอน​ใต้​ ในความเป็นจริง​มัน​ละเมิด​จุดประสงค์​หลัก​ของ​สงคราม​ ดังนั้น​จุดประสงค์​ที่​แท้จริง​อีก​ประการหนึ่ง​ที่ซ่อน​อยู่​ใน​นั้น​ก็​คือ​โชคชะตา​

จิ้งจอก​เก้า​หาง​บอก​ไว้​ว่า​ ภูเขา​สือ​ว่าน​เป็นที่​รวบรวม​โชคชะตา​ของ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​ใน​แผ่นดิน​จิ่ว​โจว​และ​สามารถ​ผนึก​เทพเจ้า​ได้​ หาก​คาดเดา​อย่าง​กล้าหาญ​ถึงจุดประสงค์​ที่​แท้จริง​ใน​การทำลายล้าง​อาณาจักร​หมื่น​ปีศาจ​โดย​ไม่คำนึงถึง​สิ่งใด​ของ​สำนัก​พุทธ​ ก็​คือ​การปล้นสะดม​โชคชะตา​ ถ้าเป็น​เช่นนั้น​โชคชะตา​ก็​สำคัญ​กว่า​ที่​ข้า​คิด​ไว้​

เทพ​พ่อ​มด​กับ​สำนัก​พุทธ​พยายาม​เข้ามา​มีส่วน​ร่วมใน​ที่ราบ​ภาค​กลาง​ แต่​ที่​ปราชญ์​ขงจื๊อ​ศักดิ์สิทธิ์​ผนึก​พวกเขา​ไว้​ได้​ อาจ​เป็น​เพราะ​โชคช่วย​..

ระบบ​เวท​มีความเกี่ยวข้อง​ใกล้ชิด​กับ​โชคชะตา​…

สวี่​ชีอัน​นึกถึง​ข้อมูล​และ​ความลับ​ที่​เขา​คุ้นเคย​ ใน​ความมืด​ เขา​รู้สึก​เพียง​ว่า​แรงบันดาลใจ​กำลังจะ​ระเบิด​ออกมา​ ราวกับว่า​เขา​ได้​สัมผัส​กับ​ความจริง​ที่​น่าสะพรึงกลัว​อย่างยิ่ง​

แต่​มัน​คลุมเครือ​เกินไป​ ไม่สามารถ​นึก​ภาพ​และ​สรุป​ได้​อย่าง​แม่นยำ​ใน​เวลา​เพียง​ชั่วขณะ​

ในเวลานี้​ ไป๋​จียก​อุ้งเท้า​ขึ้น​ ชี้ไป​ยัง​หุบเขา​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​และ​ตะโกน​อย่าง​ร่าเริง​

“อยู่​นั่นไง​!”

……………………………………….

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Status: Ongoing
ตั้งแต่ข้ามเวลามาเขาตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมที่ไร้ซึ่งคำว่า ‘สิทธิมนุษยชน’ นี้ แต่ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องการเมือง และอำนาจลึกลับที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าฟ่งแห่งนี้ด้วย!Top 5 นิยายยอดนิยมในเว็บจีนต่อเนื่อง 10 เดือน! นิยายแปลจีน สืบสวน ไขคดี ใช้ความรู้ยุคปัจจุบันผสมกับแอ็คชั่นกำลังภายในสวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท