ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 776 หน้าเหมือนกัน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 776 หน้าเหมือนกัน

พอวางสาย โจวเจ๋อยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอยู่เสมอว่าไฟร้ายที่อัดอั้นอยู่ในใจหาที่ระบายไม่ได้ก่อนหน้านี้ ในที่สุดเหมือนจะหาทางออกได้แล้ว และเวลานี้ หวังเคอได้ออกมาจากห้องคนไข้ เห็นโจวเจ๋อยืนรออยู่ที่ลิฟต์ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเอ่ยว่า “จะไปก็ไม่บอกกันสักคำ”

โจวเจ๋อหัวเราะไม่อธิบาย

“อยากจะคุยกับนาย เธอนอนหลับไปแล้ว เป็นอย่างไร ยังมีเวลาไหม”

โจวเจ๋ออยากจะบอกว่าตัวเองมีธุระด่วนต้องรีบกลับ แต่ก็ยังพยักหน้าตกลง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งวีแชตหานักพรตเฒ่า เพื่อให้เฝ้าสี่คนนั้นไว้ รอเขากลับไปแล้วค่อยว่ากัน แล้วจึงเตือนนักพรตเฒ่าให้ไปหาทนายอันเพื่อหาวิธีการลงโทษทรมาน

พูดจริงๆ นะ ไอ้สี่คนนี้มาถึงมือตัวเองแล้ว เราจะลงโทษพวกเขาอย่างไรเพื่อให้พวกเขาเสียใจที่อยู่บนโลกใบนี้ โจวเจ๋อยังไม่มีวิธีที่แน่นอน บางทีอาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเขามีน้ำใจต่อผู้อื่นเกินไป เฮ้อ

ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสาม ชั้นสามเป็นโรงอาหารของตึกผู้ป่วยใน ตอนนี้สิ้นสุดเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ กับร้านกาแฟยังเปิดให้บริการอยู่

เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว หวังเคอจึงสั่งกาแฟหนึ่งแก้ว โจวเจ๋อขอที่เขี่ยบุหรี่หนึ่งอัน เพราะตำแหน่งที่พวกเขานั่งติดนอกหน้าต่าง ดังนั้นพนักงานจึงไม่ห้าม หยิบที่เขี่ยบุหรี่มาให้

“ไม่ดื่มกาแฟของที่นี่ กลัวไม่อร่อยเหรอ”

โจวเจ๋อพยักหน้า

“เหอะๆ” หวังเคอหัวเราะ ลุกขึ้นเดินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซื้อน้ำแร่มาหนึ่งขวด “ดื่มน้ำแร่สิ”

น้ำดื่มยี่ห้อ ‘ปิงลู่’ ขวดหนึ่งถูกนำมาวางตรงหน้าโจวเจ๋อ โจวเจ๋ออยากจะพูดกับหวังเคอว่า นายจงใจหรือเปล่า

“ฉันได้ยินลูกสาวของฉันเล่าเรื่องของนายมาบ้าง ถึงแม้ช่วงนี้พวกเราจะไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ฉันรู้สึกว่ายังต้องหาเวลาคุยกับนาย ความสัมพันธ์ของพวกเรา จริงๆ แล้วไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากเท่าไร ใช่ไหม”

“ใช่” โจวเจ๋อเดาว่าน่าจะเป็นสาวน้อยโลลิสั่งให้หวังเคอมา

“ไม่ต้องรู้สึกเป็นปรปักษ์กับฉัน ฉันเป็นหมอ อืม จริงๆ แล้ว นายมีความสามารถควบคุมอารมณ์ของนายได้ ดังนั้นพวกเราพูดเข้าประเด็นเลยเถอะ”

“ตัวนายเองรู้สึกไหมว่า นิสัยและความเคยชินของนาย กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ”

โจวเจ๋อเอามือมาแตะที่ริมฝีปาก แต่ไม่ได้กัดเล็บ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้ เขานึกถึงสาวน้อยโลลิโดยสัญชาตญาณว่าพูดกับหวังเคออย่างไรบ้าง หรือว่าในสายตาของสาวน้อยโลลิ ตัวเขาที่เป็นเถ้าแก่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะมาก

ในสายตาของพนักงานในร้านหนังสือ ตัวเขากำลังเปลี่ยนไปใช่ไหม แต่การเปลี่ยนแปลงต้องมีทิศทางเสมอ แล้วเปลี่ยนแปลงไปทางไหน

อ้อ ฉันโง่ขึ้นเหรอ

หวังเคอดื่มกาแฟ หลังจากเขาให้เวลาโจวเจ๋อได้คิดเต็มที่แล้ว จึงพูดต่อ “อันที่จริงนี่คือปรากฏการณ์ที่ปกติอย่างมาก เพราะยกเว้นว่าคนคนนี้จะนอนอยู่ในโลงศพ หรือไม่ก็อยู่ในสภาวะหยุดนิ่งตลอดไป ไม่อย่างนั้นขอแค่เขายังได้ขยับ ขอแค่เขายังได้คิด ถึงแม้จะอยู่ในห้องขังก็ตาม นิสัยของเขาก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด เพียงแต่ระดับการเปลี่ยนแปลงมีความแตกต่างกันเท่านั้น เว้นเสียแต่ว่านายจะปิดกั้นตัวเอง ไม่อย่างนั้นตอนที่นายสัมผัสกับโลกใบนี้ จริงๆ แล้วโลกใบนี้กำลังกลืนกลายนายอยู่ ยกตัวอย่างเช่น นายเคยได้ยินไหม เรื่องสามีภรรยาหน้าเหมือนกัน”

“หน้าเหมือนกัน”

“อืม ก็คือหลังจากที่สามีภรรยาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานๆ หน้าตาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะเหตุนี้ ให้ความรู้สึกกลมกลืนกัน และด้านนิสัย ก็จะส่งผลกระทบและส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพราะตามทฤษฎีแล้ว ยกเว้นกรณีพิเศษอย่างเมียน้อยหรือชู้รักรวมทั้งผู้ชายที่เป็นลูกแหง่ติดแม่ สามีภรรยาน่าจะเป็นหนึ่งในคู่ที่สนิทกันมากที่สุดในโลกนี้แล้ว”

“จากนั้นล่ะ” โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน “ไม่ใช่สิ พี่ชาย ฉันยังไม่เข้าใจว่านายอยากจะสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่”

“หรุยหรุ่ยเคยพูดกับฉัน ตัวฉันเองก็รู้สึกด้วยเหมือนกัน จริงๆ แล้ว นิสัยของนาย และทั้งตัวของนายกำลังถูกอีกตัวตนหนึ่งหลอมรวมและเปลี่ยนแปลงอยู่จริงๆ นายไม่รู้สึกใช่ไหม”

ดวงตาของโจวเจ๋อหรี่ขึ้นมาทันที

“รสนิยมด้านความงามของนาย ความสนใจของนาย นิสัยของนาย ความเคยชินของนาย ทุกๆ ด้าน น่าจะเกิดการตอบสนองที่เชื่อมโยงกันด้วยสาเหตุนี้”

“ฉันก็รู้สึกอยู่”

“อ้อ อย่างนั้นก็ดี อันที่จริง สภาวะของนายเหมือนคนหลายบุคลิก เมื่อก่อนที่นายมาหาฉัน สภาพในตอนนั้นเป็นนาย เพื่อนที่โตมากับฉันจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โจวเจ๋อ กับอีกคนที่ชื่อ ‘สวีเล่อ’ กำลังเกิดการปะทะกันอยู่ในร่างนี้ ใช่ไหม”

“ใช่”

“ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่า ปัญหาของสวีเล่อไม่ใช่ปัญหาแล้ว ใช่ไหม”

“ใช่”

“ดังนั้น หมายความว่า ปัญหาใหม่ไม่ใช่สวีเล่อ และแข็งแกร่งกว่าสวีเล่อ”

“หืม” โจวเจ๋อเอ่ยพลางครุ่นคิด “นายสามารถพูดลงรายละเอียดได้อีก”

เขาอยากรู้ว่า สาวน้อยโลลิพูดกับเขาพ่อของ ‘ผี’ คนนี้ไปแค่ไหน

“จริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับนาย ขึ้นอยู่กับร่างของนาย ที่จะสามารถขจัดความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ไหม อันที่จริงบนโลกนี้ มีหลายคนกำลังคิดอยู่ในหัวว่า ตัวเองต้องรักษาบุคลิก ต้องรักษาความไร้เดียงสาที่เป็นของตัวเอง คงลักษณะพิเศษที่เป็นของตัวเองไว้ ตอนดึกยืนอยู่หน้ากระจก ชื่นชมร่างกายของตัวเอง ขณะเดียวกัน ลิ้มรสจิตวิญญาณที่ตัวเองคิดว่ามาจากหนึ่งในล้าน แต่ในความเป็นจริงนั้น ในชีวิตจริง พวกเขากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งไปตามธรรมชาติ ไหลไปตามกระแสน้ำที่ขุ่นมัวนี้”

“พี่ชาย นายรู้ไหม ความรู้สึกที่นายพูดอยู่ในตอนนี้ คล้ายภาพยนตร์ฮอลลีวูดนิดหน่อย เหมือนพระเจ้าผิวดำที่เดินออกมาเล่าถึงหลักในการดำเนินชีวิตของมนุษย์” โจวเจ๋อเขี่ยบุหรี่แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่อยากถาม ความเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นฝ่ายเดียวใช่ไหม”

“ไม่ชัวร์ เหมือนกับสามีภรรยาหน้าตาเหมือนกัน…”

“ทำไมเป็นสามีภรรยาที่หน้าตาคล้ายกันอีก”

“เพราะฉันรู้สึกว่าหยิบอันนี้มายกตัวอย่างเหมาะสมที่สุด”

“งั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว”

“อย่างนั้นก็ดี”

“โอเค ฉันจะพูดต่อ…”

“เปลี่ยนอันใหม่”

“…” หวังเคอ

โจวเจ๋อดับก้นบุหรี่ โน้มตัวไปข้างหน้า เอ่ยว่า “อาจจะส่งผลกระทบซึ่งกันและกันใช่ไหม”

“ตามหลักการแล้ว ใช่ ขอแค่อีกฝ่ายสื่อสารกับนาย พูดกับนาย และพวกนายเป็นความสัมพันธ์ที่สนิทกันมากที่สุด ก็จะเกิดผลกระทบที่ตอบสนองซึ่งกันและกัน เหมือนผลของแรงที่สัมพัทธ์กัน แล้วก็ยังมีประโยคที่ว่าถ้าจ้องมองนรก นรกก็จ้องมองเรากลับเช่นกัน ก็สามารถอธิบายหลักการนี้ได้”

“อ้อ อย่างนั้น ถ้าหากฉันไม่ขจัดการเปลี่ยนแปลงนี้ออกไป อย่างนั้นต่อไปนายจะทำอย่างไร”

“อย่างนั้นฉันก็ไม่ต้องพูดอะไรมากอีก และไม่จำเป็นต้องช่วยรักษาอะไร จริงๆ แล้ว คนเรามักจะพัฒนาไปในทิศทางที่ตัวเองชอบเสมอโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับนอนบนโซฟา มักจะหาท่านอนที่ตัวเองคุ้นชินและนอนสบายมากที่สุด”

“อืม”

“เหมือนเด็กผู้หญิงน่าสงสารที่กำลังนอนหลับอยู่ในห้องคนไข้ตอนนี้ เมื่อทิ้งปัจจัยความรู้สึกออกไป อาการของเธอในตอนนี้ จริงๆ แล้วเป็นการปกป้องตัวเองที่ดีที่สุดในตอนที่เธอโดนทารุณ เป็นวิธีการเปลี่ยนแปลงที่สามารถทำให้ตัวเองได้รับความรู้สึกปลอดภัยและการปกป้องมากที่สุด

แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะดีเหรอ อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนั้นไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ล่ะ อันที่จริง ในสายตาของฉัน คนไข้มากมายของฉัน ปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ไม่ได้เรียกว่าอาการป่วยของโรค แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามความชอบส่วนบุคคล ซึ่งปะทะกับการใช้ชีวิตในสังคมปกติของเขาและขัดต่อระบบศีลธรรมของสังคม ดังนั้นจึงถึงขั้นที่ต้องเปลี่ยนแปลง”

“ปะทะ” โจวเจ๋อขบคิดคำนี้ ในหัวของเขาเกิดภาพการตายของศพในห้องนั้นขึ้นมาทันที สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่ฉากที่ตัวเองปรบมือให้คนโง่คนนั้น

“จริงๆ แล้ว นายจำเป็นต้องพิจารณาและวิเคราะห์ด้วยตัวเอง รวมทั้งเลือกด้วยตัวเอง และสิ่งที่ฉันสามารถช่วยนายได้ก็มีเพียงเท่านี้ ขั้นตอนรายละเอียดการรักษา กระทั่งประเภทของยา ฉันรู้สึกว่านายไม่จำเป็นต้องใช้เลยด้วยซ้ำ”

โจวเจ๋อพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก

หวังเคอลุกขึ้น เตรียมกลับไปห้องคนไข้ แต่เพิ่งจะเดินได้สองก้าว เขาก็หมุนตัวมองไปทางโจวเจ๋อ เอ่ยว่า “ลูกในท้องของเด็กสาว ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นลูกของใคร ทางตำรวจกำลัง…”

“เอาเด็กออกเถอะ”

“หืม”

โจวเจ๋อมองหวังเคอ แล้วพูดซ้ำโดยไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว “เอาเด็กออก”

“แบบนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอน พวกเราต้องรอเธอฟื้นขึ้นมาก่อน ให้เธอได้สติกลับมาแล้ว จากนั้นถึงถามเธอ แล้วจึง…”

“เอาเด็กออกเถอะ ถ้าหากพวกนายไม่เห็นด้วย วันพรุ่งนี้ฉันจะมาโรงพยาบาลอีก ฉันเคยเป็นศัลยแพทย์ นายก็รู้”

“ไม่ว่าอย่างไร เด็กไม่มีความผิด”

“พูดแบบนี้น่าเกลียดเกินไป” โจวเจ๋อลุกขึ้น มองหวังเคอ ขณะเดียวกันก็ยื่นมือหยิบถุงมือหนังสีดำที่อิงอิงซื้อมาให้ตัวเองออกมาจากกระเป๋า สวมมันแล้วพูดในเวลาเดียวกัน “เด็กคนนี้ หากไม่เอาออก จะเก็บไว้ทำไม”

“ฉันเข้าใจอารมณ์ของนาย แต่…”

“ฉันก็เข้าใจอารมณ์ของนาย แต่ พี่ชาย นายรู้ไหม บนโลกนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนพี่”

หวังเคออึ้งไปเลย

“ขอโทษ” โจวเจ๋อตบไหล่ของหวังเคอ “แต่จะเอาเด็กไว้ทำไม ให้เธอเปล่งออร่าของความเป็นแม่ เฝ้าดูแลลูกใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งต่อไปเหรอ ไม่ใช่โครงเรื่องในละครน้ำเน่านะ ถ้าหากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ทุกวันคงได้แต่ตอกย้ำความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของเธอในช่วงนั้น พวกเราทำไมต้องโหดเหี้ยมขนาดนี้”

หวังเคอสูดลมหายใจลึกๆ พลางมองโจวเจ๋อ เขารู้สึกว่าโจวเจ๋อพูดมีเหตุผล

“แต่พวกเราไม่สามารถเลือกแทนเธอได้ ไม่สอดคล้องกับหลักการ”

“แม่งหลักการบ้าบออะไร วันพรุ่งนี้ฉันจะเอาอุปกรณ์มา แล้วเอาเด็กออก วางใจได้ จะทำให้เธอบาดเจ็บน้อยที่สุดนายสามารถเตือนทางตำรวจ สามารถเตือนทางโรงพยาบาล แต่นายน่าจะรู้ดี พวกเขาห้ามฉันไม่ได้”

หวังเคอเม้มปาก รู้สึกปลงอนิจจัง เอ่ยว่า “อาเจ๋อ นายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ถ้าหากนี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง พูดจริงๆ นะ ฉันไม่รังเกียจการเปลี่ยนแปลงนี้”

“ดังนั้น ฉันยังจะพูดอะไรได้อีก”

“นายสามารถพูดว่า วันพรุ่งนี้นายจะเอาซุปเนื้อมาเยอะหน่อย มาบำรุงร่างกายของเธอ”

หวังเคอแสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากนั้นตอบอย่างจริงจัง “โอเค”

……………………………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท