ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 609 ปากร้ายใจดี

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 609 ปากร้ายใจดี

เซี่ยไห่มองดูบะหมี่ในชาม แล้วกลอกตาขณะคีบเส้นเข้าปาก

ถ้าเขารู้ว่าอู๋เซิงหงจะเลี้ยงบะหมี่ต้อนรับพวกเขา เขาคงอาสาเป็นเจ้าภาพมื้อเย็นเองแล้ว

ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าเฉินเจียเหอจะมีเวลาว่างมาที่เชินเฉิง เขาควรสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้อีกฝ่าย เพื่อให้เฉินเจียเหอรับรู้ถึงจุดแข็งของเขา

เซี่ยไห่เคี้ยวบะหมี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

อู๋เซิ่งหงรายงานความคืบหน้าของโครงการในระหว่างรับประทานอาหารให้พวกเขาฟัง

ฤดูหนาวในเมืองเชินเฉิงแตกต่างจากที่ไห่เฉิง อุณหภูมิค่อนข้างเหมาะสม ทีมก่อสร้างทำงานกันอย่างต่อเนื่อง

อู๋เซิ่งหงกล่าวว่าโครงการนี้ได้รับการว่าจ้างโดยตรงกับบริษัทก่อสร้างที่เขาเคยทำงานด้วย มีระยะเวลาการก่อสร้างที่จำกัดมาก คาดว่าตัวอาคารหลักจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมตามปฏิทินจันทรคติปีหน้า

หลินเซี่ยตื่นเต้นสุดขีดเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ปีหน้าทุกคนจะได้เห็นตึกสูงที่เธอลงทุนสร้าง ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ในชาตินี้ แถมยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับเถ้าแก่รายใหญ่ของประเทศ ในอนาคต เธอจะต้องยึดเส้นสายกับเถ้าแก่อู๋ไว้ให้มั่น เพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนในอุตสาหกรรมนี้

หลังจากกินข้าวเสร็จ อู๋เซิ่งหงก็พาพวกเขาไปยังสถานที่ก่อสร้าง คนงานเพิ่งเลิกงานได้ไม่นานและไม่มีการก่อสร้าง อู๋เซิ่งหงแจ้งบุคคลที่รับผิดชอบสถานที่ก่อสร้าง สวมหมวกนิรภัย แล้วพาพวกเขาเดินไปรอบ ๆ ไซต์งาน ซึ่งหลินเซี่ยขอละเว้นสิทธิ์นี้เนื่องจากร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่อสถานที่ก่อสร้างที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ดังนั้นจึงส่งตัวแทนไปลาดตระเวนดู

เซี่ยไห่มองไปยังเสาอาคารที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เห็นดังนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจกับอู๋เซิ่งหง ผู้เป็นเถ้าแก่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ซื่อสัตย์และซื่อตรง

อย่างไรก็ตาม อาหารที่เขาเสนอเลี้ยงแขกนั้นน่าหดหู่มาก คนคนนี้มัธยัสถ์จริง ๆ หรือเขาแค่ฐานะการเงินไม่ดี?

เมื่อยืนอยู่ในสถานที่ก่อสร้าง เซี่ยไห่จึงสอบถามอู๋เซิ่งหงว่า “เถ้าแก่อู๋ เรื่องเงินล่ะเป็นยังไงบ้าง? ยังมีเงินเหลือเพียงพอจะต่อเติมอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อพูดถึงเรื่องเงินทุน อู๋เซิ่งหงก็ดูกระดากอายและเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน “เถ้าแก่เซี่ย บอกตามตรงว่าเงินทุนในตอนนี้ยังมีความขัดสนอยู่บ้าง ผมวางแผนว่าจะเริ่มดึงดูดการลงทุนหลังจากที่อาคารหลักสร้างเสร็จหลังจากผ่านไปหนึ่ง อาคารที่ว่านี้ส่วนใหญ่สามารถใช้เป็นสำนักงาน ชั้นล่างสามชั้นเป็นห้างร้าน เมื่อพอจะมีรายได้จากอาคารนี้ โรงแรมระดับไฮเอนด์ก็จะถูกสร้างขึ้นบนที่ดินว่างที่สงวนไว้ด้านข้าง”

อู๋เซิงหงวางแผนไว้ดีมาก แต่ความยากลำบากในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นจริง

หลินเซี่ยรู้ด้วยว่าตอนที่อู๋เซิ่งหงกำลังสร้างอาคารสำนักงานแห่งนี้ เขาต้องอดทนเผชิญแรงกดดันทางการเงินอย่างมหาศาล เอาชนะความยากลำบากทั้งหมดในการสร้างอาคารสูง ไม่มีใครได้ความสำเร็จมาง่าย ๆ ประวัติการแสวงหาโชคลาภของอู๋เซิ่งหงก็ขมขื่นแบบนี้เช่นเดียวกัน

แต่เงินทุนที่เธอมีอยู่จำเป็นต้องใช้จ่ายไปกับการจัดชั้นเรียนฝึกอบรม ไม่กล้านำออกมาใช้นอกเหนือจากจุดประสงค์หลัก

คนเราไม่สามารถใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวได้

ขณะหลินเซี่ยกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเซี่ยไห่พูดกับอู๋เซิ่งหงว่า

“เถ้าแก่อู๋ ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ละก็ ผมช่วยลงทุนเพิ่มเติมได้นะ”

“จริงเหรอ?” อู๋เซิงหงได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ จึงรีบหันมองเขาอย่างมีความสุข

เซี่ยไห่ทำท่าทางเหมือนเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่ง “คนอย่างผมพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว ยังไงซะเงินที่ว่าก็เป็นเงินเย็น ทำไมไม่เอามันมาลงทุนเพื่อแก้ปัญหาความต้องการเร่งด่วนของคุณเสียล่ะ”

อู๋เซิ่งหงมีท่าทางซาบซึ้งใจอย่างยิ่งสำหรับสิ่งนี้ เขาจับมือของเซี่ยไห่อย่างตื่นเต้นและแทบจะร้องไห้ “เถ้าแก่เซี่ย คุณคือผู้มีพระคุณของผมอย่างแท้จริง”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก”

เขากำลังอยากได้ใครสักคนที่พร้อมจะยื่นเงินทุนช่วยเหลือฉุกเฉินพอดี

ไม่คาดคิดว่าเมื่อเซี่ยไห่มาเยือนโครงการถึงที่ในครั้งนี้ เขาจะเปลี่ยนใจและเต็มใจที่จะลงทุน

อู๋เซิ่งหงรู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถึงกับกอดเซี่ยไห่ไว้แน่น

เซี่ยไห่ผลักเขาออกไปด้วยความรังเกียจ ปัดฝุ่นบนสูทของตัวเองออก “ผู้ชายที่ไหนเขาดีใจแล้วกอดกันบ้าง หยุดแตะต้องตัวผมเลย”

อู๋เซิ่งหงเกาหัวและยิ้มอย่างไร้เดียงสา “เถ้าแก่เซี่ย ผมขอบคุณมากจริง ๆ คุณคือผู้สนับสนุนแสนดีและเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งของผม”

เซี่ยไห่จัดการเซ็นสัญญากับอู๋เซิ่งหงทันที จ่ายเงินลงทุนเพิ่มอีกห้าแสนหยวนเพิ่มเติมจากที่ดินผืนก่อน

ทันทีที่เงินห้าแสนหยวนถูกโอนมาถึง อู๋เซิ่งหงก็โอนเงินสองแสนหยวนให้กับบริษัทก่อสร้าง อีกส่วนก็นำไปจ่ายค่าจ้างคนงาน

เซี่ยไห่ยังคงมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินตามเดิม ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามนอกเหนือจากอู๋เซิ่งหงและหุ้นส่วนอีกรายหนึ่ง โดยถือหุ้นมากกว่าหลินเซี่ย

หลังจากที่เซี่ยไห่เซ็นสัญญา เขาก็จำได้ว่าอู๋เซิ่งหงนั้น ‘ใจป้ำ’ มากจนซื้อของรับขวัญหญิงตั้งครรภ์อย่างหลินเซี่ยเป็นขนมปังแค่สองถุง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองเล็กน้อยเมื่อเอาเงินผลประกอบการที่ได้จากการเปิดห้องเต้นรำในเชินเฉิงมาใช้ก่อนที่ตัวเขาจะมีเวลาได้ชื่นชมมัน

“เซี่ยเซี่ย จากนี้ไปเราอยู่บนเรือโจรสลัดลำเดียวกันแล้วนะ ถ้าเราขาดทุน เราจะสูญเสียเงินทั้งหมดเกือบหนึ่งล้าน”

เซี่ยไห่กำลังคิดว่าทำไมพวกเขาถึงเอาเงินล้านมาทำอะไรแบบนี้กันนะ?

ทำไมถึงได้เชื่อใจเจ้าของธุรกิจจอมตระหนี่คนนั้น?

“มันไม่มีทางขาดทุนแน่” หลินเซี่ยพูดอย่างมั่นใจ “ฉันเชื่อในความสามารถของเถ้าแก่อู๋ และเชื่อในวิสัยทัศน์ของตัวเอง”

เธอบอกได้ว่าเซี่ยไห่ยังไม่ไว้วางใจในความสามารถของเถ้าแก่อู๋อย่างสมบูรณ์ บางทีการที่เขาตัดสินใจลงทุนอาจเป็นเพียงอารมณ์หุนหันพลันแล่น สมกับที่เป็นเซี่ยไห่ แม้ปากร้ายแต่มีจิตใจดี

เขาทำความดีโดยหุนหันพลันแล่น แล้วมานึกเสียใจภายหลัง

“อารอง ถึงยังไงคุณก็เซ็นสัญญาไปแล้ว ปล่อยวางจิตใจให้สบายเถอะ เราจะได้รับเงินปันผลภายในสิ้นปีหน้าแน่นอนค่ะ”

ความไว้วางใจอย่างไม่มีเงื่อนไขของหลินเซี่ยที่มีต่อเถ้าแก่อู๋ ทำให้เซี่ยไห่อดพิศวงงงงวยไม่ได้

“เจียเหอ เมียนายนี่ยังไงกันแน่? ทำไมถึงได้มองเห็นคุณค่าในตัวไอ้หมอนั่นมากขนาดนี้? เธอเคยเล่าความคิดของตัวเองให้นายฟังบ้างหรือเปล่า?”

เฉินเจียเหอเหลือบมองหลินเซี่ยที่กำลังกินขนมปังซึ่งอู๋เซิ่งหงซื้อให้อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็กระซิบกับเซี่ยไห่ว่า “เซี่ยเซี่ยบอกว่าเธอเคยฝัน ฝันว่าอู๋เซิ่งหงจะสร้างความแตกต่างทางอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางสิ่งที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้”

เซี่ยไห่ “!!!”

ผู้หญิงคนนี้ลงทุนสามแสนหยวนเพราะเชื่อความฝันตัวเองงั้นเหรอ?

เขายิ่งเสียใจกับพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของตัวเองมากขึ้น

“พวกคุณสองคนพึมพำเรื่องอะไรกัน?” หลินเซี่ยกินขนมปังจนหมดก็จิบน้ำ เมื่อเห็นเซี่ยไห่มีสีหน้าเหมือนคนทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอก็ส่งยิ้มให้และปลอบโยน “อารอง อย่าเสียใจไปเลย ถ้าโครงการทำเงินได้ในปีหน้า คราวนี้คุณจะยิ้มไม่หุบ”

“ช่างเถอะ อย่าพูดถึงมันอีกเลย” เซี่ยไห่ถอนหายใจยาว ๆ ปลอบใจตัวเองว่าอู๋เซิงหงน่าจะเป็นคนที่เชื่อถือได้

อย่างเลวร้ายที่สุด เมื่ออู๋เซิ่งหงไม่มีเงินทุนในการพัฒนาโครงการต่อในระยะหลัง เขาค่อยลงทุนอีกครั้ง

ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้ว นับว่ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการก่อสร้าง

เฉินเจียเหอแวะไปที่โรงงานผลิตเครื่องจักรกลเฉพาะทางอีกครั้ง ในขณะที่เซี่ยไห่และหลินเซี่ยไปซื้อของที่พวกเขาไม่เคยซื้อมาก่อน

ตอนนี้เซี่ยไห่มีแฟนแล้ว หลังจากที่หลินเซี่ยซื้อสินค้าเสร็จ เขาก็พาหลินเซี่ยเดินไปรอบ ๆ เพื่อเลือกของขวัญให้กับลินดา

“อารอง ฉันว่าชุดที่คุณกำลังดูอยู่อาจไม่เหมาะกับพี่ลินดามั้งคะ?” หลินเซี่ยแย้งเมื่อเห็นเซี่ยไห่มองชุดเดรสยาวตัวหนึ่งแล้วถามราคากับพนักงานขาย

ชุดนั้นดูสวยหวานมีความเป็นผู้หญิงเกินไป

เซี่ยไห่ทำหน้าเคอะเขินทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย “ก็แค่อยากให้หล่อนลองใส่ดู”

หลินเซี่ยปลีกตัวไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ เซี่ยไห่จึงรีบจ่ายเงินและหยิบถุงบรรจุชุดเดรสผู้หญิงตัวนั้นติดมือมา

หลินเซี่ยซื้อของฝากยิบย่อยมากมายให้กับสมาชิกในครอบครัวของเธอ เซี่ยไห่เดินตามหลัง เดินไปรอบ ๆ ห้าง ทุกครั้งที่เขาเห็นอะไรบางอย่างก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าลินดาจะชอบมันหรือไม่

หลินเซี่ยติดต่อร้านขายส่งวิกผมจำนวนมาก รวมถึงหัวหุ่นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับร้านเสริมสวย เซี่ยไห่มองไปที่หลินเซี่ยซึ่งกำลังเลือกซื้อวิกยาว ขณะนั้นก็อดอยากรู้ไม่ได้อีกว่าลินดาจะดูเป็นอย่างไรถ้าหล่อนไว้ผมยาว?

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท