ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 404 เขาคือนรก

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 404 เขาคือนรก

สวี่ชิงตอนนี้กำลังอยู่ที่ด้านนอกชั้นแปดสิบเก้า มองไปทางพัศดีที่รออยู่ทางนั้น

พัศดีที่มีแผลเป็นบนใบหน้าคนนี้ เห็นได้ชัดว่าได้รับคำสั่งมา รับรู้ตำแหน่งหน้าที่ถัดจากนี้ของสวี่ชิง จึงกอดอกพิงผนังพิจารณาสวี่ชิง

แม้ก่อนหน้าตอนอยู่ด้านนอกเขาจะตรวจสอบดูแล้ว ทว่าตอนนั้นเป็นการพิจารณาจากท่าทีของคนนอก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว หลังจากเขากวาดตามอง ก็มองไปยังใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของสวี่ชิง

“เจ้าหนู หน้าตาดีถึงเพียงนี้ มาที่นี่จะเสียเปรียบ สำหรับพวกนักโทษที่โฉดชั่วเหล่านั้น หน้าตาแบบเจ้าไม่มีพลังคุกคาม จะกลายเป็นเรื่องสนุกให้พวกเขาแก้เบื่อเอาน่ะสิ”

พัศดีกลางคนยังคงยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

สวี่ชิงไม่พูดอะไร เงยหน้ามองพัศดี

สบตากับสวี่ชิง พัศดีกลางคนมองความสงบนิ่งในดวงตาสวี่ชิงออก จึงหัวเราะอีกครั้ง

“น่าสนใจ มากับข้าสิ” หลังของพัศดีที่พิงกับผนังกำแพง ยันตัวขึ้น เดินขึ้นไปตามบันไดที่วนล้อมในกรมราชทัณฑ์อันมืดมิด

ตอนที่เดินผ่านประตูห้องขังสีดำแต่ละแห่ง เขาก็กวาดตามองเข้าไปด้านในเป็นระยะ ก่นด่าออกไปหลายคำ

ไม่ว่าเหล่านักโทษด้านในเหล่านั้นจะเอะอะเอ็ดตะโรเพียงใด หลังจากที่พัศดีคนนี้ก่นด่า ก็เงียบกริบในพริบตา

สวี่ชิงกำลังครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็ยังสังเกตเห็นมิติกว้างขวางด้านในแต่ละห้องขัง ในนั้นมีกรงขังนับร้อย ด้านในขังนักโทษเอาไว้มากมายหลายเผ่า

ที่รูปร่างประหลาดก็มีไม่น้อย มีที่ไม่ใช่รูปร่างมนุษย์อยู่มากมาย หลังจากสวี่ชิงกวาดสายตาไปยังห้องขัง กระทั่งยังเห็นเผ่าสิงซากสมุทรอีกด้วย

เมื่อสังเกตห้องขังเสร็จ สวี่ชิงก็ถอนสายตากลับมา ก้มหน้ามองด้านล่างบันไดที่เหมือนกับหลุมลึกดำมืดนั่น

ปราณเยือกเย็นลอยขึ้นมาจากด้านล่าง แล้วยังมีเสียงคำรามต่ำแว่วมาด้วย

“ไม่ต้องดูแล้ว ด้านล่างชั้นแปดสิบเก้าคือเขตปิ่ง ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้าไปได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่มีคุณสมบัตินี้เลย” พัศดีด้านหน้าส่งเสียงเรียบออกมา

“ที่นี่เคยเป็นอุโมงค์ภูตมาก่อนหรือขอรับ” สวี่ชิงจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา

“เห็นโลกมาไม่น้อยเลยนะ ถูกต้อง ที่นี่เคยเป็นอุโมงค์ภูตจริงๆ คนที่เมืองหลวงจักรพรรดิมาสะกดไว้ตอนที่สร้างกรมราชทัณฑ์แล้ว

“หืม?”

พัศดีกำลังพูด จู่ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึม ถีบห้องขังที่อยู่ข้างๆ เปิดประตูใหญ่ไป หลังจากเข้าไปก็มีเสียงปิดประตูใหญ่ดังปึง

ประตูใหญ่เวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นเลือนราง มองด้านในไม่ชัด

สวี่ชิงยืนรออยู่ตรงนั้น สีหน้าเรียบสงบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูใหญ่ห้องขังก็เปิดออก พัศดีกลางคนคนนั้นยิ้มเหี้ยมเกรียมพลางเช็ดเลือดสดบนหน้าที่มาจากพวกนักโทษ เดินออกมา

“มีนักโทษจากเผ่าเจี่ยวซางคนหนึ่ง มันเคยไปล่าสังหารสำนักเล็กๆ ที่ข้าเคยอยู่ หลังจากที่ข้ากลายเป็นพัศดีก็ขอลาหยุดไปด้านนอก จับตัวมันมาไว้ที่นี่ มันก็เอาแต่ดื้อรั้น ทุกครั้งที่เห็นก็อดไม่ได้ต้องเข้าไปเล่นงานสักหน่อย แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มันตาย ไม่งั้นหลังจากนี้จะหมดเรื่องสนุก”

แตกต่างกับตอนที่เข้ามา เวลานี้พัศดีดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดหลังจากพูดคุยกับสวี่ชิง ทั้งยังผิวปาก เดินหน้าต่อ

สวี่ชิงมองไปที่ห้องขังนั้น เวลานี้ด้านในเงียบเป็นเป่าสาก หมอกเลือดเข้มข้นแผ่ซ่านอยู่ด้านใน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเล่นงานง่ายๆ แบบที่อีกฝ่ายพูดมา

ทว่าทั้งหมดนี้ตอนอยู่ที่กรมปราบพิฆาตในอดีตคือเรื่องปกติ สวี่ชิงไม่ใส่ใจ เดินตามอีกฝ่ายต่อไป

ตลอดทางสวี่ชิงเห็นพัศดีอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องขัง เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนมีห้องขังที่คอยดูแลอยู่ ที่ออกมาด้านนอกมีไม่มากนัก

แต่ก็แตกต่างกับตอนที่เข้ามา ครั้งนี้พัศดีกลางคนทุกครั้งที่เห็นเพื่อนร่วมงาน ก็เอ่ยปากแนะนำขึ้นมา

“มีคนใหม่มาแล้ว”

ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ เหล่าพัศดีที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง ก็เผยความสนอกสนใจ หลังจากพิจารณาสวี่ชิง มีบางคนที่ตามมาด้านหลัง

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ด้านหลังมีพัศดีตามมาสามสิบกว่าคน ก็มีคนเร่งรัดขึ้น

“ท่านหลี่ ประมาณนี้แหละ นี่มาถึงเขตติงที่สิบเจ็ดแล้วนะ ถ้าไปอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว ทุกคนยังมีงานอีกนะ แค่มาดูมหรสพไม่จำเป็นต้องเสียเวลาถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง”

พัศดีเมื่อกลางคนคนนั้นได้ยินก็แสยะยิ้ม หยุดเท้าที่หน้าห้องขังแห่งหนึ่ง

พูดพลาง เขาก็ถีบประตูห้องขังใหญ่เสียงดังปัง กวักมือเรียกสวี่ชิง เดินนำเข้าไป

สวี่ชิงหันหน้ากลับไปมองพัศดีสามสิบกว่าคนด้านหลัง

คนเหล่านี้ทุกคนล้วนตาเป็นประกาย ราวกับฝูงหมาป่าตอนกลางคืนอย่างไรอย่างนั้น ทั้งหมดมองมาเขา

จู่ๆ สวี่ชิงก็เอ่ยปาก

“พวกท่านมาเดิมพันกันหรือขอรับ”

เมื่อเขาพูด พัศดีด้านนอกเหล่านั้นก็หัวเราะ

“ข้าขอเดิมพันตัวข้าเอง” สวี่ชิงพูดพลาง ล้วงถุงใบหนึ่งออกมา ด้านในมีหินวิญญาณอยู่ประมาณหนึ่งร้อยก้อน วางไว้ข้างๆ

จากนั้นหันหลัง เดินเข้าไปในห้องขัง

“น่าสนใจ” ด้านนอกมีพัศดีอยู่อีกนับสิบคน หลังจากมองหน้ากันเอง ความสนใจก็เพิ่มมากขึ้น พากันเดินเข้ามา

ขณะที่สวี่ชิงก้าวเข้าไปในห้องขัง เบื้องหน้าก็เลือนราง ราวกับเข้ามาอีกมิติหนึ่ง และมาปรากฏตัวบนพื้นที่โล่ง รอบด้านล้อมด้วยกรงขังขนาดยักษ์นับร้อย

นักโทษด้านในบ้างโหดเหี้ยมบ้างเงียบนิ่ง บ้างหน้ายิ้มแย้มบ้างดวงตาเผยประกายประหลาด แต่กลับไม่มีใครพูด ทั้งหมดอยู่ในกรงจ้องมาที่กลุ่มของสวี่ชิงเขม็ง

พัศดีกลางคนคนนั้นที่เดินเข้ามาคนแรก เวลานี้กวาดสายตามองไปทั้งสี่ด้าน

“ความสนุกไหม่ของพวกเจ้ามาแล้ว ครั้งนี้พวกเจ้าโชคดีมาก

“จากนี้ข้าจะดูการแสดงของพวกเจ้า กฎเดิม ใครฉีกเนื้อเขาออกมาได้ชิ้นหนึ่ง หนึ่งเดือนถัดจากนี้จะไม่ปิดประตูกรงขัง มีอิสระในห้องขังติงที่สิบเจ็ด และไม่โดนเอาคืน นี่คือกฎ”

เมื่อพัศดีเปล่งเสียงออกมา ในกรงขังรอบด้านก็ส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง สายตาที่มาพร้อมกับความโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งจดจ้องมาที่สวี่ชิง ราวกับจะใช้สายตาฉีกกระชากสวี่ชิงเป็นชิ้นๆ

ในสายตาพวกเขาสวี่ชิงที่ดูผิวเนียนละเอียดนุ่มนวล ก็ราวกับเป็นของหวานถูกปาก ทำให้พวกเขายิ่งเผยความโหดร้ายจากก้นบึ้งจิตใจ ถึงอย่างไรการไม่ปิดประตูกรงขังหนึ่งเดือน สิ่งที่เทียบเท่ากับความอิสระเช่นนี้ พวกเขาล้วนปรารถนาอย่างยิ่ง

ต่อให้รู้ว่าผู้ที่มารับตำแหน่งเป็นพัศดีที่นี่ได้นั้นไม่ง่าย แต่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร ความกล้าย่อมเพิ่มมากขึ้นด้วย

อีกทั้งพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นพวกบาปหนา ล้วนเคยสังหารเผ่ามนุษย์มามากมาย ถูกส่งมาทรมานที่นี่ทั้งวันทั้งคืน ความชั่วร้ายจึงยังไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้น

ยิ่งสวี่ชิงหน้าตาดี ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของพวกเขา เมื่อรวมกับความเกลียดชังผู้ครองกระบี่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงทำให้บรรยากาศความป่าเถื่อนของที่นี่ยิ่งเดือดพล่านขึ้นตามเสียงโห่ร้องถี่กระชั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ พัศดีกลางคนก็ยิ้มมองมาทางสวี่ชิง

“เจ้าหนู นี่คือกฎของกรมราชทัณฑ์ พลทหารคนใหม่ล้วนต้องไปสยบพื้นที่เขตหนึ่ง หากเจ้าล้มเหลวเจ้าก็จะเป็นได้แค่ผู้ช่วยของคนอื่น ไม่มีทางสำเร็จในหน้าที่

“มีเพียงผู้ที่ทำสำเร็จถึงจะมีคุณสมบัติสยบหนึ่งห้องขัง ขออวยพรเจ้าเล่นให้สนุก ให้พวกเราได้เห็นว่าเจ้าสังหารได้หลายคนหน่อย”

พูดพลาง พัศดีกลางคนก็เดินมาที่ข้างๆ ประตูห้องขัง ส่วนพลทหารคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลัง ยกมือขวาขึ้นโบก เสียงแกร๊กดังสะท้อนก้อง เปิดกรงขังทั้งหมดในห้องขังนี้ออกในพริบตา

ขณะที่เปิดกรงออกมาพร้อมกัน ยังปลดพันธนาการพลังบำเพ็ญที่อยู่บนตัวนักโทษเหล่านี้ด้วย

กลิ่นอายแก่นลมปราณหลายสาย พวยพุ่งขึ้นในพริบตา

ที่ถูกกุมขังอยู่ในเขตติง ส่วนใหญ่เป็นผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณ

แม้จะถูกปิดผนึกมาตลอดปีจนทำให้พลังวิญญาณอ่อนแอลง แต่จำนวนนับร้อยรวมถึงวิธีการของแต่ละคน และยังมีกลิ่นอายโหดเหี้ยมที่มาจากพวกเขา ทำให้ตอนนี้นอกจากจะผู้ครองกระบี่ระดับสูงแล้วจิตใจและเจตจำนงยังต้องมั่นคงด้วย มิเช่นนั้นก็จะถูกความโหดร้ายสั่นคลอนได้

โดยเฉพาะเผ่ามนุษย์หลายคนในนั้น มีคนที่เชี่ยวชาญกายเนื้ออยู่ไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้ศึกนี้ยากลำบากมากในสายตาคนทั่วไป

ตอนนี้นักโทษแต่ละคนล้วนแสยะยิ้ม บ้างเงียบนิ่งบ้างขู่คำราม ค่อยๆ พุ่งออกมา

มีทั้งที่รวดเร็ว มีทั้งที่เชื่องช้า มีทั้งที่บุ่มบ่าม มีทั้งที่ชำนาญการสังเกต มีทั้งที่กายเนื้อน่ากลัว มีทั้งที่วิชาเวทน่าตกตะลึง

ราวกับฝูงมารเริงระบำ สัตว์ป่าออกจากกรงขัง พุ่งเข้าหาสวี่ชิง

ส่วนสวี่ชิงที่ยืนอยู่ในกลางลานก็ราวกับเป็นแกะน้อย ราวกับจะถูกพวกเขาฉีกทึ้งทั้งเป็นในพริบตา เล่นงานจนน่าเวทนา

ภาพนี้ ทำให้พวกพัศดีที่ประตูห้องขังแต่ละคนเผยสีหน้าสนุกสนาน

พวกเขาทุกคนมาเพราะเหตุนี้ จึงเฝ้ารอดูหน้าใหม่ผ่านเรื่องทั้งหมดนี้ไป แน่นอนหากสวี่ชิงเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย พวกเขาก็จะลงมือ

นี่เป็นเพียงประเพณีหนึ่ง ไม่ใช่การกลั่นแกล้งฆ่าฟันกันระหว่างพลทหาร

“เจ้าหนู จำเอาไว้ว่าสู้ไม่ไหวก็ให้ร้องขอความช่วยเหลือ หากช้าพวกเราจะเข้าไปช่วยไม่ทันการ” พัศดีกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

สวี่ชิงพยักหน้า พุ่งไปเบื้องหน้าต่างเผ่าที่สวมเกราะทั้งร่างอยู่ด้านหน้าสุดคนหนึ่ง

พริบตาที่เข้าประชิด ขณะที่ต่างเผ่าคนนี้ยิ้มเหี้ยมเกรียม สวี่ชิงก็ใช้ร่างกายเข้าชนอย่างจัง

เสียงตูมดังขึ้น รอยยิ้มต่างเผ่าคนนั้นแข็งค้าง รู้สึกแค่พลังบ้าคลั่งวูบหนึ่งปะทะหน้า ร่างสั่นเทิ้มกระอักเลือด สีหน้าพรั่นพรึงขึ้นมา พริบตาต่อมาในมือของสวี่ชิงก็มีกริชเล่มหนึ่งปรากฏ ปาดที่คอของเขาอย่างโหดเหี้ยม

ด้วยพลังที่รุนแรง ศีรษะหลุดกระเด็น เลือดสดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

ครู่ต่อมา ร่างกายสวี่ชิงถอยหลังไปกระแทกกับต่างเผ่าอีกคนหนึ่งฉับพลัน ต่างเผ่าคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว กริชในมือสวี่ชิงก็แทงไปที่ด้านหลังแล้วปาดขึ้น กรีดตั้งแต่ช่วงท้องไปถึงหน้าผาก

จากนั้นเขาก็ย่อตัวลง หลบวิชาเวทที่พุ่งมาที่ศีรษะ โน้มตัวลงพุ่งไปเบื้องหน้าต่างเผ่าคนที่สาม งอเข่าเสยไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย

ศีรษะก็แหลกเละท่ามกลางเสียงกรีดร้องแหลมของอีกฝ่าย

เสียงเลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว เสียงศพที่ร่วงลงพื้น เสียงทั้งหมดราวกับเป็นเสียงเคาะประตูนรก ปลดปล่อยมารสังหารออกมา

การลงมือก่อนหน้านี้ของสวี่ชิงรวดเร็วเกินไป ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวทัน สวี่ชิงก็ปะทุความเร็วขึ้นทันควัน ปรากฏตัวที่เบื้องหน้าต่างเผ่าสี่แขนที่หน้าผากมีผลึกวารีงอกอยู่

ต่างเผ่าคนนี้สีหน้าโหดเหี้ยม กายเนื้อแข็งแกร่ง เวลานี้แขนทั้งสี่กำหมัด กำลังจะซัดไปที่สวี่ชิง

แต่ความเร็วของสวี่ชิงเร็วยิ่งกว่า คว้าแขนข้างหนึ่งของต่างเผ่านี้ไว้ พลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งปะทุขึ้น ขณะที่สีหน้าของต่างเผ่าคนนี้เปลี่ยนไป แขนของมันก็ถูกพลังวูบหนึ่งฉุดรั้ง ซัดเข้าไปที่ร่างกายตนเอง

กระอักเลือดสดออกมา พริบตาที่สีหน้าพรั่นพรึง มือขวาของสวี่ชิงกลายเป็นกึ่งโปร่งแสง แทงเข้าไปในหน้าอกของต่างเผ่าร่างใหญ่คนนี้ ทำลายวังสวรรค์ทั้งสี่วังของเขา

ขณะที่คนรอบๆ เบิกตากว้าง แก่นลมปราณสีหม่นที่เชื่อมกับเลือดเนื้อทั้งสี่ ก็ถูกสวี่ชิงกระชากออกมาบีบทิ้งทั้งหมด สูดเข้าไปในร่าง

เมื่อต่างเผ่าร่างใหญ่นี้ส่งเสียงกรีดร้อง สวี่ชิงก็ยกร่างของเขาขึ้น หลังจากโยนทิ้งไป เขาก็ใช้ความเร็วที่น่าตกตะลึงพุ่งไปทางต่างเผ่าอีกคนหนึ่ง

สองนิ้วราวกับเข็ม ทะลวงไปที่คอหอยของอีกฝ่าย ขณะที่แทงทะลุจนเป็นรู แก่นลมปราณของเขาก็ถูกสวี่ชิงชากออกมาบีบทิ้งแล้วสูดรับ

จากนั้นก็เป็นคนที่แปด คนที่สิบสอง คนที่สิบเจ็ด

นักโทษรอบๆ สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสวี่ชิง รู้สึกได้ว่าเขาจัดการยาก ขณะที่แต่ละตนเงียบนิ่งก็เริ่มร่วมมือกัน บ้างเข้าประชิดตัว บ้างก็ใช้เวทจากรอบนอก

กลายเป็นแหฟ้าตาข่ายดิน สังหารให้สิ้นซาก

แต่สวี่ชิงเร็วเกินไป อีกทั้งกายเนื้อก็แข็งแกร่งจนน่าตกตะลึง เมื่อเห็นว่าวิชาเวทรอบๆ ใกล้ถึงตัว ด้านหลังจึงปรากฏภาพมายาวิหคทอง ร้องคำรามก้องไปรอบทิศ ต้านทานวิชาเวทของนักโทษนับสิบ

ส่วนเขาก็พุ่งออกไปท่ามกลางแสงวิชาเวทหลากสีสัน มาถึงเบื้องหน้าต่างเผ่าอีกคนหนึ่ง

ต่างเผ่าคนนี้คือหนึ่งในผู้บำเพ็ญที่ลงมือด้วยวิชาเวท เขามีปีก แต่ไม่ใช่เผ่าเคียงเซียน ดูคล้ายมนุษย์อีกามากกว่า

หลังจากเห็นสวี่ชิงมาใกล้ ม่านตาของมนุษย์อีกานี้ก็หดลง ถอยหลังต่อเนื่อง แต่ก็ช้าไป สวี่ชิงจับคอขออีกฝ่ายไว้และดันร่างของคนผู้นี้กระแทกกับผนังข้างๆ

ขณะที่ผนังส่งเสียงครืนครัน คอของมนุษย์อีกาก็ระเบิด ศีรษะแตกกระจาย ร่างกายร่วงลงพื้น

“น่าเสียดาย”

สวี่ชิงรู้สึกเสียดายที่กระชากแก่นลมปราณของอีกฝ่ายออกมาไม่ทัน

เมื่อสสัดทิ้ง ศพของมนุษย์อีกาก็ลอยหวือไปชนกับที่ไกลๆ

เห็นว่านักโทษต่างเผ่ารอบๆ แต่ละคนยังคงหน้าตาเหี้ยมโหด สวี่ชิงก็เลียริมฝีปาก พุ่งออกไปอีกครั้ง

เขาไม่ได้ใช้พิษ ถ้าใช้ไม้ตายที่นี่ สวี่ชิงรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า กระทั่งวิชาเวทเขาก็ใช้น้อยมาก ตอนนี้ขณะที่ไหววูบไปอยู่ด้านหลังของนักโทษคนหนึ่ง อีกฝ่ายหน้าเปลี่ยนสีคิดจะฉากหลบไปด้านหน้า แต่ไม่ทันการ

มือขวาของสวี่ชิงแทงทะลุหลังของเขา คว้าหัวใจของต่างเผ่าคนนี้ ขณะที่บีบทิ้ง ก็ล้วงเข้าไปยังวังสวรรค์ของอีกฝ่าย ทำลายล้างตลอดทาง คว้าแก่นลมปราณสีหม่นทั้งสี่เอาไว้

เสียงกรีดร้องแหลม ดังก้องขึ้นไม่หยุดในห้องขังเขตติงที่สิบเจ็ดเช่นนี้

ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เคยขาดช่วง และยิ่งส่งเสียงกรีดร้อง ยิ่งน่าเวทนา

คนที่สามสิบ คนที่สี่สิบ คนที่ห้าสิบ…

สวี่ชิงสังหารเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความโหดเหี้ยมในการลงมือก็น่าพรั่นพรึง ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวของเขายังคล่องแคล่วมาก ร่างทั้งร่างราวกับเป็นเงาสีเลือด คว้าไปที่คอของต่างเผ่าคนหนึ่ง ขณะที่อีกฝ่ายร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังก็กระชากแก่นลมปราณออกมา

และมีนักโทษลอบโจมตีเข้ามาด้านหลังเขา ทว่าพริบตาที่ประชิดสวี่ชิง ร่างเงาก็ไหววูบ พริบตาต่อมา…ต่างเผ่าที่ลอบโจมตีมานี้ก็หายไปครึ่งตัว ราวกับถูกปากขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นเขมือบไป

การสังหาร ยังคงดำเนินต่อ

เพียงแค่ชั่วก้านธูปสั้นๆ ในห้องขังนี้ก็มีกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพ ส่วนใหญ่ถูกทำลายวังสวรรค์แก่นลมปราณถูกกระชากออกมา กลายเป็นศพแห้ง ถูกวิหคทองของสวี่ชิงดูดกลืนเลือดลม สภาพน่าเวทนายิ่งนัก

ยิ่งมีบางส่วนบ้างก็หัวแหลกเละ บ้างก็หัวแยกกับตัว น่าเวทนาถึงขีดสุด

มีพวกเผ่าที่พิเศษหน่อยบางคน กายเนื้อถูกสวี่ชิงแล่ออกมาจนเลือดสดนองเต็มพื้น

จนถึงตอนนี้ นักโทษต่างเผ่าสิบกว่าคนที่เหลืออยู่ในนี้ ด้วยพวกเขานิสัยโหดเหี้ยมแต่เดิม ในที่สุดก็ไม่อาจระงับความหวาดกลัวไว้ได้

สวี่ชิงในสายตาพวกเขา สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ความรู้สึกพวกเขากลับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินไปแล้ว

ก่อนหน้านี้จากที่พวกเขาเห็นสวี่ชิงเป็นเช่นแกะดั่งของหวาน ทว่าตอนนี้ เป็นหมาป่าดุร้ายที่คอยถลกหนังแกะต่างหาก กระทั่งการพรรณนานี้ไม่สมเหตุสมผลเสียด้วยซ้ำ นี่มันนรกเดินได้ชัดๆ!

ทั้งหมดนี้ ทำให้ในใจพวกเขาโหมคลื่นยักษ์ซัดโถม ร่างกายสั่นเทิ้ม ความหวาดกลัวปกคลุมทั้งจิตใจ

“เขาไม่ใช่พัศดีจากเขตติง!”

“พัศดีเขตติงขณะที่ลงมือยังมีคลื่นอารมณ์บ้าง แต่เขา…เขาไม่มีเลย!”

“นี่มันดาวพิฆาต บาดเจ็บอยู่แท้ๆ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่ขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ คนเช่นนี้…ข้ายอมแพ้ ท่านพลทหาร พวกข้าขอยอมแพ้!!”

สวี่ชิงไม่ใช่ไม่บาดเจ็บ ด้วยนักโทษที่จำนวนมากถึงเพียงนี้ร่วมมือ อีกทั้งสวี่ชิงก็ไม่ได้ใช้ท่าไม้ตาย ย่อมต้องบาดเจ็บเป็นธรรมดา

แต่ยิ่งเขาบาดเจ็บก็ยิ่งอำมหิต โดยเฉพาะเวลานี้ที่เหล่านักโทษตกใจกลัวแตกฮือไปคนลทิศคนละทาง เขาไล่ตามคนหนึ่งไป ใช้หัวกระแทกใบหน้าอีกฝ่ายจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ภาพนี้ ทำให้นักโทษที่เหลืออยู่รู้สึกเย็นวาบไม่หยุด พวกเขาที่โฉดชั่วเลวทราม สายตาที่มองสวี่ชิงก็ค่อยๆ พรั่นพรึงขึ้นมาถึงขีดสุด ในสายตาพวกเขา ความโหดเหี้ยมของสวี่ชิงก้าวข้ามพวกเขาไปแล้วเรียบร้อย

โดยเฉพาะ พวกนักโทษอีกหลายคนที่ถูกการสังหารของสวี่ชิงสั่นคลอนจิตใจ เมื่อเห็นสวี่ชิงที่เลือดเต็มหน้าหันมา หลังจากสบตากัน เจตจำนงในใจพวกเขาก็ถล่มลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ร่างสั่นเทิ้มอย่างบ้าคลั่ง วิ่งหนีออกไปทางพัศดีที่ประตูห้องขัง

และที่ตกตะลึงเช่นกัน ก็ยังมีเหล่าพัศดีที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องขัง ภาพที่เห็นในวันนี้ ทำให้พวกเขาลืมไม่ลงตลอดชีวิต

พวกเขาเห็นศพกองเต็มพื้น เห็นเลือดสดกองรวมกันจนเหนียวหนืดบนพื้น เห็นเหล่านักโทษที่หวาดกลัวแตกฮือไปรอบด้าน เห็นสวี่ชิงที่สีหน้าเรียบนิ่ง

คนทั้งหมดสูดปาก ระลอกคลื่นโหมซัดในใจ สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก

พวกเขาเคยเห็นการสังหารคน เดิมทีก็เป็นคนที่สังหารอีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาตกตะลึงไม่ใช่พฤติกรรมการสังหารของสวี่ชิง แต่เป็นสีหน้าขณะที่สังหารของสวี่ชิงต่างหาก

ต่อให้พวกเขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมเช่นกัน แต่กลับทำตัวเป็นเหมือนบ่อน้ำที่สงบนิ่งแบบสวี่ชิงตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ไม่ได้เลย

ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นผู้สังหารหรือถูกสังหาร ก็ล้วนควบคุมอารมณ์ได้ยากมาก จะเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาเองตามธรรมชาติ

ความหวาดกลัวสิ้นหวังของคนถูกสังหาร ความตื่นเต้นและความสุขของผู้ที่สังหาร สิ่งเหล่านี้ไม่อาจปลอมขึ้นมาได้

สุดท้ายอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องปรากฏออกมา

เหล่าพลทหารทั้งหมดในเขตติงล้วนเป็นเช่นนี้

มีเพียงพวกที่สังหารมานักต่อนัก และผ่านประสบการณ์นรกบนดินมาแล้ว ใช้การฆ่าสังหารเป็นสัญชาตญาณเท่านั้น ถึงจะสามารถควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดระลอกคลื่นแม้เพียงน้อยเช่นนี้ได้

และคนเช่นนี้ พวกเขาเคยเห็นมาแล้ว

นั่นคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเขตปิ่งใต้ชั้นที่แปดสิบเก้าลงไป พลทหารที่ระดับสูงกว่าพวกเขา

ที่นั่นพลทหารทุกคนล้วนเป็นคนประเภทนี้!

“เขตปิ่ง!”

เหล่าพัศดีมองกันตามสัญชาตญาณ สายตาที่เคร่งครึมนี้ไม่มีแววหยอกล้อเหมือนที่มองสวี่ชิงก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่มีความเคารพนับถือที่เข้มข้นขึ้น เผยประกายแสงที่แรงกล้าออกมา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท