ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 800 กลืนมัน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 800 กลืนมัน

นี่มันเหมือนกับการรับประทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งยังเป็นงานเลี้ยงอาหารในบ้านของใครสักคน ไม่ใช่ในร้านอาหารอีกต่างหาก รอจนญาติสนิทมิตรสหายมาสนุกรื่นเริง เด็กๆ หัวเราะร่า คนแก่ชื่นฉ่ำหัวใจ หลังจากนั้นทุกคนต่างแยกย้าย เหลือเพียงความระเกะระกะไปทั่วพื้น แล้วก็เอือมระอา…เมื่อต้องเผชิญกับการทำความสะอาดทั่วทั้งห้องและล้างจานไปพร้อมๆ กัน

ในแท่นบูชา ความเงียบสงบกลับมาในที่สุด

ความสงสัย ความอิจฉา การทรยศ การเลือกฝ่าย ความเชื่อใจ ปัจจัยทุกชนิดที่ทดสอบธรรมชาติของมนุษย์ ปะทะกันอย่างบ้าคลั่งในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมาการรวมตัวกลายเป็นกลุ่มควันโขมงลอยขึ้นและสลายไปอย่างช้าๆ

หากจะพูดให้ดูมีศิลปะหน่อย คุณสามารถเรียกว่าการระเหิด หากจะพูดตรงๆ หน่อย ก็สามารถเรียกว่าขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าไปแล้ว

ตามมาด้วยเสียงดัง ‘ตุ้บ’

อิงอิงคุกเข่าล้มลงกับพื้น เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย ปากก็พึมพำ “เถ้าแก่…”

แผ่นหลังของคนผู้นั้นถูกสายลมอย่างเขาไท่ซานฆ่ารัดคอทันที ส่วนที่เหลือกลายเป็นมรดกตกทอดที่เหลือไว้ให้อิงอิง

หากใช้คำพูดที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้น นี่เป็นของขวัญจากธรรมชาติที่มอบให้พวกมนุษย์

เด็กชายเดินถอยหลังไปสองสามก้าว เอนหลังพิงกำแพงและจับ ‘แมวการ์ฟิลด์’ ไว้ในมือ

เงาดำยังคงนิ่งงันอยู่ตรงนั้นไม่จากไปไหน โจวเจ๋อหันหลังไปมองเงาดำนั้น จัดการไปได้หนึ่งแล้ว ตรงนี้ยังเหลืออีกหนึ่ง แถมจุดประสงค์เดิมในการมาหรงเฉิงครั้งนี้ จริงๆ แล้วก็เพราะเขานี่แหละ

โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าเงาดำ ไม่พูดอะไร ไม่เคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น

“ทำไม จะมาโอ้อวดแสนยานุภาพหรือไง”

เงาดำตะโกนพูดก่อน

“นอนจำศีลมาก็ตั้งนานหลายปี สามารถออกมาสูดอากาศได้แล้วสินะ”

“ในที่สุดก็พบโอกาสที่จะกู้หน้าต่อหน้าข้า สามารถกู้หน้าคืนได้แล้วล่ะสิ”

“โมโหใช่ไหม เกลียดข้ามากล่ะสิ โกรธมากๆ เลยใช่ไหม”

“มาสิ เจ้ามาเลย เจ้าพูดมาเลย เจ้าพูดมาสิ เจ้ารีบพูดมาเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าเอ่ยพูดสิโว้ย เจ้าจะต้องเยาะเย้ยข้าแน่ๆ ไม่มีปัญหา เอาเลย!”

“เจ้าเร็วๆ เข้าสิ ให้ว่องไวหน่อย!”

โจวเจ๋อมองเงาดำตรงหน้าพลางขมวดคิ้วน้อยๆ จากนั้นเอ่ยพูดอย่างเชื่องช้า “ใคร…ทุบ…ตี…เจ้า…จน…กลาย…เป็น…เช่น…นี้…”

“…” เจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่ง

แท่นบูชากลับมาตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง คนที่กำลังพล่ามไม่หยุดก่อนหน้านี้ สงบนิ่งไปแล้ว

เด็กชายจับขาของแมวการ์ฟิลด์และสงบพลังปราณพิฆาตในร่างกายของตัวเองลง

ทนายอันยังคงหมดสติอยู่ข้างๆ ส่วนอิงอิงก็ยังนอนแผ่หลาและกำลังฟื้นพละกำลังอยู่บนพื้น

สายลมสีฟ้าพัดวนเวียนไปรอบๆ แท่นบูชา จากนั้นจมสู่ร่างของโจวเจ๋อ เฉกเช่นเดียวกับชายชรากลับถึงบ้านหลังจากออกไปเดินเล่นมา

เพราะว่าไม่มีใครรบกวน ความเงียบจึงดำเนินต่อไปอยู่นานพอสมควร มันกินเวลานานเสียจนรู้สึกว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป ดูเหมือนจะไร้เหตุผลไปหน่อย และในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวจนต้องทำลายความเงียบลง

มันก็คล้ายกับคู่รักหนุ่มสาวย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันครั้งแรก คนที่ทำงานบ้านและทำความสะอาดบ้านไม่ใช่คนที่ขยัน เพียงแต่พ่ายแพ้ในการประชันความอดทนต่อสภาพแวดล้อมสกปรกและไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับอีกคนหนึ่งต่างหาก

“เฮ้อ…” เงาดำถอนหายใจยาว แม้ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวท่าทางนี้ได้ แต่กลับแสดงท่าทีเช่นนี้ออกไป “เจ้าคิดว่าเป็นใครได้อีกล่ะ ข้าแค่อยากจะดูว่า คนกลุ่มนั้นที่ทำร้ายเจ้าจนตายในตอนแรกนั้นแข็งแกร่งสักแค่ไหน ใช่ไหมล่ะ ในช่วงรุ่งโรจน์สุดๆ ทำร้ายเจ้าจนกลายเป็นเช่นนี้ได้ หากข้าสามารถทำลายพวกมันได้ มันจะทำให้ข้าดูแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ จากนั้นหลังจากที่เจ้ารู้จะโมโหจนแทบบ้าเลยหรือเปล่า จะคอยถามเจ้าว่าโมโหหรือไม่ โกรธหรือไม่ แค้นหรือไม่

แต่น่าเสียดายนัก คนพวกนั้นมันไร้ยางอายเกินไป แต่ว่าข้าก็ไม่ได้ขายหน้า ดูเหมือนยังฆ่าทิ้งไปอีกหนึ่ง ทำให้พิการไปอีกหลายคน จากนั้นข้าก็พบว่าถูกพวกมันทำร้ายจนกลายเป็นสภาพเช่นนี้ เฮ้อ พริบตาเดียวก็ผ่านไปนับพันปีเสียแล้ว”

โจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปทางทางเดินแล้วพูด “เจ้า…ไป…เสีย…เถอะ…”

เงาดำยังไม่จากไปและถามติดตลกเล็กน้อย “เจ้ายอมปล่อยข้าไปจริงๆ หรือ”

โจวเจ๋อไม่พูดอะไร ถือเป็นการยอมรับกลายๆ

“ได้ เช่นนั้นข้าไปจริงๆ แล้ว เจ้าอย่านึกเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

“…” เงาดำ

เงาดำไม่ไปแล้ว หยุดอยู่กับที่ต่อ สามสิบลบหายใจ จะหนีไปได้อย่างไร

รอ ‘พลิกเมฆา’ หรือ

นัยน์ตาของโจวเจ๋อฉายแววล้ำลึก เขาเคยบอกว่าจะให้เกียรติและความอิสระแก่มัน แต่มันกลับไม่เชื่อ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว

“นี่ หรือว่าเจ้าจะกลืนข้าลงไปเลยง่ายดี ไม่ได้ๆ เรามาประนีประนอมกันหน่อยดีหรือไม่ ให้เจ้าของร่างนี้ ให้เจ้าสุนัขรุ่นหลังข้าคนนี้กลืนข้าแทนได้ไหม ข้ากับเขาก็นับว่าเกิดมาจากต้นตอเดียวกัน เป็นเนื้อเปื่อยอยู่ในหม้อเดียวกัน ผลประโยชน์ไม่ตกถึงคนนอกหรอก”

โจวเจ๋อปิดเปลือกตา

“ตอนนี้ต่อให้เจ้าจะกลืนกินข้า ถ้าหากข้าต่อต้านละก็ เจ้าจะกลืนได้สักเท่าไรกันเชียว ห้าส่วนหรือว่าสามส่วน ข้าจะเริ่มทำลายจิตสำนึกของตัวเองเองก่อนแล้วให้เขากลืน เขาสามารถสืบทอดประสบการณ์การต่อสู้ของข้าและวิชาที่ข้าสร้างขึ้นอย่างช้าๆ ได้ เป็นอย่างไร เมื่อครู่พวกเจ้ายังทำให้ซาบซึ้งอยู่เลยไม่ใช่หรือ คนหนึ่งยินดีสังหารองค์หญิงที่เป็นเจ้านายในตอนแรกแทนเขา อีกคนหนึ่งยอมให้จับโดยไม่ต่อสู้ทั้งไม่ระเบิดทำลายเขาไท่ซานและจะตายไปพร้อมกับเจ้า ให้ตายสิ ข้าดูจนกือบจะน้ำตาซึมอยู่รอมร่อ! ตอนนี้เล่า สร้างความเร้าใจกันต่อไปสิ! เจ้ากล้าหรือเปล่า”

เงาดำหมุนตัวกลับและตะโกนโหวกเหวกต่อไป “นี่ เจ้านึกว่าเขาฉลาดกว่าข้าและเชื่อใจเจ้ามากกว่าข้าอย่างนั้นหรือ”

“หึๆ ข้าไม่เชื่อ อ้อไม่สิ ข้าอาจจะรู้สึกว่าเขาฉลาดกว่าข้า แต่ไม่มีทางเชื่อใจเจ้าไปมากกว่าข้าเด็ดขาด!”

“เจ้ารู้ไหม เจ้านึกว่าเจ้าลึกลับซับซ้อนมาก เจ้านึกว่าเจ้าเก่งกาจมาก เจ้านึกว่าเจ้าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ความจริง คนอื่นเขามองเจ้าออกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว! เขาเข้าใจเจ้ามากกว่าข้า และเขาก็กล้าเดิมพันมากกว่าข้าอีกด้วย!”

โจวเจ๋อลืมตาขึ้นพลางมองเงาดำตรงหน้า มุมปากยกยิ้มและเอ่ยขึ้น “บ่างช่างยุ”

“หึ ข้าไม่ใช่บ่าง…” เงาดำตะลึงงัน จากนั้นได้สติกลับมาทันที พลางชี้ไปทางโจวเจ๋อ “พอเขาหลับใหลไปแล้ว เจ้าก็โผล่ออกมาสินะ” เพราะว่าการพูดการจาไม่ติดอ่างแล้ว

โจวเจ๋อพยักหน้า และลูบคลำกระเป๋ากางเกง ให้ตายสิ เสื้อผ้าขาดวิ่นเป็นริ้วๆ บุหรี่ไม่เหลือแล้ว จึงเดินไปหาทนายอันที่นอนหมดสติอยู่ข้างๆ แล้วหยิบบุหรี่หนึ่งซองขึ้นมาจากกระเป๋าของเขาดื้อๆ จากนั้นก็พลิกตัวให้ทนายอัน เพื่อช่วยไม่ให้แขนที่เขาหนุนอยู่รู้สึกชา

‘แป๊ก!’

หลังจากจุดบุหรี่แล้ว โจวเจ๋อมองเงาดำแล้วเอ่ยว่า “ตอนที่คุณบอกให้ผมกลืน เขาก็ถอยออกไปแล้วทิ้งสถานการณ์ไว้ให้ผม คุณลองวิ่งหนีตอนนี้ดูสิ กาแฟของผมไม่ยาวเท่าเขาขนาดนั้น เดาว่าคงจับคุณไม่ได้”

“เหอะ…” จู่ๆ เงาดำก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนลูกโป่งที่ถูกคนทิ่มแตก ลมทั้งรั่วและแฟบอีกต่างหาก

“คุณมีเวลาให้คิดเท่ากับบุหรี่หนึ่งมวน” โจวเจ๋อชูนิ้วที่คีบบุหรี่ของตัวเอง และจับมันขึ้นมาสูบแรงๆ ไปหลายรอบ

อืม เหลือเวลาแค่บุหรี่เพียงครึ่งมวนเท่านั้นแล้ว

“เถ้าแก่…”

เวลานี้ โจวเจ๋อได้ยินเสียงของอิงอิงที่อยู่ด้านหลัง เขารีบหันกลับไปและช่วยพยุงอิงอิงขึ้นมาทันที พื้นเย็นเฉียบ ต่อให้อิงอิงไม่กลัวหนาว แต่พื้นมันแข็งเกินไป นอนอยู่ตรงนี้จะต้องไม่สบายตัวอย่างแน่นอน

“…” ทนายอันที่หมดสติอยู่ข้างๆ

“เถ้าแก่…” อิงอิงซุกตัวในอ้อมแขนของโจวเจ๋อ และแหงนหน้าขึ้นมองคางของโจวเจ๋อ สายตาเป็นกังวล เอาแต่มองอยู่อย่างนั้น เพราะกลัวว่าโจวเจ๋อจะจากไป

โจวเจ๋อยื่นมือไปถูจมูกอิงอิงและเอ่ยปลอบ “ไม่เป็นไรนะ จบสิ้นหมดแล้ว จบแล้ว มันจบแล้ว”

“อื้อ” อิงอิงซุกศีรษะในอ้อมแขนของโจวเจ๋ออีกครั้ง แต่ไม่นานนักก็เงยหน้าขึ้นมาอีก ดูเหมือนว่ากลัวโจวเจ๋อจะลืมจึงชี้ไปที่นิ้วโจวเจ๋อและบอกว่า “เถ้าแก่ บุหรี่มอดแล้วเจ้าค่ะ”

ใช่แล้ว บุหรี่มอดแล้ว

เถ้าแก่ ได้เวลากินข้าวแล้ว!

โจวเจ๋อทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้น หันไปด้านข้างและมองไปยังเงาดำที่อยู่ข้างหน้า

“ข้าอยากจะฟังคำพูดจากใจจริงๆ ของเจ้ามากกว่า เมื่อครู่นี้ทำไมเจ้าไม่ระเบิดทำลายเขาไท่ซาน” เงาดำลอยมาอยู่ด้านหน้าโจวเจ๋อ

“มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร” โจวเจ๋อย้อนถาม

“มีสิ อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีอีกหนึ่งทางเลือก นั่นก็คือให้เจ้ากลืน หรือให้เขาเขมือบ”

แม้มีอิสระมากมายก็ยังถูกละเมิดสิทธิ์ได้ ให้คุณเลือกว่าจะตายอย่างไร เลือกว่าคุณอยากจะเป็นมื้ออาหารของใคร

โจวเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงบอกคำตอบของตัวเองออกไป “อาจเป็นเพราะผมแตกต่างจากคุณ ผมไม่มีความทะเยอทะยาน และผมไม่เคยคิดที่จะตอบโต้นรกหรืออะไรก็ตาม สิ่งที่ผมอยากทำคือตื่นมาในทุกๆ วันสามารถนอนบนโซฟา อาบแดด ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ

ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเงิน อาจจะว่างสุดๆ ไม่มีอะไรทำ ได้เป็นตัวของตัวเอง เกลียดทุกอย่างที่เหนื่อยและลำบาก ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะได้ทำเรื่องอะไรต่อมิอะไรมาเยอะ

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับ…

ขึ้นอยู่กับ

ขึ้นอยู่กับความสามารถในปัจจุบันของผม ไม่มีทางที่จะรับประกันและปกป้องให้ผมใช้ชีวิตแบบที่เคยมีต่อไปได้ก็เท่านั้น

เป็นวีรบุรุษมันเหนื่อยเกินไป เป็นจ้าวยุทธจักรมันหนักหนาเหลือเกิน เป็นคนดีอะไรเทือกนั้นก็ยิ่งน่ารำคาญมากขึ้นไปอีก ชาติก่อนใช้ชีวิตลำบากและเหนื่อยเหลือทน กระทั่งวินาทีที่ตายเพราะถูกรถชน ผมถึงได้รู้สึกว่าใช้ชีวิตได้ขาดทุนเหลือเกิน

ตอนนี้ผมมีบ้าน และมีบ้านหลายหลังด้วย อืม แม้ว่าจะเป็นของสาวใช้ที่บ้านของผมทั้งหมดก็ตาม

ผมกำจัดทุกอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจออกไป เพราะทุกคนมุ่งมั่นอยากประสบความสำเร็จ แต่ถ้าทุกคนล้วนประสบความสำเร็จ ก็จะไม่มีใครประสบความสำเร็จแล้ว

บางที ในสายตาของใครหลายๆ คนแล้ว ชีวิตที่คนอย่างผมใฝ่ฝันอาจดูไร้อนาคตเอามากๆ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ ผมรู้สึกสบายใจที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ตัวผมเองพอใจมาก และผมก็รู้สึกว่าแค่นั้นพอแล้ว

ก่อนหน้านี้ จริงๆ ผมก็อยากจะระเบิดเขาไท่ซาน แต่พอคิดๆ ดูก็ไม่มีความจำเป็นนั้นอีกแล้ว ขี้เกียจยุ่งให้ปวดหัวอีก” โจวเจ๋อพูดจบแล้ว ทั้งยังเสริมเพิ่มอีกหน่อยว่า “ก็น่าจะประมาณนั้นแหละ”

หลังจากได้ยินคำพูดว่า ‘ไร้อนาคตมาก’ เหล่านี้ออกมา เงาดำก็เงียบไป จู่ๆ เขาก็นึกถึงคนผู้นั้นขึ้นมา หลังจากฆ่าชือโหยวไปแล้ว มันใช่ความรู้สึกเดียวกับหลังจากโดนรถชนตายเมื่อชาติก่อนที่เจ้าคนตรงหน้านี้พูดหรือไม่

เหนื่อยแล้วหรือ เหนื่อยล้ากันหมดแล้วหรือ…

ไกลออกไป

‘แมวการ์ฟิลด์’ ได้ยินคำพูดนี้จึงร้อง “จี๊ดๆ” สองที

‘เพียะ!’

เด็กชายตบหัวฮวาหูเตียวหนึ่งฉาดแล้วต่อว่ามัน

“เจ้าก็มีสิทธิ์เรียกเขาว่าปลาเค็มด้วยหรือ”

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท