คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 747 เจ้าเป็นคนหนุนหลังที่คนผู้นั้นเชิญมาหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 747 เจ้าเป็นคนหนุนหลังที่คนผู้นั้นเชิญมาหรือ

จะเป็นอย่างไรถ้ามีวิญญาณโครงกระดูกหลายหมื่นโจมตีไปที่ตัวเองพร้อมๆ กัน ฉินหลิวซีรู้สึกว่าหนวกหูมาก

“อื้อ” มีเสียงครวญครางดังมาจากด้านหลัง วั่งชวนตื่นแล้ว

ฉินหลิวซีหันศีรษะเล็กน้อย เอ่ยว่า “กลัวก็ไม่ต้องลืมตา”

วั่งชวนหลับตาสนิท แต่นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงลืมตาอีกครั้ง เห็นกระโหลกศีรษะอ้าปาก ทำเอาใบหน้าเล็กตกใจสีหน้าซีด แต่นางยังคงถอดกำไลข้อมือของตัวเอง ร่ายอาคม ทันใดนั้นกำไลข้อมือกลายเป็นวงกลม เผยให้เห็นหนามอันแหลมคม

นางจับกำไลข้อมือไว้แน่น ฟันอย่างแรงไปที่กะโหลกที่ลอยมา เกล็ดที่เดิมทีทั้งแข็งและมีสีทองที่เป็นพลังความเป็นมงคลได้ฟันวิญญาณหัวกะโหลกนั้นจนวิญญาณแตกสลายในทันที แสงสีทองนั้นสว่างขึ้นมาทำให้ผีที่อยู่รอบๆ กรีดร้องอย่างอนาถ

ฉินหลิวซีเผยให้เห็นรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ดึงกำไลหินเก้าตาเป่ยหมิงออกมา กำจัดพลังที่บดบังอยู่ออกไป ก่อนจะโยนขึ้น แล้วท่องคาถาทันที “มหาเทพเป่ยยิน แสงสีทองอันเจิดจ้า จักรวาลสั่นสะเทือน สังหารวิญญาณร้าย”

หินเก้าตาแผ่กระจายพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้วิญญาณโครงกระดูกนับหมื่นที่หนีไม่ทัน กรีดร้องแล้ววิญญาณดับสลายไป

มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ผีนับหมื่นกลายเป็นมด

ตุบๆ

ผีนับหมื่นแตกกระจาย กะโหลกศีรษะหล่นลงพื้น แยกเป็นสองซีกในทันที

นักพรตยินซานประหลาดใจเป็นอย่างมาก เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร นั่นมันเครื่องรางอะไรกัน จึงได้มีพลังเช่นนี้

หากจะโทษก็ต้องโทษที่เขาไม่รู้จักผู้ปกครองในยมโลก แม้แต่กำไลหินเก้าตาที่เทพเฟิงตูสวมอยู่เป็นประจำก็ยังไม่รู้จัก มิเช่นนั้นไหนเลยเขาจะกล้าเผชิญกับฉินหลิวซีแบบซึ่งๆ หน้า คงหาโอกาสหลบหนีไปนานแล้ว

เมื่อเห็นว่าผีร้ายนับหมื่นของตัวเองถูกฉินหลิวซีจัดการจนแตกสลาย นักพรตยินซานก็หยิบธงคำสั่งออกมา สบถอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “ดีมาก ข้าประเมินเจ้าต่ำไป ดังนั้นจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงวิชาบรรพบุรุษราชาผีอันเก่งกาจของสำนักยินซานของข้า

เขาโยนธงคำสั่งออกไป มือทั้งสองข้างร่ายคาถา ปากที่ไว้หนวดยาวท่องคาถา ทันในนั้นก็มีลมกระโชกแรง

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม บรรพบุรุษราชาผีอะไรกัน ก็แค่การอัญเชิญผีห้าตนไม่ใช่หรือ

นางก็อยากจะเห็นว่าคนผู้นี้จะเรียกผีห้าตนแบบไหนออกมา

“…ข้าปฏิบัติตามคำสั่งของบรรพบุรุษยินซาน ผีทหารศักดิ์สิทธิ์จงมา”

นักพรตยินซานกล่าวเสียงดุดัน มียันต์หนึ่งแผ่นลอยขึ้นจากมือของเขา

หลังจากนั้นในทันที ลมหยินในค่ายอาคมแปดเหลี่ยมก็หมุนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเรียกผีใหญ่ที่เก่งกาจมา

ใบหน้าผีที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากปรากฏขึ้นต่อหน้าฉินหลิวซี เอ่ยถามด้วยความโกรธว่า “ใครเรียกข้ามา มีเรื่องสำคัญอันใด”

นักพรตยินซานดีใจเป็นอย่างมาก เหตุใดวันนี้จึงโชคดีเช่นนี้ สามารถเชิญราชาผีเป่ยฟางมาได้

“นายท่าน ศิษย์สำนักยินซานนามว่ายินซานต้องการขอความช่วยเหลือจากนายท่านเพื่อจัดการสถานการณ์” นักพรตยินซานก้าวไปข้างหน้า เหลือบมองฉินหลิวซีอย่างเหนือกว่าพลางเอ่ย “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ข้าเห็นว่าเจ้ายังเล็ก จะไม่ถือสาเอาความกับเจ้า วางเด็กผู้หญิงคนนั้นลงแล้วรีบไปซะ มิเช่นนั้นอย่าโทษที่ผู้ใหญ่อย่างข้ารังแกเด็ก”

“หากข้าไม่ยอมล่ะ!”

เอ๋ น้ำเสียงนี้มัน?

ควงซานหันไปตามเสียง กลับเห็นนายท่านอย่างฉินหลิวซียืนอยู่ใต้เงามืดมุมกำแพง ตกใจจนดึงเคราขาดหนึ่งเส้น

เดี๋ยวนะ นายท่านน้อยก็ไม่ใช่ผีเสียหน่อย ไปหลบอยู่ในเงามืดทำอะไร กลัวแดดจะเผาใบหน้าขาวๆ ของท่านจนดำหรือ

“หากเจ้าไม่ยอม เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าอัญเชิญผีมาเล่า” นักพรตยินซานเอ่ยอย่างเสแสร้งเศร้าใจ เตาหลอมนั้นเขาต้องการมันอย่างแน่นอน

ฉินหลิวซีหัวเราะ “อ้อ ที่เชิญมาคือผีที่อยู่ข้างหลังเจ้าหรือ” นางมองไปยังควงซาน “นี่ ผีตนนั้น เจ้าคือคนหนุนหลังที่ได้รับอัญเชิญจากนักพรตมารผู้โหดเหี้ยมชั่วร้ายหรือ”

นักพรตยินซานแสยะยิ้ม อวดดีเข้าไป เย่อหยิ่งเข้าไปเถิด เดี๋ยวอีกสักครู่เจ้าจะได้ร้องไห้ ข้าจะฝืนใจช่วยเก็บศพให้เจ้าก็แล้วกัน!

เขามองดูควงซานเดินไปหาฉินหลิวซี สายตาเย็นชาไปถึงกระดูกแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม เอาล่ะ ปากร้ายเล็กๆ ของนางกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว

ริมฝีปากอันชั่วร้ายของนักพรตยินซานยกขึ้น ในสายตากลับไม่มีร่องรอยของความเห็นใจหรือความสงสารแม้แต่นิด

“เดินช้าอะไรขนาดนั้น ทำไมหรือ อนุที่พึ่งรับมาเมื่อคืนทำเจ้าหมดแรงหรือ” ฉินหลิวซีสบถพลางมองไปยังควงซาน

นี่มันคำขู่แบบใดกัน

ควงซานชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วลอยไปหาอย่างรวดเร็ว “ดูท่านกล่าวเข้าเถิด ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน ก็เลยตื่นเต้นไปชั่วขณะเท่านั้น”

รอยยิ้มของนักพรตยินซานค้างอยู่ที่มุมปาก คำทักทายเช่นนี้ นี่มันอะไรกัน

ทั้งสองคนรู้จักกันหรือ

“ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้น เรามาคุยกันว่าเจ้าคือคนหนุนหลังที่หมอนั่นเชิญมาหรือ” ฉินหลิวซียิ้มใบหน้านิ่ง

ควงซานรีบโบกมือ “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเป็นใครกัน ไหนเลยจะฟังคำสั่งนักพรตกระจอกๆ เพียงแค่ผ่านมากะทันหัน หูฝาดก็เลยเดินผิดทาง ท่านเชื่อหรือไม่”

นักพรตยินซาน “!”

หูฝาดก็เลยเดินผิดทาง?

เจ้ามีข้อแก้ตัวที่เชื่อถือได้สักหน่อยหรือไม่

ฉินหลิวซีกลับเอ่ย “ข้าไม่เชื่อ เว้นเสียแต่เจ้าจะตีเขา”

ควงซานหันหลังกลับทันที เมื่อเงื้อมือขึ้นก็ฟาดไปที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง เพียะ

พลังของราชาผีนั้นทรงพลังและรุนแรงเป็นอย่างมาก ทันทีที่ตบลงไป ด้วยความที่นักพรตยินซานไม่ได้ป้องกันล่วงหน้าแม้แต่น้อยจึงถูกตบจนคอเอียง มึนหัวไปหมด ดวงตาเห็นดาวนับไม่ถ้วน

ข้าอยู่ที่ไหน ข้ากำลังทำอะไร

อ้อ ราชาผีเวรที่ข้าอัญเชิญมาตบข้า!

นี่มันไร้เหตุผลจริงๆ เปิดประตูให้คนไร้เหตุผล คนไร้เหตุผลเข้ามาถึงบ้าน!

ควงซานมองไปยังฉินหลิวซี “ท่านคิดว่ามุมนี้ใช้ได้หรือไม่ หากใช้ไม่ได้ข้าจะตบเขาอีกครั้ง”

นักพรตยินซาน “…”

เขาลูบกระดาษปีศาจที่อยู่ในแขนเสื้อ อยากจะปล่อยพวกมันออกมา เผื่อว่าจะพังพินาศไปด้วยกันได้หรือไม่ หรืออาจจะสามารถหนีไปได้

เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาไม่อยากยอมรับก็คงไม่ได้แล้ว ราชาผีเป่ยฟางรู้จักกับเด็กคนนั้น ไม่เพียงแต่รู้จัก ซ้ำยังมีท่าทางเลียแข้งเลียขา เห็นได้ชัดว่าถูกฝึกจนเชื่องแล้ว!

สองต่อหนึ่ง ซ้ำยังอยู่ในสถานการณ์ที่กระดูกคอหัก เขาย่อมสู้ไม่ได้

ไม่อย่างนั้นก็หนีไปเถิด ตราบใดที่ยังมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง

เมื่อกลับไปที่ยินซานก็กลายเป็นวีรบุรุษอีกครั้ง

นักพรตยินซานเรียนรู้จากประสบการณ์อันเจ็บปวด อาศัยจังหวะที่ราชาผีกับฉินหลิวซีกำลังสนทนากัน แอบติดยันต์พรางกายบนร่างของตัวเอง

ศูนย์กลางค่ายอาคม ศูนย์กลางค่ายอาคมอยู่ไหน

เพียะ

กำไลหินเก้าตาฟาดลงบนตัวของเขา

ยันต์หมดประสิทธิภาพ นักพรตยินซานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กลิ้งไปมาบนพื้น

“ใช้ยันต์พรางกายต่อหน้าข้า ทำไมหรือ สู้ไม่ได้จึงคิดหนี เจ้าถามข้าหรือยัง” ฉินหลิวซีฟาดหินเก้าตาออกไปอีกครั้ง “ตอนที่จับลูกศิษย์ข้า เจ้าได้ทำนายหรือไม่ว่าเป็นสัญญาณของหายนะครั้งใหญ่หรือไม่”

ในเวลานี้วั่งชวนได้ยื่นนิ้วชี้มาตรงหน้านาง เอ่ย “อาจารย์ ข้าเจ็บนิ้ว”

ฉินหลิวซีมองดู ปลายนิ้วเป็นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจ นางมองไปยังงูหยินที่เหี่ยวแห้งอยู่บนพื้นทันที มีไฟลุกในดวงตา ดีดกลุ่มไฟเล็กๆ ไป

ซู่

กลิ่นเนื้อย่างแพร่กระจายในทันที แล้วเปลี่ยนเป็นกลิ่นไหม้

ควงซานถอยหลังสองสามก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้นาง

ล้อเล่นหรืออย่างไร นายท่านน้อยปกป้องคนของตัวเอง หากเข้าไปใกล้จะไม่กลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายหรือ

นักพรตยินซานมองดูงูเลี่ยนที่อยู่เคียงข้างตัวเองมาหลายปีถูกเผา รู้สึกเจ็บปวดใจ กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

ฉินหลิวซีวางวั่งชวนลง เดินไปอยู่ตรงหน้าเขา เท้าเหยียบลงไปบนมือของเขา เมื่อเห็นเล็บสีดำอันแหลมคมของเขา สีหน้าเย็นชา ยกกระบี่เหรียญทองแดงขึ้นฟันลงไปที่มือนั้น

นักพรตยินซานกรีดร้องอย่างน่าสังเวช

“เอาเลือดของลูกศิษย์ข้าไป แค่ตัดมือเจ้าก็พอแล้วหรือ” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม หยิบเข็มเงินออกมาสองสามเล่ม เอ่ยว่า “เจ้าใช้วิชาลักเด็กอันชั่วร้าย คิดว่าเก่งกาจมากเช่นนั้นหรือ ข้าจะทำให้ในหัวของเจ้ามีวิชาอันชั่วร้ายนับหมื่น แต่พูดออกมาไม่ได้ ทำก็ไม่ได้”

นักพรตยินซานคิดจะหนีตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกเข็มของนางผนึกจุดฝังเข็มไว้ก่อน ทันใดนั้นเข็มหลายเล่มก็ฝังลงไปในจุดฝังเข็มที่สำคัญ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างในสมองกำลังแตกสลาย ไม่สามารถก่อตัวได้อีก

นักพรตยินซานตกใจเป็นอย่างมาก สายตาที่จ้องมองฉินหลิวซีเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท