ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 524 เลือดเย็น

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 524 เลือดเย็น

กวาดล้างคนชั่วข้างกายองค์จักรพรรดิ

ทันทีที่ข่าวลือแพร่ออกไป ทุกฝ่ายก็ราวกับแมวที่ขโมยกินปลา ต่างพากันอ้างตนว่า ‘กำจัดนักพรตปีศาจ ใช้ความตายกวาดล้างคนชั่วข้างกายองค์จักรพรรดิ’

เจ้าเมืองเหล่านั้นที่ยังเฝ้าดูเหตุการณ์พากันถลกแขนเสื้อ บางคนร่วมมือกับเจ้าเมืองแคว้นอื่น บางคนก็แยกตนเป็นอิสระ

ราชสำนักเริ่มขาดแคลนกำลังคน แทบจะหาแม่ทัพใหญ่มารับผิดชอบไม่ได้ การเกณฑ์ทหารอาสาก็ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

ฝ่ายใต้มีสถานการณ์เช่นนี้ จิ้งเป่ยอ๋องนำกองกำลังบุกตรงเข้าไป ทำลายเมืองเยี่ยน รุกเข้าใกล้เมืองหลวง

กลุ่มทหารกบฏเข้ามาประชิด จักรพรรดิหย่งอันทรงร้อนพระทัยและยุ่งจนหัวหมุน หลังคารั่วฝนก็ไม่หยุดตก ยังเกิดกบฏในเมืองอีก

องครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งชักดาบตัดศีรษะของหลี่จิ้งผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินและนำองครักษ์จิ่นหลินกลุ่มใหญ่มาล้อมจวนองค์หญิงไว้ ขอร้องให้ฝ่าบาทถอนราชโองการสังหารสตรีในเมืองหลวงและลงโทษองค์หญิงฉางเล่อสถานหนัก

ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่นั่งเก้าอี้ยังไม่ทันร้อน ศีรษะก็หลุดจากบ่าไปแล้ว

จักรพรรดิหย่งอันทรงเดินเอามือไพล่หลังไปมาในตำหนัก พระพักตร์ถูกปกคลุมด้วยความมืดมน

ลั่วฉือ ผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคนก่อนก่อกบฏ หลี่จิ้งผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่ถูกสังหาร องครักษ์จิ่นหลินถูกสาปหรืออย่างไร

ทว่าเหลยหมิงผู้ดูแลสามค่ายใหญ่กำลังสู้รบกับลั่วฉือ น้ำไกลมิอาจดับไฟใกล้ได้ มิหนำซ้ำข้างนอกยังมีกองกำลังของจิ้งเป่ยอ๋องจ้องตาเป็นมัน หากองครักษ์จิ่นหลินโกลาหล เช่นนั้นพระราชวังก็ต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว

สิ่งที่ทำให้จักรพรรดิหย่งอันเศร้าพระทัยคือ บัดนี้ไม่สามารถหาผู้ที่เหมาะสมจะมาปราบปรามองครักษ์จิ่นหลินได้เลยสักคน

“ฝ่าบาท นี่คือจดหมายจากทางบูรพาทิศพ่ะย่ะค่ะ” โจวซานรับจดหมายมาจากขันที ถวายให้จักรพรรดิหย่งอัน

จักรพรรดิหย่งอันทรงรับมาอ่าน สีพระพักตร์ที่เคร่งขรึมผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ไคหยางอ๋องจะกลับมาถึงแล้ว”

ทันทีที่โจวซานได้ยินก็รีบพูดว่า “ยินดีกับฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

จักรพรรดิหย่งอันมิได้ตรัสสิ่งใด

ปฏิกิริยาแรกที่พระองค์ทรงเห็นจดหมายว่าไคหยางอ๋องใกล้จะมาถึงก็โล่งพระทัยจริงๆ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของราชครูก็อดกังวลพระทัยไม่ได้

ดาวเทพขุนพลเปลี่ยน…

ทว่าบัดนี้ปัญหามากมายถาโถม หากไม่ใช้ไคหยางอ๋อง รังแต่จะแย่ยิ่งกว่าเดิม

จักรพรรดิหย่งอันทรงไตร่ตรองอยู่นานก่อนจะสั่งโจวซานว่า “ถ่ายทอดราชโองการแก่ไคหยางอ๋อง ให้เขาระดมกองกำลังรักษาการณ์ประจำตอนเหนือบางส่วนมากวาดล้างกบฏจิ้งเป่ยอ๋อง”

โจวซานรีบขานตอบและถามถึงองครักษ์จิ่นหลินที่กำลังก่อความวุ่นวายอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท องครักษ์จิ่นหลิน…”

เมื่อจักรพรรดิหย่งอันทรงคิดถึงองครักษ์จิ่นหลินที่ไร้การควบคุมก็โกรธกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาชำระบัญชี

พระองค์หลับพระเนตรลงนวดระหว่างพระขนงเบาๆ เมื่อลืมพระเนตรขึ้นอีกครั้ง พระเนตรก็มีเพียงความเยือกเย็น “ถ่ายทอดราชโองการ ประทานแพรขาวสามฉื่อแก่องค์หญิงฉางเล่อ เพื่อปลอบประโลมทหารและประชาชน…”

“ฝ่าบาท…” โจวซานอุทาน คิดว่าตนเองฟังผิดไป

จักรพรรดิหย่งอันทรงทอดพระเนตรมองเขาอย่างเยือกเย็น “ทำไมรึ”

โจวซานใจสั่น รีบก้มศีรษะน้อมรับพระบัญชา

“ไปจัดการเถิด สองเรื่องนี้ห้ามชักช้าเด็ดขาด” จักรพรรดิหย่งอันหันหลัง เดินเอามือไพล่หลังไปตรงข้างหน้าต่าง

ดอกท้อนอกตำหนักร่วงแล้ว ต้นหญ้าและต้นไม้เขียวชอุ่ม

จักรพรรดิเลือดเย็นท่านนี้อดถอนหายใจไม่ได้

การให้ไคหยางอ๋องนำกองกำลังมาเมืองหลวงมิใช่ความประสงค์ของเขา การประทานความตายแก่บุตรีก็มิใช่ความประสงค์ของเขาเช่นกัน ทว่าพระองค์จำเป็นต้องทำเช่นนี้

เช่นเดียวกับเมื่อครั้นรับเลี้ยงเว่ยเชียง ผิงหนานอ๋องซื่อจื่อเป็นรัชทายาท มีเรื่องสมดังใจต้องการมากมายเช่นนั้นที่ไหนกัน

จักรพรรดิหย่งอันฝีเท้าหนักอึ้ง พระองค์ทรงเดินไปหาเซียวกุ้ยเฟย

ราชโองการลับถูกส่งออกไปให้ไคหยางอ๋องอย่างรวดเร็ว

การเคลื่อนทัพไปทางประจิมทิศของไคหยางอ๋องย่อมมิอาจปิดบังราชสำนักได้ ไม่นานเขาก็ได้รับราชโองการลับจากองครักษ์ฝีมือดีสองนาย

นอกจากราชโองการแล้ว ยังมีตราอาญาสิทธิ์ทางทหาร

เมื่ออ่านราชโองการลับเสร็จ เขาก็พยักหน้าให้องครักษ์สองนาย “ข้ารู้แล้ว ทั้งสองกลับไปทูลรายงานเถิด”

มองส่งองครักษ์สองนายขี่ม้าจากไป เว่ยหานก็ก้มหน้ามองตราอาญาสิทธิ์ทางทหารในมือ

ตราอาญาสิทธิ์นี้ถูกเรียกคืนกลับไปนานมากแล้ว การสั่งสือหั่วไปยังทางเหนือเป็นการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์บางอย่าง สิ่งที่พึ่งมิใช่ตราอาญาสิทธิ์ที่สามารถระดมกำลังพล แต่คือเส้นสายและชื่อเสียงในกองทัพตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เขามีสิ่งนี้ย่อมมั่นใจว่าจะสามารถระดมกองกำลังทหารตอนเหนือได้ โดยเฉพาะในโลกแห่งความโกลาหลที่สั่นคลอนในยามนี้

คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล

“สือเหยียน”

“ขอรับ”

เว่ยหานยื่นตราอาญาสิทธิ์ทางทหารให้ “ไปรวมตัวกับพี่ชายเจ้า โยกย้ายกำลังทหารสองหมื่นนายและเร่งเดินทางไปยังเมืองหลวง”

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” สือเหยียนไม่ชักช้า เขาจากไปพร้อมกับตราอาญาสิทธิ์

เว่ยหานหันกลับไปมองทางใต้

กำจัดนักพรตปีศาจ กวาดล้างคนชั่วข้างกายองค์จักรพรรดิ เขาได้ยินเรื่องนี้มาตลอดทางที่ไปยังประจิมทิศ

เขายังได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วถูกบีบบังคับให้หนีออกจากเมืองหลวงเพื่อปกป้องบุตรสาว บัดนี้กลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของเมืองเหอหยาง

“นายท่าน” องครักษ์นายหนึ่งประชิดเข้ามา

เว่ยหานข่มอารมณ์มากมายไว้ภายในใจ พูดเสียงราบเรียบว่า “เดินทางต่อ”

ในเมืองหลวง หน้าประตูจวนองค์หญิงนอกจากจะถูกล้อมไปด้วยองครักษ์จิ่นหลินแล้ว ยังมีประชาชนมารวมตัวกันมากมาย

เห็นได้ว่าองครักษ์จิ่นหลินที่ช่วงนี้ถูกมองว่าเป็นฝันร้ายยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชนแล้ว ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งจวนองค์หญิง

“ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย”

องครักษ์จิ่นอู่กลุ่มหนึ่งขอทาง ขันทีจำนวนหนึ่งเดินออกมา ผู้นำคือโจวซาน

โจวซานเดินถือราชโองการมาถึงตรงหน้าองครักษ์จิ่นหลินที่เป็นแกนนำก่อเรื่อง ถามว่า “เจ้าเป็นผู้สังหารหลี่จิ้งผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินหรือ”

องครักษ์จิ่นหลินคนนั้นอดกำฝักดาบแน่นไม่ได้ ย้อนถามอย่างเคร่งเครียดว่า “ใช่แล้วอย่างไร”

เขาทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

แรกเริ่มสังหารสตรีอายุสิบเจ็ดที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด หลังจากนั้นขอเพียงเป็นสตรีอายุสิบเจ็ดล้วนสังหารหมด ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาสูญเสียน้องสาว มีบ้านแต่กลับไม่ได้

หลังจากนั้นก็เริ่มจับสตรีอายุสิบหกและสิบแปด สุดท้ายแม้แต่สตรีอายุสิบสี่ก็ถูกจับไปสังหาร

น้องสาวอีกคนหนึ่งของเขาอายุสิบสี่พอดี

ทว่าผู้ที่เริ่มเรื่องนี้คือเขาและสหายเหล่านั้นที่เขาคุ้นเคย

สิ่งนี้ทำให้เขาโทษตนเองและเสียใจยิ่งกว่าเดิม เขาถูกอารมณ์เหล่านี้กัดกร่อนจิตใจทุกนาที

น้องสาวคนหนึ่งทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วย หากเสียสละน้องสาวอีกคนจะทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายหรือ

เขายังเป็นคน ไม่ใช่ปีศาจ!

ตายเสียเถอะ ตายเสียให้หมดดีกว่า!

เมื่อครั้นเขาตัดศีรษะของผู้นำองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ปล่อยให้เลือดของอีกฝ่ายกระเซ็นใส่ร่างกาย สิ่งที่เขารู้สึกมีเพียงความสาสมใจ หลังจากนั้นเขาล้อมจวนองค์หญิงอย่างไร เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ทำได้ดี”

“อะไรนะ” องครักษ์จิ่นหลินชะงัก

โจวซานพูดเสียงดังว่า “ฝ่าบาทมิได้มีราชโองการให้สังหารเด็กสาวในเมืองหลวง หลี่จิ้งบิดเบือนความประสงค์ของฝ่าบาท อาศัยสถานะของเขาเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจเพื่อความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเขาเอง ส่วนท่านกำจัดขุนนางชั่วร้ายเป็นคุณูปการอันใหญ่หลวง ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้งท่านเป็นผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคนใหม่”

องครักษ์จิ่นหลินชะงักงัน

“รับราชโองการเถิด” โจวซานยิ้มบอก

องครักษ์จิ่นหลินราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ คุกเข่ารับราชโองการ

ประชาชนที่มามุงดูมองเรื่องราวด้วยความโมโหและหวาดกลัว

ตระกูลโอรสสวรรค์เห็นพวกเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไร แม้ฝ่าบาทจะทรงมิได้บอกให้สังหารสตรีทั้งหมดในเมืองหลวง แต่เป็นหลี่จิ้งขุนนางสุนัขนั่นทำเกินขอบเขต แต่การจับสตรีที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉินในตอนแรกนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!

อาจจะเป็นเพราะกองกำลังทหารจิ้งเป่ยที่มาจ่ออยู่หน้าเมืองหลวงทำให้ความคิดของประชาชนเปลี่ยนไป ในที่สุดก็มีคนพูดออกมา

ครานี้โจวซานจึงหยิบราชโองการอีกม้วนหนึ่งออกมาแล้วลอบถอนหายใจ

ฝ่าบาททรงคาดการณ์ได้ถูกต้อง หากต้องการสยบความโกรธแค้นของประชาชนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันตรายนี้ การประทานความตายให้องค์หญิงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท