บทที่ 1468 โลกที่มีแต่ความตาย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,468 โลกที่มีแต่ความตาย

หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าครั้งนี้ตนเองไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว

เขาตัดสินใจวางแผนในระยะยาว

ไม่ว่าอย่างไรหลินเป่ยเฉินก็จะต้องเอาชนะใจนักพรตหญิงชินให้ได้

เด็กหนุ่มเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็หันกลับไปมองหน้านักพรตหญิงชินและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ช่วยรับปากกับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

นักพรตหญิงชินตอบกลับเสียงเรียบ “เจ้าพลาดโอกาสนั้นไปแล้ว”

หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”

“งั้นเจ้าหมายถึงเรื่องใด?” นักพรตหญิงชินยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก ๆ ก่อนพูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “นักพรตหญิงชิน ท่านเป็นสตรีที่งดงามมากเกินไป ได้โปรดรับปากกับข้าว่านอกจากข้าแล้ว ท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษผู้ใดอีก… หากไม่ใช่ข้า ท่านจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตได้หรือไม่?”

กล่าวจบ หลินเป่ยเฉินก็หายตัวไปด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด

นักพรตหญิงชินยืนอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว มุมปากยกตัวคล้ายกับเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ

ครืน!

รถม้าทองคำพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้า

หุ่นยนต์หมายเลขหนึ่งนั่งประจำที่สารถีแทนอากวง

พวกอากวงยังคงประจำการอยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง

เพราะหลินเป่ยเฉินกังวลว่าเว่ยหมิงเฉินอาจจะส่งลูกสมุนบุกมาโจมตีอีก

แต่เหตุผลสำคัญก็คือครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังจะบุกเข้าไปในรังใหญ่ของกองทัพเทพอสูร ขั้นพลังความแข็งแกร่งของผู้ติดตามเขานั้นยังอ่อนด้อยมากเกินไป

ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงเลือกมาเพียงตัวคนเดียว

หุ่นยนต์หมายเลขหนึ่งซึ่งทำหน้าที่สารถีควบคุมรถม้าย่อมเป็นองครักษ์ในฝันของทุกคน มันมีพลังในการต่อสู้แข็งแกร่ง มีความรับผิดชอบสูง สามารถเผชิญหน้าสถานการณ์อันตรายได้โดยไม่กลัวตาย และไม่มีวันทรยศผู้เป็นเจ้านายอีกด้วย

หลินเป่ยเฉินกำลังผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากตั้งค่าเส้นทางในแอปไป่ตู้ แมปเสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มปล่อยวางทุกอย่าง

มือซ้ายของเขาถือถ้วยบรรจุไวน์อายุแปดสิบสองปี ส่วนมือขวาคีบบุหรี่นั่งไขว่ห้าง หูรับฟังบทเพลงที่เปิดจากแอป NetEase Cloud Music ดวงตาที่อยู่หลังแว่นกันแดดหลับพริ้มลง ส่ายศีรษะไปตามจังหวะของบทเพลง

หากมีคนมาเห็นภาพนี้เข้า ก็คงต้องคิดว่าอาการทางสมองของหลินเป่ยเฉินกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว

พื้นดินด้านล่างมีแต่รอยแตกร้าวและความเสียหาย

ภูเขาพังถล่ม

แม่น้ำทะเลสาบแห้งขอด

ต้นไม้ตายซาก

ผืนป่าถูกเผาไหม้

ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่คอยพรากลมหายใจของสิ่งมีชีวิตไป

นี่คือโลกที่ถูกทำลายล้างโดยสิ้นเชิง

เมืองใหญ่จำนวนมากล่มสลาย เปลวไฟเผาไหม้กำแพงเมืองและซากศพ แม้แต่หมาป่าหรือสัตว์กินซากก็ไม่สามารถพบเห็นได้ตามเมืองร้างเหล่านี้อีกแล้ว…

หลินเป่ยเฉินถอดแว่นกันแดดออกและสัมผัสได้ถึงมวลพลัง ‘ชั่วร้าย’ ในอากาศ

เขาชะโงกหน้ามองเมืองใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง

นี่คงจะเป็นมหานครของจักรวรรดิที่ไหนสักแห่ง ดูจากสภาพความเสียหายทั้งหมดนั่นแล้ว มหานครแห่งนี้มีขนาดใกล้เคียงกับจักรวรรดิเป่ยไห่มากทีเดียว

แต่บัดนี้มันกลับกลายเป็นเมืองร้างโดยสมบูรณ์

“หากไม่ได้เป็นเพราะคำสาป ก็ต้องเป็นเพราะค่ายอาคมบางชนิด ไม่งั้นคนคงไม่ตายเยอะขนาดนี้แน่ ๆ…”

รถม้าทองคำแล่นลงจอดบนกำแพงเมือง หลินเป่ยเฉินจึงสามารถสังเกตทุกอย่างได้โดยละเอียดมากขึ้น

แอปไป่ตู้ แมปแจ้งให้เขาทราบว่าสถานที่นี้คือเมืองกุ้ยหลงเซิง เป็นมหานครของจักรวรรดิกุ้ยหลง

จักรวรรดิกุ้ยหลงถูกจัดอันดับเป็นจักรวรรดิระดับหก มีความแข็งแกร่งมากกว่าจักรวรรดิเป่ยไห่มากมายหลายเท่า

แต่ความรุ่งเรืองได้ผ่านไปแล้ว

หลินเป่ยเฉินกวาดสายตามองดูรอบบริเวณ เห็นแต่เปลวไฟลุกไหม้ทุกหนทุกแห่งในตัวเมือง ไม่ต่างจากฉากมหันตภัยที่เคยเห็นในละครโทรทัศน์

และสิ่งที่น่าตกตะลึงมากที่สุดในมหานครแห่งนี้ก็คือ ยังคงมีร่างของผู้คนถูก ‘แช่แข็ง’ ในอิริยาบถต่าง ๆ

เป็นอิริยาบถที่เจ้าของร่างกำลังทำในชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต

มารดากำลังอุ้มเด็กชายวัยสามขวบอยู่ในอ้อมแขน ชายชราเครายาวยืนอยู่หลังแผงขายผลไม้ ในมือกำลังถือมีดเตรียมปอกผลไม้ให้แก่ลูกค้า หญิงสาวจำนวนมากบนชั้นสองของหอนางโลมกำลังยกผ้าเช็ดหน้าสีแดงขึ้นมาหัวร่อต่อกระซิก… แม่ทัพใหญ่ขี่สัตว์อสูรนำกองทัพหลายร้อยชีวิตข้ามถนน กลุ่มเด็กน้อยหลายสิบคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน…

การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ถูกแช่แข็งให้ชะงักค้าง

คล้ายกับว่ามีผู้คนกดปุ่มหยุดชั่วคราวระหว่างการเล่นภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น

เสื้อผ้าของผู้คนเหล่านี้ยังคงใหม่เอี่ยม ชายเสื้อปลิวไสวตามแรงลม แต่ตัวคนกลับยืนแข็งค้างไม่ต่างไปจากรูปปั้นหิน สีหน้าปราศจากชีวิต ไม่มีลมหายใจอีกต่อไป

หลินเป่ยเฉินเคยผ่านสมรภูมิรบมานับครั้งไม่ถ้วน เคยฆ่าคนมามากมาย

แต่เหตุการณ์เช่นนี้ยังทำให้เขาขนลุกอยู่ดี

เมืองกุ้ยหลงมีประชากรหลายร้อยล้านคน

แต่เพียงพริบตาเดียว ทุกคนก็ถึงแก่ความตาย

พิจารณาจากระดับการทำลายล้างในมหานครกุ้ยหลง นี่ต้องเป็นฝีมือของหุ่นเหล็กมฤตยูแน่นอน

เพราะเขาสามารถมองเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ยักษ์ที่ปรากฏบนพื้นดิน และรอยเท้านั้นกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ…

ซึ่งเป็นทิศทางที่มีมวลพลังแห่งความชั่วร้ายลอยอยู่ในอากาศ…

“ดูเหมือนว่าเว่ยหมิงเฉินจะส่งลูกสมุนออกอาละวาดอีกแล้วสินะ…”

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

ในหัวใจร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น

การฆ่าล้างผู้คนอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้คือบาปที่ให้อภัยไม่ได้

ทันใดนั้น หัวใจของหลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์อัปมงคล

เว่ยหมิงเฉินคงกำลังวางแผนทำอะไรที่ชั่วร้ายสุด ๆ อยู่แน่นอน

การที่ส่งลูกสมุนมาพรากพลังชีวิตของชาวกุ้ยหลงไปนั้น ต้องไม่ใช่การสังหารผู้คนธรรมดาเด็ดขาด

“เราต้องรีบหยุดมันให้ได้”

หลินเป่ยเฉินกระโดดขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งสารถีรถม้าและขับรถม้าด้วยตนเอง

รถม้าพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วแรง

ตลอดเส้นทาง หลินเป่ยเฉินยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น ความโกรธแค้นในใจเขายิ่งรุนแรงมากขึ้น

เพราะทั่วจักรวรรดิกุ้ยหลงล้วนมีสภาพไม่ต่างกัน

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มได้เดินทางผ่านจักรวรรดิหลายสิบแห่ง ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิเล็กหรือจักรวรรดิใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ ทุกแห่งหนล้วนเต็มไปด้วยความตายอย่างไร้ข้อยกเว้น ตึกสูงพังถล่ม กำแพงเมืองถูกทำลาย ร่องรอยของหุ่นเหล็กมฤตยูปรากฏชัดเจน…

และในจักรวรรดิใหญ่อย่างจักรวรรดิกุ้ยหลง ผู้คนในดินแดนแห่งนี้ก็ถูกดูดวิญญาณออกไป ปล่อยทิ้งให้ซากศพยืนแข็งอยู่ในอิริยาบถสุดท้ายของชีวิต

คาดการณ์ได้ว่าวิญญาณหลายพันล้านดวงคงถูกดูดพลังไปในเวลาเพียงพริบตาเดียว

บ้าไปแล้ว

เว่ยหมิงเฉินต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ

อย่าว่าแต่หมอนั่นเป็นร่างกำเนิดใหม่ของท่านมหาเทพ ต่อให้เป็นท่านมหาเทพตอนที่ยังไม่มาเกิดใหม่ ก็ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ

ทุกคนย่อมทราบดีว่าวิหารเทพพงไพรขยายอิทธิพลไปทั่วแผ่นดินตงเต้า ผู้คนจำนวนมากต้องยอมเข้าร่วมเป็นสาวกของพวกเขา

หลินเป่ยเฉินเร่งความเร็วรถม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความรีบร้อน

ในที่สุด การเดินทางวันที่ห้าก็นำพาเขามาถึงชายแดนของจักรวรรดิต้าเกี๋ยน

ในแผ่นดินตงเต้า จักรวรรดิเจิ้งหลงและจักรวรรดิต้าเกี๋ยนคือสองเสาหลักสำคัญ ทั้งสองอาณาจักรต่างก็มีขุมกำลังแข็งแกร่ง ไม่มีทางที่ผู้ใดจะสามารถต้านทานอำนาจได้เด็ดขาด

แต่บัดนี้ ความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามเหล่านั้นกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว

ตลอดเส้นทาง หลินเป่ยเฉินพบเจอแต่ซากปรักหักพังและความตาย

ไม่ต่างกับอีกหลายจักรวรรดิที่เขาผ่านมา

แต่เมื่อมาถึงนครหลวงของจักรวรรดิต้าเกี๋ยน หลินเป่ยเฉินพลันสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของผู้คน

มีการต่อสู้กำลังเกิดขึ้น

หุ่นเหล็กมฤตยูขนาดใหญ่ยักษ์สี่ตัวกำลังฆ่าล้างผู้คนในตัวเมือง

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจก็คือพลังการต่อสู้ของผู้คนที่กำลังรับมือหุ่นเหล็กเหล่านี้ ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งอยู่ไม่เบา อย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถต้านทานพวกมันได้มาจนถึงขณะนี้…

บนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยคลื่นพลังแห่งความชั่วร้าย

คลื่นพลังที่คอยดูดกลืนวิญญาณผู้คน

หลินเป่ยเฉินรีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ลังเล!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

Status: Ongoing

หืมมม วิชานี้น่าสนใจดี แชะ ! ติ๊งง คุณได้รับแอพพลิเคชั่นวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ ต้องการติดตั้งหรือไม่ ! ด้วยสมาร์ทโฟนในมือของเจ้าแกะดำหลิวเป่ยเฉิน ทำให้เขาสามารถผงาดบนโลกจอมยุทธ์นี้ได้อย่างง่ายดาย…. แต่ข้าไม่เอาหรอก ใครมันจะอยากอยู่โลกแบบนี้กัน YouTube ก็ไม่มี Facebook ก็เข้าไม่ได้ ข้าขอกลับโลกเดิมไปนั่งเล่นเกมในห้องแอร์เย็น ๆ ดีกว่าโว้ยยย !!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท