หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 323 ภาพลวงตาปรากฏ

บทที่ 323 ภาพลวงตาปรากฏ

บทที่ 323 ภาพลวงตาปรากฏ

การเกี้ยวพาราสีที่กระทันหัน ถึงกับทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังวาบ

ผู้คนนี้นี่ ในเวลาเช่นนี้ ยังจะมาทำตัวกะล่อนอีก ควรจะเพลาๆลงบ้าง

แล้วจากนั้น!

ทั้งสองก็แบ่งหน้าที่กัน

คนหนึ่งหันไปบรรเลงกู่ฉิน ค่อยๆบรรเลงท่วงทำนองที่แตกต่างกันออกมา

ส่วนอีกคนก็ใช้พลังภายในในการเคลื่อนเตียงเปลให้เคลื่อนไป พร้อมกับมองไปยังพื้นน้ำแข็งว่ามีกลไกอยู่หรือไม่

ทุกอย่างดำเนินไปแบบนี้ผ่านไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าแต่ต่อเนื่อง

จนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่แล้ว

โดยหลานเยาเยาได้ให้กับเย่แจ๋หยิ่งไปแล้วห้าถึงหกเข็ม แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอะไรดังเคย

ในอุโมงค์แห่งนี้ ไม่มีกลางวันกลางคืน พวกเขาจึงไม่สามารถคำนวณเวลาได้ หลานเยาเยาจึงต้องใช้เวลาในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บมาใช้ในการดูเวลา

จนเวลาผ่านไปเป็นเวลาห้าวันแล้ว

พวกเขาได้ทำเครื่องหมายไว้บนผนังของช่อง ซึ่งในเวลาห้าวันพวกเขาเพิ่งจะเห็นเครื่องหมายเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น สิ่งนี้สามารถทำให้รู้เลยว่าเขาวงกตนี้นั้นใหญ่ขนาดไหน

ส่วนเสียงท่วงทำนองของกู่ฉินก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ

เย่แจ๋หยิ่งที่ตอนนี้ลมหายใจไม่คงที่ มองไปยังมือของหลานเยาเยาที่ไม่ยอมหยุดบรรเลงกู่ฉิน ความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตา

มือทั้งสองข้างของนางบวมแดงจนเลือดจะไหลออกมาแล้ว แต่นางก็ยังคงไม่หยุดบรรเลง จนใกล้จะตกอยู่ในภวังค์แล้ว

“เยาเยา เจ้าหยุดบรรเลงเถอะ”เขากล่าวห้ามอีกครั้ง

หลานเยาเยาทำราวกับไม่ได้ยิน แล้วดีดบรรเลงเพลงต่อไป นางปิดตาลง ดีดกู่ฉินไปด้วยพร้อมกับใช้สัมผัสตามภาพลวงตาไปด้วย

แต่ว่า……

นางรู้ว่ารู้สึกว่ากำลังจะเข้าใกล้แล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ถึงได้รู้สึกถึงการเกิดขึ้นของภาพลวงตาเพียงแวบเท่านั้น

แต่แล้ว!

มือเรียวยาวข้างหนึ่งก็กดสายกู่ฉินเอาไว้ แล้วเสียงเพลงก็เงียบลง

หลานเยาเยาค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูคนที่อยู่ใกล้ด้วยสีหน้าที่โมโหเล็กน้อยอย่างเย่แจ๋หยิ่งแล้ว นางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ก่อนจะสะบัดมือของเขาออกแล้วค่อยพูด

“ข้าไม่สามารถหยุดบรรเลงได้ ข้าเกือบจะหาทางเข้าสู่ภาพลวงตาได้แล้ว ”

แต่ทว่า

เย่แจ๋หยิ่งดึงมือของนางขึ้นมา แล้ววางไว้ตรงหน้านางพร้อมกับพูดออกมา

“เจ้าดูมือเจ้าสิ ว่ามันบวมขนาดไหนแล้ว?”

นิ้วมือทั้งสิบทุกนิ้วทั้งแดงทั้งบวม หากยังดีดบรรเลงต่อไป ผิวของนิ้วต้องลอกออกมาเป็นแน่

สิ่งนี้หลานเยาเยาก็รู้ดี แต่นางจะต้องบรรเลงเพลงต่อไป

แล้ว!

นางจึงได้เงยหน้าขึ้นไปเผชิญหน้ากับเย่แจ๋หยิ่งด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ

“เช่นนั้นท่านสามารถที่จะผลักเตียงออกโดยไม่ใช้กำลังภายหรือไม่?”

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น หลายวันมานี้ยังจะต้องใช้พลังภายในในการเคลื่อนเตียงอีก แล้วยังเอาแต่จ้องมองไปยังทุกที่เพื่อหากลไกอีก

ซึ่งเขาทำอยู่เช่นนั้นอย่างไม่ยอมหยุดหย่อนเลย

พื้นน้ำแข็งโปร่งใสและสะท้อนแสง หากจ้องเป็นเวลาอาจทำให้ตาบอดได้

ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมด ลมหายใจไม่คงที่ แต่ก็ยังจะใช้พลังภายในเคลื่อนเตียงเปลไปเรื่อยๆอีก นางพูดผิดตรงไหนกัน?

ได้ยินเช่นนั้น!เย่แจ๋หยิ่งถึงกับนิ่งชา ด้วยความไม่อยากจะเชื่อมองไปยังนาง

แล้วหลานเยาเยาก็ได้พูดต่อ“เช่นนั้นท่านสามารถที่จะไม่จ้องพื้นน้ำแข็งตลอดเวลาได้หรือไม่?หากท่านทำเรื่องเหล่านี้ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับตัวเองให้ดีดกู่ฉิน”

ถึงนางจะดีดบรรเลงกู่ฉินอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกสิ่งอย่างที่เย่แจ๋หยิ่งทำนั้นนางรู้เห็นทั้งหมด

จึงไม่สามารถที่จะให้เขาพยายามอยู่ฝ่ายเดียว

โดยที่ตัวเองทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง?

นี่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งพูดจาไม่ออก เขาได้เพียงมองนางอย่างจดจ่อ ก่อนจะนิ่งเงียบไปนานแล้วจึงได้พูดออกมาด้วยเสียงเบา

“ก็ได้ เช่นนั้นเราทั้งสองพักกันก่อนสักประเดี๋ยวเถอะ”

พูดไป เย่แจ๋หยิ่งเอื้อมมือมาจับนางเอาไว้ แต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสกับนิ้วที่บวมแดงของนาง แล้วหยิบขวดยาออกมาจากภายในเสื้อ แล้วทาให้กับนาง

เมื่อเห็นท่าทางที่ระมัดระวังของเขา เพราะกลัวนางจะเจ็บ และเขายังค่อยเป่านิ้วของนางเบาๆอีกด้วย หลานเยาเยาจึงไม่ได้ขยับตัวแล้วปล่อยให้เขาทายาให้กับนางอย่างว่าง่าย

นางรู้ดีว่ายาในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของตัวเองนั้นดีกว่ายาที่เย่แจ๋หยิ่งทาให้เป็นหลายเท่า แต่นางก็ไม่คิดทีจะหยิบมันออกมา

เพราะว่าตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งอ่อนโยนเป็นอย่างมาก……

อ่อนโยนถึงกับทำให้นางไม่อยากให้เขาหยุด

ถ้าหาก……

เวลาสามารถหยุดนิ่งได้ นางก็อยากจะให้มันหยุดในช่วงเวลาเช่นนี้

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีถ้าหาก

ไม่เช่นนั้นมันก็คงจะสามารถอยู่ได้นานกว่านี้……

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งทายาให้กับนิ้วทั้งห้าของนางเสร็จ ก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองนาง แล้วก็ได้เห็นนางกำลังมองเขาด้วยดวงตาที่น้ำตาคลอเบ้า

เขาตื่นตระหนก ก่อนจะถามด้วยเสียงเบาๆ

“ยังเจ็บอยู่งั้นหรือ?”

“ปะ เปล่า”

เมื่อรู้ว่าตัวเองแพ้อย่างราบคาบ หลานเยาเยาจึงได้แอบกัดปากตัวเอง ก่อนจะรีบดึงมือกลับ

แต่ไม่ทันได้ระวังจนใช้แรงมากเกินไป ทำให้นิ้วมือที่เพิ่งถูกทายาไปเมื่อสักครู่นี้ถูกบาดจนเป็นแผล แล้วเลือดสดๆก็ไหลลงไปยังจิ่วเซียวหวงเพ่ย เลือดถูกดูดเข้าไปทันที และเสียงบรรเลงก็ดังขึ้นมา

“เต๊ง……”

หลานเยาเยาตะลึงงัน จ้องมองไปยังกู่ฉินอย่างจดจ่อ

มันบรรเลงเอง?

เย่แจ๋หยิ่งนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะฉีกผ้าบนชุดของตัวเองแล้วพันแผลให้กับนาง

หลังจากพันแผลเสร็จ ทั้งสองก็จ้องมองไปยังสายกู่ฉินพร้อมกัน

แต่น่าเสียดาย เพราะมันดังขึ้นมาเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีเสียงดังขึ้นมาอีกเลย

ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในแววตาของหลานเยาเยา ทันใดนั้นนางก็หยิบเข็มเงินขึ้นมากำลังจะแทงไปยังนิ้วมือของตัวเอง แต่กลับถูกเย่แจ๋หยิ่งห้ามเอาไว้

“เจ้าจะทำอะไร?”

“เลือด มันกำลังดื่มเลือด ข้าต้องให้เลือดมัน บางทีอาจจะได้ผลก็ได้”

ในเมื่อหลังจากดื่มเลือดแล้ว มันสามารถบรรเลงได้เอง เช่นนั้นนางก็จะให้มันดื่มไปอีกสักหน่อย ไม่แน่มันอาจจะดีใจจนบรรเลงเพลงเองก็เป็นได้

“ไม่ต้อง บางทีกู่ฉินตัวนี้อาจจะไม่ต้องดื่มเลือด”

“หมายความว่าอย่างไร?”

หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งพูดเช่นนี้ออกมา หลานเยาเยาก็ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

ไม่กี่ครั้งก่อน จิ่วเซียวหวงเพ่ยไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดมันก็สามารถบรรเลงได้เอง ครั้งนี้เมื่อดื่มเลือดเข้าไปแล้วมันกลับมีปฏิกิริยา คาดว่าครั้งนี้เลือดอาจเป็นโอกาสเดียวแล้ว

“บางทีมันอาจจะบรรเลงเองแล้ว”

หลังจากกล่าวจบ ดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งก็ขยับไปมองยังด้านหลังของนาง โดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังจ้องมองอะไรอยู่ แต่แววตาอันลึกล้ำของเขาฉายแววที่น่าประหลาดใจออกมา ก่อนจะขยับริมฝีปากพูด

“ภาพลวงตาปรากฏแล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!หลานเยาเยาก็รีบหันหลังกลับไปดู ดวงตาก็ถึงกับเบิกตากว้าง

“ตุบๆๆ……”

เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆดังขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวราวกับเทพเจ้ากำลังเดินยังทางของพวกเขา

คือเขา……

คนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเย่แจ๋หยิ่ง

“โต๊ง……”

ในตอนนั้นเองเสียงกู่ฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เสียงนี้ดังขึ้นมา มันก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาอีก แต่ภาพลวงตานั้นยังคงอยู่ดังเดิม

พอมองดูชายหนุ่มชุดขาวเดินผ่านพวกเขาไป ทั้งสองจึงรีบลงจากเตียงแล้วเดินตามหลังเขาไป

จิ่วเซียวหวงเพ่ยในอ้อมแขนของหลานเยาเยา ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่พวกเขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้นมา บทเพลงกู่ฉินก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุดแล้วเสียงบรรเลงกู่ฉินก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ “โต๊งๆๆๆๆๆ”

ท่วงทำนองที่นุ่มนวลและเชื่องช้า แต่ในความไพเราะของมันกลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เหมือนกับความเยือกเย็นของชายหนุ่มชุดขาวคนนั้น ……

หลังจากที่เดินตามชายหนุ่มชุดขาวเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดเขาก็หยุดเท้าลง

“เป็นที่นี่ได้อย่างไร?”หลานเยาเยาพึมพำกับตัวเอง

ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่กี่วันก่อนนางมายังช่องทางแห่งนี้คนเดียวแล้วได้พบกับชายหนุ่มขาว

ในตอนนั้นนางเองก็ได้ทำเครื่องหมายเอาไว้ด้วย

ชายหนุ่มชุดขาวหยุดลงตรงที่นางได้ทำเครื่องหมายเอาไว้ แล้วลูบมันอย่างเบาๆ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท