หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่376 อยากฆ่าถิงเมี่ยน

บทที่376 อยากฆ่าถิงเมี่ยน

บทที่376 อยากฆ่าถิงเมี่ยน

เป็นเพราะเหตุนี้

ดังนั้นทุกคนที่จะเข้าสำนักหงอี หลังจากผ่านจุดตรวจทั้งหมดจากสำนักหงอีแล้ว ถึงจะสามารถเข้าสู่สำนักหงอีได้

หลังจากนั้นก็ค่อยๆมีเรื่องแพร่ออกมาว่า คนที่เคยเข้าไปในสำนักหงอีแล้วออกมาอีกครั้งก็จะเข้าใจในความเป็นความตาย

ด้วยเหตุนี้

สำนักหงอีก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดลึกลับขึ้นเรื่อยๆ หลายคนมีใจที่อยากจะเข้าไปในสำนักหงอี แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าสำนักหงอีเลย

หมดหนทาง……

จึงทำได้เพียงจับชายหนุ่มแข็งแกร่งมา

และแน่นอนว่าการจับชายหนุ่มที่แกร่งมาก็ไม่ใช่ว่าจับไปได้เรื่อยเปื่อย จะต้องให้เหล่าตาแก่ของสำนักหงอีเป็นผู้แสวงหาก่อน ถึงจะจับมาได้

ในตอนนั้นเอง!

ถิงเมี่ยนกับยู่หลิวซูก็ต่างมองเสื้อผ้าบนตัวของตนเอง มีรอยเลือดเยอะมาก แต่สิ่งที่ไม่อาจทนดูต่อไปได้มากที่สุดก็คือเสื้อผ้า เสื้อผ้าชั้นดีซึ่งตอนนี้ถูกขีดจนขาดรุ่ย เลวร้ายยิ่งกว่าขอทานแย่ๆเสียอีก

แต่ในใจของยู่หลิวซูกลับไม่ได้มีความเสียใจใดๆเลย

แต่ถิงเมี่ยนกลับรู้สึกว่าตนเองได้เข้าไปในหลุมลึกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนอยากจะเสียใจแต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว

แต่ว่า!

การประจบประแจงเทพธิดาแบบนี้ ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ

“โชคดีที่พวกเจ้ามีสีหน้าแบบนี้ เจ้าสำนักบอกไว้ว่า ถ้าพวกเจ้าร้องไห้ ก็จะไม่ให้เสื้อผ้าใหม่แก่พวกเจ้า”

พูดจบ

ตาแก่ก็หยิบเสื้อคลุมสองตัวออกมาจากกระสอบ

แต่เดิมถิงเมี่ยนก็ยังคิดอยู่

ว่าในกระสอบจะมีเสื้อผ้าดีๆอยู่หรือไม่?

แต่ทันทีที่เห็นเสื้อผ้า เขาก็เบิกตากว้างทันที

สง่างามมาก!

นัยน์ตาของยู่หลิวซูประกาย

ไม่ต้องให้ตาแก่สั่ง พวกเขาสองคนก็ไปด้านข้างเพื่อเปลี่ยนชุดโดยเร็ว หลังจากสวมเสื้อคลุมเสร็จเรียบร้อย ลักษณะเฉพาะตัวของพวกเขาทั้งสองก็ออกมา

พวกเขาพอใจอย่างมาก

ตาแก่มองพวกเขาแล้วก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

ใจของเจ้าสำนักจะต้องลำเอียงแน่ๆ

ทำไมตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาในสำนักหงอี เสื้อผ้าใหม่ที่เขาได้รับถึงเป็นเสื้อผ้าคนแก่หล่ะ?

แต่ตอนนี้ของสองคนนี้กลับถึงดูดีขนาดนี้?

“ชิ!ดีใจอะไรกัน?ยังไม่หล่อเท่าข้าตอนหนุ่มๆเลย”

“……”

“……”

ถิงเมี่ยนกับยู่หลิวซูทำหน้าอย่างกับท้องผูกมองตาแก่ตรงหน้า: คอเอียง กระเต็มหน้า หน้าตาก็ยากที่จะพูด อีกอย่างตัวก็กว้างๆอ้วนๆ แล้วก็เตี้ยๆ

คาดว่าตอนวัยรุ่นก็ไม่น่าจะดูดีขนาดนั้นนะ?

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่สงสัยอย่างหนักของชายหนุ่มสองคนนั้น ตาแก่ก็จ้องพวกเขา

“มองอะไร? ความหล่อของข้าเป็นสิ่งที่เจ้าไม่เห็นด้วย เจ้าสำนักรอพวกเจ้าอยู่ด้านหน้านานแล้ว รีบไปๆ”

……

ตอนมา หลานเยาเยานั่งอยู่บนรถม้า

หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลานเยาเยาก็ยังคงนั่งอยู่บนรถม้า

แน่นอนว่าตอนที่พวกเขาสองคนไปฝ่าฟันอุปสรรคที่สำนักหงอีสองสามวันนั้น หลานเยาเยาก็ได้ทดลองของอร่อยของสนุกแถวๆนั้นไปรอบนึงแล้ว

เมื่อตอนที่ยู่หลิวซูกับถิงเมี่ยนเห็นรถม้าของเทพธิดา ก็มีความเคารพบนใบหน้า รอจนรถม้ามาอยู่ตรงหน้า

พวกเขาก็ยกมือคำนับอย่างเคารพนอบน้อม และพูดพร้อมเพรียงกันว่า:

“คารวะเจ้าสำนัก!”

ไม่มีเสียงดังออกมาจากในรถม้าเป็นเวลานาน ยู่หลิวซูกับถิงเมี่ยนก็คำนับอีกครั้ง “คารวะเจ้าสำนัก”

รอไปสักพัก

ก็ยังไม่มีเสียงดังขึ้น

จนกระทั่งตอนที่พวกเขาคิดจะคารวะอีกครั้ง จื่อซีที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้าก็ยกมุมปาก กระตุกม่านมองหลานเยาเยา จากนั้นก็พูดกับยู่หลิวซูและถิงเมี่ยนอย่างจนปัญญาว่า

“คุณหนูกำลังฝึกยุทธ์อยู่ เป็นช่วงสำคัญพอดี ทางที่ดีอย่าเพิ่งรบกวนนาง ไม่งั้นถ้านางคลั่งขึ้นมา จะกินพวกเจ้าเป็นวิชายุทธ์”

ได้ยินดังนั้น!

ยู่หลิวซูกับถิงเมี่ยนก็เงียบทันที จากสีหน้าที่ชี้แนะของจื่อซีก็คือ ให้พวกเขารีบเข้านั่งบนม้าไวที่เตรียมไว้นานแล้ว

“ไป……”

รถม้าสีแดงก็ค่อยๆเคลื่อนตัว

หลานเยาเยาที่แทะขาหมูอยู่ในรถ เจียดเวลามาพยักหน้าให้กับจื่อซี และก็ยกย่องเขาใหญ่

ถึงเมืองหลวง

นั่งรถม้ามาครึ่งค่อนวัน หลานเยาเยาก็ปวดหลังปวดเอวเมื่อยขา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ท้องหิวอีกแล้ว

กินขาหมูจนหมดก็ไม่พอ มันต้องมีข้าวมาเติมท้องเสียหน่อยถึงจะได้

ดังนั้น!

หลานเยาเยาจึงลงรถม้า พุ่งเข้าไปในร้านอาหารอย่างรวดเร็ว จื่อซีเมื่อจอดรถม้าแล้วก็รีบตามมาติดๆ

ความเร็วของยู่หลิวซูก็นับว่าเร็ว พอลงจากรถม้าแล้วก็โยนบังเหียนให้กับถิงเมี่ยน

“รบกวนด้วยหล่ะ!”

อีกอย่างพอทิ้งเสร็จก็ไป ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

ว่ายู่หลิวซูให้ถิงเมี่ยนช่วยเขาผูกม้า ถิงเมี่ยนมองบังเหียนที่อยู่ในมือ

ถิงเมี่ยนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย

“เอ้ะ?ตอนนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมทางกันแล้ว ทำไมถึงยังทำท่าทางเป็นคุณชาย กล้ายกมือยกไม้กับเขาอยู่อีก? พฤติกรรมอะไรกัน”

พูดๆไป

พอพูดจบ ถิงเมี่ยนก็ลากม้าสองตัวไปหาที่มัดไว้

เพิ่งผูกม้าเรียบร้อยยังไม่ทันได้เอามือออกมา ก็ได้ยินเสียงเย้ยหยัน:

“เฮ้ นี่ไม่ใช่ถิงเมี่ยนหรอกหรือ? สวมชุดท่าทางดูเป็นผู้เป็นคน ยังคิดจะขโมยม้าคนอื่นอีกรึ?”

ผู้ที่มาก็คือศัตรูคู่อาฆาตของถิงเมี่ยน

ถ้าบอกว่าถิงเมี่ยนคือนักเลงหัวไม้สายดำขาวของเมืองหลวง งั้นผู้ที่มาตอนนี้ก็คือผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนักเลงหัวไม้มาก่อน แต่เพราะคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้และเผด็จการอย่างมาก จึงถูกถิงเมี่ยนชิงตำแหน่งมา

ด้วยเหตุนี้!

ทั้งสองคนจึงกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน

และเพราะถิงเมี่ยนมีชื่อเสียงมากในตลาดดำ แทบจะมองว่าตลาดดำเป็นของตนเอง

ดังนั้นศัตรูคู่อาฆาตจึงถูกกดขี่มาหลายปี จึงกัดฟันโกรธถิงเมี่ยนที่เอ้อระเหยไปวันๆอย่างราบรื่นด้วยความแค้น

จู่ๆตอนนี้ก็มาเห็นถิงเมี่ยนสวมเสื้อผ้าสวยงาม แถมยังขี่ม้าตัวสูงใหญ่ มองแว็บแรกดูเหมือนเป็นคุณชายที่ร่ำรวยมีอำนาจ

จึงรู้สึกอึดอัดใจ

แล้วเมื่อเห็นว่าข้างกายเขาไม่ได้มีลูกน้องมาจึงเข้ามาล้อมไว้

“เป็นเจ้า นายน้อยคือใครนะ? ที่แท้ก็คือเจ้านั่นแหล่ะ!หว้างฉาย”

ถิงเมี่ยนมองหว้างฉายที่พาคนนับสิบเข้ามาล้อมตนเองไว้ ในมือถือมีดถือกระบอง ดูท่าทางวันนี้จะไม่ปล่อยเขาไปแน่

ปฏิกิริยาตอบโต้อันดับแรกของเขาก็คือ เอาม้าพันธ์ุดีที่เทพธิดาส่งให้เขาปกป้องไว้ข้างหลัง

“โลกมันแคบจริงๆ วันนี้จึงทำให้ข้ามาพบเจ้าได้ ข้าเคยพูดไว้นานแล้วว่าอย่าให้ข้าเจอเจ้าตอนอยู่คนเดียว ไม่เช่นนั้นก็จะจัดการเจ้าอย่างเงียบๆ

เมื่อถึงเวลานี้ ทางสายขาวดำ รวมถึงตลาดดำของเจ้าก็จะทยอยกลับมาที่ข้า”

ใบหน้าของหว้างฉายมีรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง มีแววตาที่ดุร้ายหมายอาฆาต

ถิงเมี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย:

“ข้าขอเตือนพวกเจ้าว่า ทางที่ดีอย่างมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ การทำร้ายผู้ที่สัญจรไปมามันไม่ดี ทะเลาะกับเจ้าถิ่นก็ยิ่งไม่ดี

ตอนนี้ข้าเป็นคนที่มีคนคอยอยู่เบื้องหลัง ถ้าพวกเจ้าไม่อยากถูกกำจัด ก็รีบไปซะ!”

ปกติ ถิงเมี่ยนก็ไม่กลัวพวกเขา

ตอนนี้ก็ไม่กลัว แต่เพราะตอนนี้เขาเพิ่งเข้าสำนักหงอี จึงไม่อยากสร้างเรื่องให้เทพธิดา ดังนั้นจึงพูดโน้มน้าวดีๆ

“ฮ่าๆๆ……”เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นมาจากปากของหว้างฉาย

“ผู้อยู่เบื้องหลัง? นักเลงเช่นเจ้ามีคนคอยหนุนหลังงั้นหรือ?”หว้างฉายมองถิงเมี่ยนที่สวมเสื้อผ้าดีๆ นัยน์ตาก็ประกายความริษยา

“เห็นเจ้าสวมชุดที่ไม่เหมาะสมกับตนเองเช่นนี้ ให้ข้าเดาเศรษฐีผู้ไหนหล่ะ? คงไม่ใช่เศรษฐีหลี่ที่ตัวอ้วนหนูใหญ่นั่นใช่ไหมหล่ะ? เขามีนิสัยผู้ชายนะ ให้ข้าเดาเจ้าก็คงไปเป็นชู้เขาใช่ไหม!ฮ่าๆๆ……”

เอ่อ……

เศรษฐี?

ชู้?

ถ้าบอกว่าเทพธิดา เขาจะเชื่อไหม?

คาดว่า ตีให้ตายก็คงไม่เชื่อ

ไปสำนักหงอีมาแล้ว ถิงเมี่ยนก็รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเรื่องไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่รำคาญ สีหน้าปกติ ไม่อยากไปรั้งพวกเขาอีก แล้วก็พูดว่า:

“ช่างเถอะ พวกเจ้าหลบไป!”

“จะรีบร้อนไปปรนนิบัติเศรษฐีหลี่รึไง?” น้ำเสียงของหว้างฉายเปลี่ยนไปเป็นรุนแรง “เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปได้งั้นหรอ?”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท