หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 486 นักปราชญ์ที่รู้วิชาการรักษา

บทที่ 486 นักปราชญ์ที่รู้วิชาการรักษา

บทที่ 486 นักปราชญ์ที่รู้วิชาการรักษา

“อยากได้เท่าไหร่ เจ้าก็แค่พูดมา”

อย่างไรก็ไม่ใช่เงินตัวเอง ไม่ปวดใจเท่าไหร่ ฮ่องเต้นั่นพกเงินมาทะเลทรายตั้งมากมาย ตลอดทางก็เหนื่อยมาตลอด เงินทองก็ไม่ได้ใช้ ตอนนี้ก็จะได้ให้เขาถลุงเงินพอดี

หลานเยาเยารู้สึกว่า หัวใจของนางนั้นดีสุดๆ

อยู่มาสามสิบกว่าปี ยังไม่เคยเจอแม่นางที่ดูสดใสเช่นนี้ ในใจจึงคิดแผนชั่วร้ายขึ้นมา และพูดอย่างกำเริบเสิบสาน:

“แสนตำลึง และยังต้องได้แม่นางคนนึง”

ได้ยินดังนั้น ยู่หลิวซูก็หรี่ตา

จากนั้นก็รีบยกรอยยิ้มที่จะเห็นผู้อื่นโชคร้าย ไม่กลัวตายจริงๆ

หลานเยาเยาเลิกคิ้ว พูดเหมือนกับไม่เข้าใจ:

“โอ๊ะ? แม่นางแบบไหนกันหล่ะ?”

ตอนนี้ หลานเยาเยาเดินไปอยู่ตรงหน้าชายชุดดำ กะพริบตาอย่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ยั่วยุให้ชายชุดดำจิตใจเบิกบาน ยื่นมือมาจะลูบใบหน้าของหลานเยาเยา

“แน่นอนว่าต้องแบบเจ้า”

เห็นเพียงแต่แสงเย็นวาบ ร่างของยู่หลิวซูขยับ มือสกปรกของชายชุดดำยังไม่ทันจะสัมผัสหน้ารูปไข่ของหลานเยาเยา ก็ถูกหมัดต่อยเข้าไป

“อ๊า……”

เสียงร้องเจ็บปวด

ชายชุดดำล้มลงขาชี้ฟ้าอยู่กับพื้น เห็นดาวลอยมึนงง

หลานเยาเยามองใบหน้าที่มีรอยมีดน่าเกลียดของเขาถูกต่อยจนมีตาแพนด้าขึ้นมาข้างหนึ่ง ส่งเสียงจิ๊จิ๊ ส่ายหัว และไว้อาลัยแทนเขาว่า:

“เพื่อนของข้านี้ อย่ามองว่าเขาพูดไม่ได้ ไม่เข้าใจศิลปะการต่อสู้ ร่างกายอ่อนแอ ชอบโดนตี แต่เขานั้นชอบช่วยเหลือผู้ที่ถูกรังแกเป็นที่สุด ตอนนี้เขาต่อยเข้า เจ้าก็สามารถทำร้ายเขาอย่างบ้าคลั่งได้”

พอชายชุดดำได้ยิน ก็รีบมองไปยังยู่หลิวซูที่มีท่าทางเหมือนลูกท่านหลานเธอ ดูสุภาพบุรุษ สายตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ดูท่าทางจะเหมือนอย่างที่หญิงผู้นั้นพูดจริงๆ ที่ไม่ชอบพูดจา ไม่เป็นศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังชอบช่วยเหลือผู้ถูกรังแก รนหาที่ตาย

“เจ้ากล้าต่อยข้า……”

“ปัก!”

“ข้าคือนักเลงของหมู่บ้านฝันฮั๋วนี้……”

“ปัก!”

“……ยังลงมืออีก ข้าก็จะฆ่าคนแล้ว……”

“ปักปักปัก!”

“ที่ต่อยก็คือขยะอย่างเจ้า!” ยู่หลิวซูสลัดชายชุดดำออกไป และใช้เท้าเหยียบ ศิลปะการต่อสู้บวกกับกำลังภายในเอาออกมาใช้หมด ทำให้ชายชุดดำหมดแรงรับมือ รู้สึกจนปัญญา

ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ ไม่เป็นศิลปะการต่อสู้ ชอบถูกตีไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงรู้สึกว่าคำพูดมันกลับกันทั้งหมดหล่ะ?

สุดท้าย!

ยู่หลิวซูก็ต่อยเข้าไปแรงๆ ชายชุดดำที่หน้าบวมเหมือนหมู เขาทนไม่ไหว ครู่นึงก็สลบไป

“ชอบถูกตี แถมยังคำพูดเยอะขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพูดมากนั้นตายง่ายไหม?”

ยู่หลิวซูตบๆฝุ่นที่ไม่ได้มีอยู่บนตัวเลย และกลับไปอยู่ข้างหลานเยาเยาเงียบๆ และเอาสายตาไปมองบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองทอง ราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องทุบตีมาก่อน

ชายชุดขาวยันตัวขึ้นมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ทนต่อความเจ็บปวด ขยับมือที่กุมอกอยู่ด้วยความยากเย็น และคำนับสองมือ

“ขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งสอง!”

หลานเยาเยาพยักหน้า ถือว่ากลายเป็นบุญคุณของเขา

“เจ้าเป็นนักปราชญ์หรือ?”

เมื่อครู่ชายชุดดำหยาบคายนั่นบอกว่าเขาคือนักปราชญ์ผู้โอหัง เมื่อดูตอนนี้ ท่าทางเคารพ แววตาจริงใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เรียนหนังสือที่มีมารยาท โอหังตรงไหน?

“ผู้มีพระคุณพูดล้อเล่นแล้ว เคยเรียนหนังสือมาบ้างเมื่อหลายปีก่อน สอบไม่ผ่านหลายครั้ง ตอนนี้เป็นเพียงชาวบ้านใช้ชีวิตแค่เพียงเก็บสมุนไพร ไม่นับว่าเป็นนักปราชญ์”

“เก็บสมุนไพรเป็นหรือ งั้นก็ควรจะรู้วิชาการรักษา?”

พอได้ยินคำว่าสมุนไพร สายตาของหลานเยาเยาก็ประกาย เดิมทีก็แค่ช่วยคนไปตามอารมณ์ ไม่คิดว่าจะเจอคนในอาชีพเดียวกัน จึงสนใจขึ้นมาทันที

“มีความรู้เพียงเล็กน้อย”

“งั้นอยากจะเชิญผู้มีพระคุณไปนั่งที่บ้านเจ้าไหม?”

อาจจะเพราะไม่เคยพบเจอแม่นางที่พูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ นักปราชญ์ชุดขาวจึงตกใจเล็กน้อย ใบหน้าแสดงความดีใจขึ้นมาทันที

“เชิญผู้มีพระคุณทั้งสอง บ้านข้าอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก โปรดตามข้ามา”

นักปราชญ์ชุดขาวพูดถูกต้อง บ้านเขาอยู่ใกล้กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์มาก มีเพียงบ้านครอบครัวหนึ่งกั้นไว้ แต่บ้านครอบครัวนั้นที่กั้นไว้ ก็ไม่ได้ขวางขอบเขตสายตาของบ้านเขา

เพียงแค่เปิดหน้าต่าง ก็สามารถเห็นรูปร่างทั้งหมดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้

หลังจากเข้าไปในบ้าน หลานเยาเยาก็ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง มองต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นได้ชัดเจน จึงพูดอย่างอิจฉาว่า:

“ไม่เลวเลย! บ้านใกล้กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ ก็สามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามได้ทั้งวันทั้งคืน”

ยู่หลิวซูได้ยินเช่นนั้นก็เดินมา และชมทิวทัศน์ที่งดงามของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กับหลานเยาเยา

นักปราชญ์ชุดขาวก็ยกถ้วยชาสองใบมาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่าง พูดด้วยสีหน้าไม่ชัดเจน:

“ทิวทัศน์ที่สวยงาม? เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริงๆ! เห็นได้ทั้งกลางวันกลางคืน แต่พอมองนานๆแล้ว ให้ทิวทัศน์งดงามแค่ไหน ก็กลายเป็นเรียบๆไม่มีอะไรแล้ว ผู้มีพระคุณทั้งสองเชิญดื่มชา”

ได้ยินเช่นนั้น!

มุมปากของหลานเยาเยาก็ยกขึ้น หมุนตัวมามองน้ำบนโต๊ะเงียบๆ ไม่พูดจา

นักปราชญ์ชุดขาวคิดว่าผู้มีพระคุณทั้งสองเกิดในครอบครัวที่มีชาติตระกูล บอบบาง ไม่คุ้นเคยกับน้ำชาหยาบๆของหมู่บ้านพวกเขา จึงพูดอย่างรู้สึกผิดว่า:

“ขอโทษจริงๆ ในบ้านไม่มีน้ำชาดีๆเลย ทำได้เพียงแค่อาศัยการเก็บสมุนไพรมาให้ผู้มีพระคุณ”

“ไม่เห็นเป็นไร”

ที่ที่มีทะเลทรายทั้งสองข้างเช่นนี้ หากจะไปเก็บสมุนไพร ก็ต้องไปในป่าที่ไกลมากๆ จะเก็บสมุนไพรได้ไม่ใช่ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นชาสมุนไพรชั้นสูง

หลานเยาเยามองสำรวจไปรอบๆบ้าน ล้วนเป็นสมุนไพรตากแห้ง มีทุกแบบทุกชนิด และยังมีสมุนไพรที่เพิ่งเก็บใหม่ๆอยู่จำนวนหนึ่ง นำมาทำเป็นยามีราคาสูงมาก

นางอดไม่ได้ที่จะพยักๆหน้า: “เจ้าชื่ออะไร?”

“ผู้มีพระคุณ ข้าส้งเย่นกุย ชื่อนี้ตั้งโดยพระคุณเจ้าหยวนซู”

พอพูดถึงชื่อของเขา ใบหน้าของส้งเย่นกุยก็มีรอยยิ้ม ราวกับว่าชื่อนี้แบกความดีงามทั้งหมดของเขา ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าเขาช่างบริสุทธิ์

“เป็นชื่อที่ดี เมื่อครู่ เจ้าบอกว่ารู้วิธีการรักษาเล็กน้อย ผู้ที่อยู่ข้างข้านี้ชื่อว่ายู่หลิวซู รู้วิชาการรักษาอยู่บ้าง หากไม่มีอะไรทำ พวกเจ้าทั้งสองลองแข่งกันสิ ข้าหน่ะ!ชอบดูการประลองฝีมือที่สุด”

พอสิ้นเสียง

ส้งเย่นกุยก็ตะลึงไปเล็กน้อย เขาคิดว่า คนที่รู้วิชาการรักษาจะเป็นผู้มีพระคุณหญิงตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้มีพระคุณชายผู้นั้น

แต่ในไม่ช้า แววตาของเขาก็มีท่าทางคันไม้คันมืออยากจะลองดู

คนที่รู้หนังสือในหมู่บ้านนั้นมีน้อยมาก คนที่รู้วิชาการรักษา นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใคร เขาไม่สามารถคุยกับใครได้ และยิ่งไม่มีเพื่อนที่มีอุดมคติเดียวกัน

ตอนนี้มันไม่ง่ายเลย ที่จะมีคนยอมแลกเปลี่ยนความรู้วิชาการรักษากับเขา เขาจึงรู้สึกตื่นเต้น

ส่วนยู่หลิวซูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากให้เขาประลองฝีมือวิชาการรักษากับส้งเย่นกุย แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาก็รู้วิชาการรักษามาบ้าง และเคยผ่านการบ่มเพาะจากหลานเยาเยา ทำให้วิชาการรักษาพัฒนาขึ้นมาก

สำหรับการประลองฝีมือ ไม่มีความกดดันเลยสักนิด

ตอนเริ่มแรก พวกเขาประลองเพียงแค่ยาเม็ดที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง

แม้ยาเม็ดที่ยู่หลิวซูกลั่นออกมาจะดีมาก แต่ของส้งเย่นกุยเองก็ขาดไปไม่เท่าไหร่ ทำให้ยู่หลิวซูมีความกดดันขึ้นมาทันที

อีกอย่าง!

วิธีการกลั่นยาของส้งเย่นกุยค่อนข้างประหลาด และก็ดูคุ้นเคย เหมือนกับเคยเห็นที่ไหน

พอถึงการประลองครั้งที่สอง คุณสมบัติของยาเม็ดที่ส้งเย่นกุยกลั่นออกมานั้น พอๆกับยาเม็ดของยู่หลิวซู แต่พวกเขาทั้งสองคนกลับใช้สองวิธีที่ต่างกัน กลั่นยาออกมาชนิดเดียวกัน

นี่ทำให้คนประหลาดใจ!

หลานเยาเยาจมอยู่ในความคิดเพียงคนเดียว……

จนกระทั่งการประลองครั้งที่สาม หลานเยาเยาตั้งใจให้พวกเขาประลองยากล่อมประสาท ที่ยู่หลิวซูชำนาญที่สุด ผลออกมาเห็นได้ชัดว่ายู่หลิวซูเป็นฝ่ายชนะ

แต่ส้งเย่นกุยก็ไม่ได้จิตตกกับสิ่งนี้ กลับดูอารมณ์ดีด้วยซ้ำ

“ข้าแพ้แล้ว ผู้มีพระคุณเก่งกาจจริงๆ!”

ยู่หลิวซูมองหลานเยาเยาอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็โบกมือ พูดอย่างเคอะเขินว่า:

“เจ้าเองก็เก่งมาก! ทีหลังอย่าเรียกข้าว่าผู้มีพระคุณเลย ให้เรียกว่ายู่หลิวซู”

ในสถานที่ห่างไกลนี้ นักปราชญ์ผู้นึง ที่สอบไม่ผ่านหลายครั้ง ไม่เพียงแต่จะไม่ท้อแท้ ซ้ำยังร่ำเรียนวิชาการรักษาอีก ดูท่า วิชาการรักษาของเขาจะไม่มีใครคอยชี้แนะ สามารถเรียนมาจนถึงขั้นนี้ได้ ก็นับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์

ถ้าหากมีคนคอยชี้แนะ ไม่รู้ว่าในอนาคต วิชาการรักษาจะพัฒนาไปถึงระดับไหน

“ข้าทราบแล้ว!”

ขณะนั้นเอง!

หลานเยาเยาก็เก็บความสงสัยในใจไว้ และใบหน้างดงามเย็นชา ก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชาเช่นเคย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าเองก็อย่าเรียกข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้เป็นเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เรียกข้าว่าเทพธิดา!”

ทันทีที่ประโยคนี้ออกไป

ส้งเย่นกุยก็ตกตะลึงอึ้งไป ดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน

เทพธิดา……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท