หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 490 ยู่หลิวซูถูกใส่ร้าย

บทที่ 490 ยู่หลิวซูถูกใส่ร้าย

บทที่ 490 ยู่หลิวซูถูกใส่ร้าย

น้ำพุในบ่อโบราณก็ไม่รู้ว่าน้ำจะไหลออกมาอีกครั้งเมื่อไหร่ ครั้งนั้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเขาก็ทนไปจนน้ำในบ่อมาให้รู้แล้วรู้รอด ถ้ากินไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายกี่คน

เพื่อชีวิตของชาวบ้านมากมายในหมู่บ้านฝันฮั๋ว

เขาก็ยอมเป็นคนเลว!

“ขอโทษที ผ้าสีแดงนั่นไม่ใช่ของข้า หากผู้ใหญ่บ้านไม่เชื่อ ก็สามารถไปค้นดูได้”

หลานเยาเยาพูดโกหกด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ดูจริงใจจนชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนของฮ่องเต้ด้านนั้นก็ไม่พูดอะไร ก็มีเพียงผู้ใหญ่บ้านที่ยังยืนหยัด

“เทพธิดากล่าวสาบานเช่นนี้ งั้นก็ต้องล่วงเกินแล้ว”

ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ชาวบ้านไปค้น ชาวบ้านก็กลัวหัวหด

อย่างไรเสีย ของที่ต้องไปหา ก็คือของ ของเทพธิดา นางมีลูกน้องเยอะขนาดนั้น และแต่ละคนก็ท่าทางดุร้าย อีกอย่างก็ได้ยินมาว่า เทพธิดาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พวกเขามิบังอาจ?

ผู้ใหญ่บ้านใช้ไม้เท้าแทงหนักๆไปที่พื้นอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของพวกเขา และตัดสินใจไปค้นเอง

“พวกเจ้าไม่ไป ข้าไปเอง”

ผู้ใหญ่บ้านหมุนตัวจะไป หลานเยาเยาก็เรียกเขาเอาไว้

“ช้าก่อน!”

“เทพธิดาอยากจะพูดอะไร?” ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าเทพธิดาจะเปลี่ยนใจ

“ในเมื่อจะค้น เพื่อความยุติธรรม งั้นก็ต้องค้นทุกคน”

ที่หลานเยาเยาพูดเช่นนั้นก็เพราะมีสองสามวัตถุประสงค์

ประการแรก

ตั้งแต่เมืองหลวง จนถึงหมู่บ้านฝันฮั๋วเขตทะเลทราย ก็เป็นช่วงเวลาที่นาง แต่นางไม่ได้เห็นหน้าโหลวเย่วสักครั้งเดียว ไม่นางรีบเดินจนเกินไป หรือไม่ก็โหลวเย่วไม่เคยลงจากรถม้าเลย

ตอนนี้ ห้องที่นางอาศัย ถูกจัดให้อยู่ข้างฮ่องเต้

อีกอย่าง ตั้งแต่เมื่อวาน นางไม่เห็นเย่หลีเฉินเลย นางรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องอะไร

ก็เลยถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาทำให้รู้แล้วรู้รอดชัดเจนกันไปเลย

ประการสอง

ฆาตกรที่แอบหนีไปต่อหน้านาง นางรู้สึกว่าคนนี้จะต้องอยู่ตรงหน้า แอบซ่อนอยู่ในกลุ่มคน นางจะต้องหาเขาออกมาเองให้ได้

เมื่อได้ยินว่าต้องค้นทุกคน

เดิมทีฮ่องเต้ก็ไม่อยากยอม แต่พอคิดว่าถ้าเขาไม่ยอม คาดว่าเทพธิดาก็คงไม่ยอมให้คนอื่นไปค้นของนาง ดังนั้นเขาจึงยอมด้วยความยินดี เพราะอยากรู้ว่าเทพธิดานั้นซ่อนอะไรไว้หรือไม่

พวกเขาต่างยินยอมแล้ว

เหล่าชาวบ้านแน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นใดๆ

ในไม่ช้า การค้นหาก็เริ่มขึ้น แน่นอนว่าต้องเริ่มจากเหล่าชาวบ้าน เป็นอย่างที่คาดไว้ ที่ค้นไม่เจออะไรสักอย่าง

ตอนค้นคนนอก!

หลานเยาเยาก็ได้เห็นโหลวเย่วสมปราถนา และก็เห็นเย่หลีเฉิน พวกเขาทั้งสองอยู่ในห้องด้วยกัน เมื่อตอนที่โหลวเย่วเห็นหลานเยาเยา ก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลน และละอายใจ

ส่วนเย่หลีเฉินก็จับมือนางไว้แน่นตลอด ส่งสัญญาณให้นางสงบ

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากค้นเสร็จ ก็ไปค้นบ้านอื่นพร้อมกับกลุ่มคน

พอตอนมาถึงห้องนาง ผู้ใหญ่บ้านพาคนเข้าไปค้นหาด้วยตนเอง แต่กลับไม่พบอะไร ทำให้ผู้ใหญ่บ้านมองนางด้วยความสงสัยอยู่นาน

ในที่สุด!

เสื้อผ้าที่คู่กับผ้าสีแดงนั้นถูกหาเจออยู่ในห้องของยู่หลิวซู

ทำให้ทุกคนประหลาดใจ!

แม้แต่ยู่หลิวซูเองก็ยังมึนงง

ก่อนหน้านี้เขาไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่น รู้เพียงแค่ว่าที่นั่นมีคนตาย ส่วนอะไรอย่างอื่น ก็ไม่รู้แล้ว

ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นคนที่ดูหมิ่นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว?

ชุดนั่น เห็นๆอยู่ว่าเป็นชุดที่เจ้าสำนักให้เขาเมื่อคืน……

เขาย้ายสายตาไปมองหลานเยาเยาทันที กลับพบว่าหลานเยาเยายักไหล่น้อยๆ ด้วยท่าทางที่อยากช่วยแต่ทำอะไรไม่ได้

ก็เข้าใจขึ้นมาทันที

เขาถูกเจ้าสำนักใส่ร้ายให้แล้ว!

ไม่มีวิธีแล้ว เขาทำได้เพียงพูดยืดหน้าชูคอ ตบอก บอกทุกคนเสียงดังว่า

“ถูกต้อง ชุดนี้เป็นของข้า”

หลังจากนั้น ผู้ใหญ่บ้านก็สดุดีอย่างปวดใจ ให้กับความยิ่งใหญ่ของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ก็นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่ล่วงเกินต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ยู่หลิวซูเป็นเพียงลูกน้องของเทพธิดา ให้เขาอยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในตอนที่ผู้ใหญ่บ้านกำลังคุยโวโอ้อวดบลาๆอยู่นั้น ยู่หลิวซูก็ถูกทำโทษให้สารภาพบาปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งวันหนึ่งคืน

นี่เป็นการลงโทษอะไรกัน?

ชาวบ้านคนนึงถามผู้ใหญ่บ้านเสียงเบาเป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมถ้าเป็นเทพธิดา ต้องให้นางอยู่ต่อเพื่อให้ ผ่านวิกฤตนี้ไปพร้อมกับหมู่บ้านฝันฮั๋ว แต่พอเป็นยู่หลิวซูจึงแค่ทำโทษให้สารภาพบาปอยู่ที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งวันหนึ่งคืนหล่ะ?”

“เทพธิดาสั่งให้ฝนตกได้ แต่ยู่หลิวซูทำไม่ได้ จะให้เขาอยู่ไปทำไม? ให้เสียน้ำเปล่าประโยชน์หรือ?”

ถึงตอนพระอาทิตย์ตกดิน

หลานเยาเยาก็ออกจากห้องไปยังสถานที่ลับตาคน มองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร นางก็รีบเอาน่องไก่ที่ปกปิดเอาไว้นานแล้วออกมาแทะ

หลังจากเดินไปสักพัก และน่องไก่ที่สีเหลืองทองเย้ายวนก็เหลือเพียงแต่กระดูก นางก็โยนไป เช็ดๆมือและเคาะหน้าต่างข้างๆ

“พระอาทิตย์ก็ตกแล้ว ทำไมถึงมีคนมาเคาะหน้าต่างอีก?”

ในห้องมีเสียงสงสัยของผู้ชายดังออกมา แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบของอีกคนที่อยู่ในห้อง แต่ได้ยินเสียงฝีเท้า ที่เดินมายังหน้าต่าง

“แอ๊ด……”

หน้าต่างถูกผลักออก ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏตรงหน้าหลานเยาเยา

“เป็นเจ้า!”

คนที่เปิดหน้าต่าง หลังจากเห็นหลานเยาเยา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเหลือเชื่อมาก แต่หลังจากนั้นก็โล่งใจ สายตามองเข้าไปในห้องแว็บนึง และถามเสียงเบาว่า:

“เจ้ามาหาจาวหยาง?”

หลานเยาเยาดีกับจาวหยางขนาดนั้น ช่วงนี้ไม่เห็นหลานเยาเยามาก้าวก่ายเรื่องของจาวหยาง ก็คิดว่านางจะไม่เข้ามายุ่งแล้ว

คิดไม่ถึงว่าจะมาตอนนี้ แถมยังใช้วิธีนี้……

“ฝ่าบาทปกปิดนางดีขนาดนั้น ประตูห้องยังมีองครักษ์วังหลวงเฝ้าไว้ ท่านคิดว่าข้าจะมาผิดที่หรือ?”

เย่หลีเฉินกระพริบตา

ถ้าหลานเยาเยาส่งเสียงอื้มอย่างเย็นชาแบบเมื่อก่อน เขาจะไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่พอหลานเยาเยาอธิบายแบบนี้ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที

นี่คืออธิบาย?

อธิบายกับเขา หรืออธิบายกับจาวหยาง?

หลังจากนั้นเมื่อเห็นสายตาของนาง มองไปที่พระราชธิดาจาวหยางที่อยู่บนเตียงในห้อง สายตาของเย่หลีเฉินก็ดูหดหู่ จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้น หันข้าง ให้ที่แก่หลานเยาเยา และให้นางข้ามหน้าต่างเข้ามา

อิจฉาจาวหยางจริงๆ ที่ได้ความเป็นห่วงและคิดถึงของนาง……

เมื่อไหร่กันที่เขาจะมีตำแหน่งเล็กๆในใจนางบ้าง?

พอรู้สึกตัวว่าตนเองคิดอะไรอยู่ เย่หลีเฉินก็แย้งกับตัวเองเล็กน้อย

เย่หลีเฉิน เจ้าคิดอะไรอยู่? นางเป็นอาสะใภ้เจ้านะ

หลังจากหลานเยาเยาเข้าไป

จาวหยางที่นั่งอยู่บนเตียง เห็นได้ชัดว่านางระมัดระวังตัวเกินไป หลบสีหน้า และพยายามหลบสายตาของหลานเยาเยาอย่างสุดความสามารถ

“โอ้ ไม่เจอกันนาน โหลวเย่วไม่ชอบข้าแล้วหรอ? มา รับไป”

พูดจบ!

หลานเยาเยาหยิบน่องไก่อีกอันที่กำเอาไว้นานแล้ว โยนไปให้โหลวเย่ว และถือวิสาสะไปนั่งข้างโหลวเย่ว สายตาก็จับจ้องไปยังขาไก่ ที่โหลวเย่วรับไปไว้ในมือ ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้

“……”จู่ๆดวงตาของโหลวเย่วก็แห้งไป

เทพธิดาคือหลานเยาเยาจริงๆ หลานเยาเยาที่นางรู้จักกลับมาแล้ว……

เย่หลีเฉิน:“……”

เทพธิดาที่เขารู้จักหายไปแล้ว……

ที่แท้ รูปร่างแรกๆของหลานเยาเยาก็มีชีวิตชีวาน่ารักเช่นนี้ ความเจ็บปวดในใจก็เอ่อขึ้นมาอีกครั้ง

ที่แท้ ตนเองก็เคยพลาดหลานเยาเยาที่ดีที่สุดไป ตอนที่อยากจะหันกลับไป นางก็ไปไกลแล้ว และก็ไม่มีทางเข้าไปในหัวใจนางได้อีก

“โหลวเย่ว มือถือน่องไก่เมื่อยไหม? อยากให้ข้าช่วยรึเปล่า?”

ตอนนี้ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนาง ได้เข้าสู่รูปแบบการจำศีล ถ้าจะเปิดใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่

น่องไก่สองอันนี้นางนั้นหยิบออกมาก่อน มันเย็นหมดแล้ว แต่นางยืมหม้อของท่านทวดมาทำให้ร้อน และกลัวว่ามันจะเย็นอีก นางจึงกำมันไว้ตลอด

เดิมทีวางแผนว่าจะให้พวกเขาคนละน่อง

แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อนางทนกลิ่นที่ยั่วยวนของน่องไก่ไม่ไหว จึงแทะน่องไก่ของเย่หลีเฉินไป

แค่กๆ!

เรื่องนี้ นางพูดออกมาไม่ได้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท