เมื่อมองไปที่ร่างของอบินเซอร์ ซู่เจินก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและปลดปล่อยพลังจิตของเขาออกมา
ทำให้บาดแผลของอบินเซอร์ที่ช่วงหัวไหล่ค่อย ๆ ขยายออกและฉีกขาดออกจากกัน จากนั้นคริสตัลสีเหลืองก็ค่อย ๆ ลอยออกมา
แน่นอนว่าคริสตัลสีเหลืองนี้มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะว่าสิ่งนี้คือพลังของ พารัลแลกซ์ พลังแห่งความกลัว ซึ่งตรงกันข้ามกับพลังความมุ่งมั่นของกรีนแลนเทิร์นโดยสิ้นเชิง ถ้าหากว่ามีใครได้สัมผัสมัน มันจะค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพจิตใจของคนที่สัมผัสมันให้เลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม และเจ้าคริสตัลสีเหลืองนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ พารัลแลกซ์ ได้เดินทางมาที่โลกเพื่อกลืนกินความกลัวและเพิ่มพลังของมันให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม!
“ระบบเจ้าสิ่งนี้มันมีประโยชน์อะไรใหม ? ถ้าเกิดว่าไม่มีฉันจะได้ทำลายมันทิ้งซะ!” เวลาที่ซู่เจินจะอยู่ในดันเจี้ยนได้มันมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการรอให้ พารัลแลกซ์ ลงมาที่โลก เพราะว่าเมื่อเขาไม่อยู่แล้วใครจะเป็นคนจัดการกับมันล่ะจริงไหม?
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือทำลายเจ้าสิ่งนี้ทิ้งซะ ทำให้พารัลแลกซ์ไม่สามารถมาที่โลกได้และโลกก็จะปลอดภัย
“โฮสต์สามารถกลืนกินเจ้าสิ่งนี้ได้ และยังสามาถสร้างพลังงานพิเศษไว้อัพเกรดระบบได้อีกด้วย!” ระบบตอบกลับ
“ความสามารถของเจ้าสิ่งนี้คือการกลืนกินความกลัวหรือดูดซับความกลัวกันแน่?” ซู่เจินครุ่นคิดอย่างหนักและเขาก็คิดว่าพลังความกลัวนั้นมันค่อนข้างจะน่ากลัวมากซะทีเดียว เพราะว่าตราบใดที่มีคนรู้สึกกลัวเขา เขาก็จะได้รับพลังอันแข็งแกร่งมา อย่างไรก็ตามการที่เขาจะกลืนกินเจ้าสิ่งนี้ มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายและเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืนมันน่าจะไม่เพียงพออย่างแน่นอน!
“ระบบเก็บเจ้าสิ่งนี้ไว้ในมิติเก็บของ!”
เวลาต่อมาคริสตัลสีเหลืองนั้นก็เข้าไปอยู่ในมิติเก็บของทันที และพารัลแลกซ์ก็ไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้อีกต่อไป!
“ยังไงก็ตามฉันควรที่จะเอาศพของอบินเซอร์ไปด้วย”
นอกเหนือจากตัวตนของอบินเซอร์ที่เป็นกรีนแลนเทิร์นแล้ว เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ต่างดาวคนหนึ่ง ซึ่งเขาสามารถนำร่างของอบินเซอร์ไปศึกษาได้และในอนาคตเขาอาจจะพบอะไรบางอย่างก็ได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้เขาก็มีสมบัติล้ำค่ามากมายที่อยู่ในมิติเก็บของของเขาในตอนนี้!
ไม่ว่าจะเป็น อนุภาคแรงโน้มถ่วง , อนุภาคอีเทอร์ , กล่องน้ำแข็ง และก็คริสตัลสีเหลืองอันนี้
แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในมิติเก็บของ ของเขามันเป็นสิ่งที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะใช้มันได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงแต่จ้องมองไปที่พวกมัน ทำให้ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ก็คือ ชุดเกราะของแอสการ์ด ซึ่งเจ้าชุดเกราะตัวนี้มันคนละระดับกับชุดเกราะตัวอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!
หลังจากนั้นไม่นานก็ค่อย ๆ มีเสียงของเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้น เมื่อซู่เจินเห็นเช่นนั้นเขาก็ใส่แหวนไปที่นิ้วของเขาและหยิบตะเกียงแลนเทิร์นขึ้นมาและตัวของเขาก็กลายเป็นไฟและบินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อซู่เจินกลับมาถึงโรงแรม เขาก็มองไปที่ตะเกียงแลนเทิร์นและแหวนที่อยู่บนนิ้วของเขา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าแหวนน่าจะมีพลังไม่มากนัก และเมื่อไหร่ที่เขาเปิดใช้งานแหวน เขาจะต้องบินออกจากโลกเพื่อมุ่งหน้าไปยังดาวโออา สำนักงานใหญ่ของกรีนแลนเทิร์น หลังจากนั้นเขาก็จะได้รับชุดรัดรูปสีเขียว ซึ่งมันก็ไม่ได้ดูสวยงามอะไรมากมายอย่างที่คิด และยิ่งไปกว่านั้นตัวของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอในด้านของพลังป้องกันหรือการรักษาอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ทำให้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องหันไปพึ่งพาเจ้าชุดนี่เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นจุดประสงค์หลักของเขาก็คือแหวนของกรีนแลนเทิร์น เพื่อนำมันมาเป็นภาชนะของรับพลังของอนุภาคอีเทอร์ ไม่ใช่เพื่อทำให้เขากลายเป็นกรีนแลนเทิร์น!
“ระบบเอาอนุภาคอีเทอร์ออกมา!”
เมื่อซู่เจินกล่าวจบทันใดนั้นอนุภาคอีเทอร์ก็ปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเขา และก็ค่อย ๆ มีกลุ่มควันสีดำกระจายออกมา และมันก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของซู่เจินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมันก็เริ่มดูดกลืนพลังงานของเขาทันที
“มาลองดูกันว่าการคาดเดาของฉันมันจะสำเร็จหรือไม่!”
ซู่เจินถอนหายออกมาใจเบา ๆ และค่อย ๆ รวบรวมพลังของอนุภาคอีเทอร์ไปที่แหวนกรีนแลนเทิร์นที่อยู่บนนิ้วของเขา ตอนแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่หลังจากที่มันเริ่มเข้าใกล้แหวนที่อยู่บนนิ้วของเขามันก็เริ่มเกิดอาการต่อต้านอย่างรุนแรง แน่นอนว่าอนุภาคอีเทอร์เป็นหนึ่งใน อินฟินิตี้ สโตน นอกจาก อินฟินิตี้ สโตน แบบเดียวกันแล้วมันไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด แต่มันกลับกลัวแหวนของกรีนแลนเทิร์น และพยายามต่อต้านอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้มันเข้าใกล้แหวนวงนี้
การค้นพบนี้ทำให้ซู่เจินรู้สึกมีความสุขและด้วยปฏิกิริยาของอนุภาคอีเทอร์ที่ต่อต้านอย่างรุนแรงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการคาดเดาของเขามันมีความเป็นไปได้!
ตอนนี้ซู่เจินพยายามอย่างเต็มเพื่อควบคุมให้อนุภาคอีเทอร์เข้าใกล้แหวนให้ได้มากที่สุดและเขายังใช้พลังจิตเป็นตัวผลักดันให้อนุภาคอีเทอร์เข้าไปใกล้แหวนได้เร็วยิ่งขึ้น…..แต่มันก็ยังช้าอยู่ดี!
เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผากของซู่เจินและใบหน้าของเขาก็เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เพราะว่าการที่เขาพยายามควบคุมพลังของเขาอย่างต่อเนื่องมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และกัดฟันสู้ต่อไป
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขายอมแพ้ อนุภาคอีเทอร์มันจะล่าถอยทันทีและมันอาจจะใช้ประโยชน์จากตรงนั้นเพื่อดูดกลืนพลังงานของเขา ซึ่งมันอันตรายเป็นอย่างมาก!
“เข้าไปซะ!“
เส้นเลือดสีฟ้าเริ่มปูดโปนขึ้นมาบนร่างของซู่เจิน และเขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดัง ทันใดนั้นพลังจิตทั้งหมดของเขาก็ระเบิดออกมาและผลักดันไปที่อนุภาคอีเทอร์อย่างรุนแรง ทำให้อนุภาคอีเทอร์พุ่งเข้าไปในแหวนอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ แต่ทันใดนั้นแหวนก็เริ่มส่องแสงสว่างขึ้น และเริ่มดูดกลืมอนุภาคอีเทอร์เข้าไป แม้ว่ามันพยายามจะหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามีซู่เจินคอยใช้พลังจิตครอบคลุมเอาไว้อยู่ หลังจากนั้นไม่นานมันก็ถูกดูดเข้าไปในแหวนจนหมด
ทันทีที่แหวนดูดกลืนจนหมด มันก็เริ่มส่องแสงสีเขียวเปล่งประกายแพรวพราวไปทั่วทั้งห้องและซู่เจินก็เป็นลมหมดสติไปทันที
ซู่เจินไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน เขาค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ และพยายามอดทนต่ออาการปวดหัวอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่แหวนสีเขียวที่อยู่ในมือของเขา!
ในตอนนี้แหวนได้เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากแสงสีเขียวดั้งเดิม ตอนนี้กลายเป็นแสงสีเขียวเข้มสีแบบเข้มมาก ๆ และโลโก้รูปหลอดไฟตรงกลางของแหวนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยราวกับว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยอนุภาคอีเทอร์จนกลายเป็นสีดำเงา ซึ่งมันดูพิเศษมาก ๆ !
“ตอนนี้มันไม่น่าจะใช่แหวนของกรีนแลนเทิร์นแล้วใช่ไหม? หรือว่ามันคือ แหวนอีเทอร์?”
เมื่อมองไปที่แหวนซู่เจินก็พึมพำขึ้นมากับตัวเอง