ภายในตำหนักเฟยเฟิ่งที่เดิมก็ไม่ได้กว้างมาก เซิ่งจินและเซิ่งเซียวกับหยางเสวียนโรมรันพันตูกันอยู่ด้านหนึ่ง ทั้งสองแม้ร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ แต่กลับคล่องแคล่วว่องไวไม่เท่าหยางเสวียน กอปรกับสูดควันพิษเข้าไปไม่น้อย การจู่โจมจึงอ่อนแรงลง
องครักษ์นับร้อยวิ่งเข้ามาในลานกว้าง มายืนขวางหน้าตงฟางเจ๋อ และล้อมตำหนักเฟยเฟิ่งไว้อย่างแน่นหนาในพริบตา
“หยางเสวียน! ความตายมาเยือนแล้วยังคิดจะขัดขืน ยอมจำนนแต่โดยดีคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า!”
หยางเสวียนได้ยิน ก็ยิ่งโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงกว่าเดิม ตงฟางเจ๋อเกลียดนางกับจั้นอู๋จี๋เข้ากระดูก จะปล่อยนางไปง่ายๆ ได้เช่นไร! นางตะโกนเสียงเกรี้ยวอย่างไม่ลังเล “ตงฟางเจ๋อ มีปัญญาท่านก็ฆ่าข้าเลยสิ!”
ยามนี้ หยางเสวียนไม่เกรงกลัวต่อความตาย นางต่อสู้ราวกับมัจฉาตายตาข่ายขาด สีหน้าตงฟางเจ๋อเหี้ยมโหดสุดขีด นางคิดจะตายง่ายๆ งั้นหรือ? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!
“เซิ่งจิน เซิ่งเซียว ถอยไป!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ตงฟางเจ๋อก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ กระโดดเข้ามาร่วมวงต่อสู้อันดุเดือด เซิ่งจินกับเซิ่งเซียวรีบถอยออกไปทันที
แส้มุ้งโบกสะบัดอย่างรวดเร็วไร้ช่องโหว่ โอบล้อมตงฟางเจ๋อให้ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเงาอันสลับซับซ้อน ยากจะแยกแยะ เสียงสวบสาบดังขึ้นที่ข้างหูอย่างต่อเนื่อง ดอกไม้ในลานหน้าตำหนักเฟยเฟิ่งถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เศษดอกไม้ใบหญ้าลอยกระจัดกระจายทั่วทิศ ทุกคนต่างผงะถอยหลัง
“ตงฟางเจ๋อ เสียแรงที่ท่านทุ่มเทในความรักที่มีต่อซูหลี ปกป้องนางทุกวิถีทาง แต่นางกลับไม่เห็นค่า! แม้ตายก็ขอตัดขาดกับท่าน ท่านช่างเป็นบุรุษที่ล้มเหลวจริงๆ!” หยางเสวียนต่อสู้สุดกำลัง ในขณะที่ปากก็พูดไม่หยุด หมายจะกระตุ้นโทสะตงฟางเจ๋ออย่างสุดความสามารถ
ความเจ็บปวดที่พยายามหลีกเลี่ยง กลับถูกนางสะกิดอย่างแรง ใบหน้าตงฟางเจ๋อเขียวคล้ำ สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธเกรี้ยว เปลี่ยนแรงกดดันที่ชวนให้ผู้คนหายใจไม่ออกให้กลายเป็นอาวุธคร่าชีวิต แล้วพุ่งตรงไปหาหยางเสวียน
หยางเสวียนสู้สุดกำลัง แต่ไม่อาจต้านทานพลังของตงฟางเจ๋อที่กำลังโกรธแค้นได้ เขาเล็งโอกาส พอได้จังหวะก็เอื้อมมือไปจับปลายอีกด้านของมุ้งไว้มั่น แล้วกระตุกแขน หยางเสวียนเสียหลักล้มลงไป ยังไม่ทันลุกขึ้นยืน ลำคอเรียวยาวก็ถูกตงฟางเจ๋อบีบแน่น!
“เรื่องของข้ากับซูซู ไม่ต้องให้เจ้ามาวิจารณ์!” เสียงของตงฟางเจ๋อดังก้องในหู ดั่งเสียงของยมราช เย็นยะเยือกจับใจ
ชายหนุ่มออกแรงบีบ ความทรมานจากการขาดอากาศหายใจกำลังรีดเอาอากาศออกจากปอด สายตาของหยางเสวียนมืดมัว นางมองเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่กลับสัมผัสได้ชัดถึงความคลุ้มคลั่งของตงฟางเจ๋อ!
นางอ้าปาก หน้าเริ่มม่วงคล้ำ หายใจติดขัด ทว่าในใจกลับรู้สึกชื่นมื่นขึ้นมา ตงฟางเจ๋อผู้ที่สุขุมเยือกเย็น ยากแท้หยั่งถึงเสมอมา กลับมีวันนี้ด้วย! แรงอีกนิด ตายด้วยน้ำมือเขา ก็ยังดีกว่าถูกทรมานตายอย่างอนาถในคุก!
เงามืดแห่งความตาย ค่อยๆ แผ่ลามไปทั่วร่างกาย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด จู่ๆ ความรู้สึกบีบรัดจนหายใจไม่ออกที่ลำคอพลันคลายออก นางหอบหายใจอย่างรวดเร็ว สายตาเย็นเยียบ รีบยัดยาใส่ปากอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ยาเพิ่งเข้าไปในปาก นางก็ถูกสกัดจุดลมปราณทั้งร่างกายเสียก่อน!
เสียง ‘กึก’ ดังขึ้น กรามล่างถูกเขางัดเปิด! เม็ดยาร่วงหล่นออกจากปาก
“เจ้าฐานะสูงส่ง ตายอย่างนี้ก็เสียเปล่าน่ะสิ!” ตงฟางเจ๋อพยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะคลุ้มคลั่งอย่างสุดกำลัง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เซิ่งฉิน ปล่อยข่าวออกไป! องค์หญิงเจาหวาแห่งแคว้นเปี้ยนหมายจะใช้ประโยชน์จากงานอภิเษกสมรส โดยร่วมมือกับจั้นอู๋จี๋กากเดนจากแคว้นหวั่นทำลายแผ่นดินเฉิง พยานหลักฐานมีพร้อม ความผิดถูกตัดสินชัดเจน สามวันให้หลังประหารโดยใช้วิธีสว่านเจาะถ้ำ!”
หยางเสวียนเบิกตากว้าง สายตาพร่ามัว หมดสติไปทันที
องค์หญิงเจาหวาจะถูกประหารชีวิตด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุดของแคว้นเฉิงในสามวันให้หลัง กลายเป็นข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วท้องถนนในเมืองหลวงเพียงชั่วข้ามคืน ราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถูกขว้างเข้าไปในสระน้ำลึก ก่อให้เกิดคลื่นลมลูกใหญ่
เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นแต่กลับร่วมมือกับกบฏจากแคว้นที่ล่มสลายไปแล้ว ทำเรื่องเลวร้ายที่แม้แต่เทพเจ้ายังต้องพิโรธ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย! ชั่วขณะหนึ่ง ชาวบ้านทั่วเมืองหลวงต่างพากันโกรธแค้น หยางเสวียนกลายเป็นเป้าโจมตีของชาวบ้าน กระแสความสนใจที่มีต่อองค์หญิงต่างแคว้นองค์นี้พลันพุ่งถึงขีดสูงสุด
ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง เส้นทางสู่ลานประหารรวมถึงบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มารอดู แม้แต่ขอทานก็ไม่เว้น ทุกคนยืดคอชะเง้อมอง ราชสำนักจัดองครักษ์หลายพันคนมาดูแลความเรียบร้อย
บนลานประหารไม่มีเครื่องตัดหัว เพราะนักโทษที่ต้องประหารในครั้งนี้มีมากเกินไป ทำได้เพียงใช้ไม้กั้นเพื่อสร้างพื้นที่กว้าง คณะทูตหนึ่งร้อยสามสิบคนคุกเข่าเต็มพื้นบริเวณนั้น กลุ่มละสิบคน ทั้งหมดสิบสามกลุ่ม ด้านหลังสุดมีเครื่องทรมานที่ทำจากไม้ตั้งอยู่ หยางเสวียนถูกมัดมือและเท้าติดอยู่บนนั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผ่านไปเพียงสามวัน ดวงหน้างดงามแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวทรุดโทรม นัยน์ตากลับไม่ปรากฏความเสียใจแม้แต่น้อย
มีโอกาสสละชีวิตเพื่อแว่นแคว้น สำหรับนางไม่ถือเป็นเรื่องน่าโกรธแค้น ในเมื่อนางกล้ามา ก็เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกอย่างแล้ว! ทุกคนบนโลกใบนี้ สุดท้ายก็ต้องตายกันทั้งนั้น!
เผิงอิง ทูตจากแคว้นเปี้ยนคุกเข่าอบยู่บนพื้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่อยากเชื่อ ว่าตงฟางเจ๋อจะฆ่าพวกเขาจริงๆ! เขารู้หรือไม่ว่าทำอย่างนี้จะก่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงตามมาอย่างไร?
“ตงฟางเจ๋อท่านบ้าไปแล้วหรือไง?! องค์หญิงเจาหวาเป็นธิดาที่ฮ่องเต้ของเราทรงรักใคร่ที่สุด หากท่านกล้าแตะต้องนาง! ฮ่องเต้ของเราต้องไม่ปล่อยท่านไปแน่!” เผิงอิงคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ
บุรุษรูปงามที่นั่งอยู่บนที่นั่งผู้สังเกตการณ์ ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ ในดวงตาสงบนิ่งลึกล้ำของเขา มีเพียงความไม่ยี่หระต่อสิ่งใดและแววตาอันว่างเปล่าเท่านั้น
บ้างั้นหรือ? บางทีอาจใช่กระมัง
นับตั้งแต่วันที่ซูซูตาย เขาก็เหมือนตกนรกไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นอีกแล้ว
เขารู้ดีกว่าใคร ว่าหากฆ่าหยางเสวียนแล้วจะเกิดอะไรตามมา ลอบแสยะยิ้มในใจ อย่างมากก็แค่เปิดศึก โลกใบนี้ อย่างไรเขาก็คิดจะยึดครองมันอยู่แล้ว! หากจะเริ่มเร็วหน่อยจะเป็นไรไป?
หยางเสวียนตะโกนเสียงดัง “ตงฟางเจ๋อ เรื่องที่ข้าทำ คนอื่นไม่รู้เรื่องด้วย เจ้าปล่อยพวกเขาไป เหลือข้าไว้คนเดียว จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย!”
“ป่านนี้แล้วยังคิดจะต่อรอง? สายเกินไปแล้ว” ตงฟางเจ๋อก้าวเท้าลงจากแท่นสังเกตการณ์มาหานาง สายตาเยือกเย็นทอดมองกลุ่มคน “วันนี้มีคนมารอดูการประหารเยอะมาก บางที…อาจมีคนที่เจ้าอยากเจอมากรวมอยู่ด้วย”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศในวันนี้ ณ วินาทีนี้ อัศวินชุดเกราะสีดำจำนวนสามพันคนได้แอบซุ่มอยู่บนหลังคาทั้งสองฝั่งถนน หากจั้นอู๋จี๋ปรากฏตัว ก็จะตายโดยไร้ที่ฝังศพทันที!
หยางเสวียนปวดใจเหมือนโดนมีดกรีดแทง สาเหตุที่นางตั้งใจจะตายในวันนั้น ก็เพราะไม่อยากถูกใช้เป็นเหยื่อล่อจั้นอู๋จี๋ให้ปรากฏตัว เขาอุตส่าห์หนีออกจากวงล้อมทหารอันแน่นหนาไปได้ จะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายเพราะนางอีกครั้งได้เช่นไร? แต่ถึงอย่างนั้น ลึกๆ ในใจนางก็ยังปรารถนาที่จะได้พบหน้าเขาอีกสักครั้งก่อนตาย…แม้เพียงแวบเดียวก็ยังดี!
ความเจ็บปวดอันขัดแย้งกับความหวังอันต่ำต้อยพัวพันในจิตวิญญาณ ทรมานหัวใจของสตรีที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความสิ้นหวัง
นัยน์ตางามมีเพลิงแค้นลุกโชติช่วง นางกัดฟันจ้องหน้าเขาอย่างโกรธแค้น “ตงฟางเจ๋อ เจ้ามันต่ำช้า!”
“เทียบกับสิ่งที่เจ้ากับจั้นอู๋จี๋ทำ ข้ายังถือว่าห่างชั้นอีกไกล!” ตงฟางเจ๋อมองหน้านางพร้อมรอยยิ้มเย็นชา สำหรับศัตรูที่คิดจะทำลายชาติบ้านเมืองของเขา รวมถึงศัตรูที่วางแผนทำร้ายสตรีอันเป็นที่รักของเขา ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร ก็ไม่เคยรู้สึกว่าสาสม
“เริ่มการประหาร!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ดาบเล่มใหญ่เงื้อขึ้นกลางอากาศ เพรชฆาตฟาดฟันลงไปอย่างไม่ลังเล เลือดสีแดงสดสาดกระจายไปทั่วทิศ ศีรษะของคนหนึ่งร้อยสามสิบคนถูกบั่นขาดจากคอ เกลือกกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกันทั้งหมด แววตาเจ็บใจและเคียดแค้น พลันค้างเติ่งอยู่บนใบหน้าไปตลอดกาล
……………………………………….