ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 109

ตอนที่ 109

ด้วยอาวุธที่แข็งแกร่งและการร่วมมือกัน มนุษย์สามารถฆ่าสัตว์ร้ายในระดับที่สูงว่าตัวเองได้ และเมื่อได้เห็นอาวุธต่างๆของก็อบบลิน ก็ทำให้เจสันสงสัย

ถ้าพวกมันสามารถสร้างรูนที่สามารถป้องกันการโจมตีระยะไกลได้และเพิ่มความสามารถ ความแข็งแกร่งของอาวุธได้ ทำไมพวกมันถึงไม่สร้างขึ้นเยอะๆ หรือพวกมันกำลังรวบบรวมกองทัพเพื่อที่จะเข้ายึดครองไซโร และอย่างน้อยต้องมีก็อบบลินตัวหนึ่งที่มีความรู้ และมีความฉลาด

‘พวกมันวางแผนอะไรอยู่หรือกำลังรอบางสิ่งบางอย่าง ?’

เจสันครุ่นคิด

ในตอนนี้มีสิ่งเดียวที่ทำให้เจสันพอใจ คือแกนมานาของเขาที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ หลังจากที่ต่อสู้กับก็อบบลินกลุ่มเล็กๆ อีก 2-3 กลุ่ม เจสันรู้สึกว่าแกนมานาของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างสมบูรณ์ และเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เจสันก็กลับเข้าไปในโดมและฝึกเทคนิคนรกสวรรค์ขั้นสอง

และเจสันก็ส่งภาพของจี้ห้อยคอและอาวุธหินที่พวกก็อบบลินสลักอักษรรูนเอาไว้ และมั่นใจว่าทิลล์ต้องรู้อะไรบางอย่างและรู้เกี่ยวกับอักษรรูน จากสิ่งที่ทิลล์เคยวาดวงเวทย์ตอนที่เจสันฝึกเทคนิคแยกจิต

ถ้าทิลล์ไม่รู้เกี่ยวกับรูนพวกนี้ แสดงว่ามันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากฝึกเสร็จก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับจากทิลล์ และเจสันก็ออไปล่าก็อบบลินอีกครั้ง

เมื่อเดินออกมาจากโดม เจสันเห็นทีมล่าสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ 2-3 ทีม ซึ่งมีเด็กบางคนที่แก่กว่าเขาเล็กน้อย กำลังเดินโซเซและช่วยหยุงกันเข้าไปในโดม

พวกเขาดูหวาดกลัวและกำลังหนีบางสิ่งบางอย่างและเจสันสงสัยว่ามันคืออะไร

ดวงตามานาของเจสันถูกกระตุ้นอยู่เสมอเมื่ออยู่นอกโดมและเมื่อมองมาที่พวกเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ เจสันก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับพวกเขา

‘นั่นมันพิษ เป็นฝีมือของพวกก็อบบลินงั้นหรอ ?’

เจสันถามตัวเองและเจสันรู้ว่าพิษนั้นไม่ได้ร้ายแรงมากพอที่จะฆ่าคนได้

และเจสันเองก็มีคาวมต้านทานพิษอยู่ จากสกอร์พิโอ เจสันได้เดินออกไปเพื่อหาต้นตอและเจสันก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้ธนูและจัดการก็อบบลินด้วยการบลิงค์เข้าสังหาร ซึ่งมันรวดเร็วกว่า

ยิ่งเจสันสังหารพวกก็อบบลินไปมากเท่าไหร่ เจสันก็ยิ่งรู้ถึงการเคลื่อนไหวของมันมากขึ้นเท่านั้น และหลังจากสังหารก็อบบลินกลุ่มใหญ่กลุ่มที่ 6 แล้ว ก็มีบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเวลาใกล้มืด เจสันได้สังเกตว่าก็อบบลินจำนวนมากใช่ท่อเป่าลูกดอกอาบยาพิษ เมื่อพวกมันสู้กับเจสัน แต่มันก็ทำอะไรเจสันไม่ได้ ดวงตาสีทองของเจสันสั่นไหวมากขึ้นและเมื่อพวกก็อบบลินมองเข้าไปทำให้พวกมันหวาดกลัวไปถึงกระดูกและไม่สามารถขยับได้ด้วยความหวาดกลัว

เจสันไม่ได้รับบาดเจ็บมากนั้น มีเพียงบาดแผลเล็กๆ จากลูกดอกพิษของพวกมัน แต่พิษน้ันก็ไร้ประโยชน์เมื่อใช้มันกับเจสัน และเมื่อจัดการพวกมันจนหมด ขณะที่เจสันกำลังเก็บซากของพวกก็อบบลิน เจสันก็ได้สัมผัสถึงมานาที่ด้านหลัง

เจสันได้รวบรวมพลังและใช้เทคนิคไร้น้ำหนักและบลิงค์หายไปจากพื้นที่ตรงนี้ เพียงครู่เดียวเจสันก็ได้ยินเสียงระเบิด ในจุดที่เจสันหนีออกมา เมื่อหันไปมอง เจสันเบิกดวงตากว้างด้วยความตกใจ

และลูกไฟอีกลูกกำลังพุ่งเข้ามาหาเจสันเจสันทำได้เพียงกระโดหลบและใช้จี้ห้อยคอที่เสริมพลังป้องกันที่ได้จากพวกก็อบบลิน เกาะขนาดใหญ่ได้ป้องกันเจสัน แต่ถึงอย่างมันมันก็มีลูกไฟอีก 5 ลูกที่พุ่งมา เกาะจากอักษรรูนไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด และแรงระเบิดทำให้เจสันกระเด็นออกไป 2 เมตร

เจสันกลิ้งไปที่พื้น และรีบกระโดดลุกขึ้นมา เมื่อสังเกตว่ามานาในจี้นั้นได้หมดลงไปแล้ว และมานาของเจสันในตอนนี้ก็ยังไม่พอที่จะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง เจสันได้มองไปทางศัตรูและได้เห็นก็อบบลินจอมเวทย์ 10 ตัว

และมีก็อบบลินที่มีขนาดเท่ามนุษย์โตเต็มวัย มีกล้ามเนื้อและเขี้ยว

[นั่นมัน ฮ็อบกอบบลิน !!]

เจสันขมวดคิ้วด้วยความตึงเครียดและสแกนแกนมาของพวกและพบว่ามันยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็เป็นสัตว์ร้ายในระดับที่วิวัฒนาการแล้ว

แต่นั่นยังไม่พอ ด้านหลังของพวกฮ็อบก็อบบลิน ยังมีทหารก็อบบลินอีก 100 กว่าตัว เจสันคิดว่านี่มันไม่เรื่องปกติแล้ว และสถานการ์มันกำลังเลวร้ายมากขึ้น เจสันรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และเวลาผ่านไปสักพักเจสันก็ได้สงบสติตัวเองลง

เจสันถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่า

“สุดท้ายและก็อบบลินที่ดี คือก็อบบลินที่ตายแล้ว”

ในขณะที่เจสันกำลังคิดว่าตัวเองนั้นเป็นฮีโร่ และเจสันหยิบปืนมานาออกมา ดวงตาของเจสันเปลี่ยนไปกลายเป็นความเยือกเย็นและเจสันก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เจสันเปลี่ยนแม็กกาซีนเป็นกระสุนเวทย์มมนต์

เจสันยิงปืนใส่พวกก็อบบลินจอมเวทย์ที่อยู่ด้านหน้า

*ปังงงงง*

เสี่ยงดังกึกก้อง และรูนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าก็อบบลินจอมเวทย์ กระสุนเวทย์มนต์ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่มันก็มีราคาที่แพงมากและมันสามารถทำลายรูนระดับ 1 ได้ แต่นั้นก็มากเกินพอที่จะทำลายรูนของพวกมันได้

ก่อนที่ก็อบบลินทั้งฝูงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองเมื่อได้ยินเสียลูกปืน รูนอีก 9 อันก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าก็อบบลินจอมเวมย์ และตัวหนึ่งที่เจสันได้ยิงใส่ มันก็ทรุดตัวลงด้วยความตาย

เจสันได้เปลี่ยนแม็กกาซีนเป็นกระสุนเจาะเกาะ พวกก็อบบลินและฮ็อบก็อบบลินได้ตกใจและเริ่มคลั่งในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ฮ็อบก็อบบลินมีระดับที่สูงกว่าพวกก็อบบลินทั่วไป และก็อบบลินจอมเวทย์แล้วมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความสำคัญจากเผ่าพันธุ์ของมัน เมื่อถูกฆ่าตายพวกมันจึงโกรธมาก

จากนั้นพวกมันเริ่มบุกโจมตีเจสัน โดยไม่ได้สนใจอาวุธปืนของเจสัน ฮ็อบก็อบบลินฉลาดกว่าก็อบบลินทั่วไปแต่ก็ไม่เท่ากับพวกก็อบบลินจอมเวทย์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจสันถึงฆ่าพวกมันก่อน

ฮ็อบก็อบบลิน 3 ตัว และก็อบบลินอีก 100 กว่าตัวได้พุ่งที่จะโจมตีเจสัน เจสันได้ยิ้มและยิงไปที่หน้าอกของฮ็อบก็อบบลินทั้ง 3 พวกมันได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก ก่อนที่พวกมันล้มตัวลงไป

เจสันถอนหายใจเนื่องจากฮ็อบก็อบบลินได้ตายไปลง และหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมา

‘ในที่สุดฉันก็ได้ใช้มัน !!’

เจสันยิ้มอย่างเจ้าเลห์และหยิบคริสตัลทรงกระบอกที่มีขนาดเท่ากำปั้นมืออกมา เจสันปล่อยมานาใส่ลงไป และโยนมันขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่เจสันจะหมอบลง

ขณะนี้เป็นเวลากลางคืน แต่ตอนนี้มันมีแสงจ้าสว่าง เมื่อเห็นดังนั้น เจสันดึงกริชออกมา และบลิงค์ไปหาพวก็อบบลินอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานบนใบหน้า

รอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้น เมื่อพวก็อบบลินได้นองเลือดและตายไป และกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด คริสตัลที่เจสันโยนขึ้นไป มันจะระเบิดแสงออกมาทำให้พวกก็อบบลินตาบอดชั่วคราว

ตอนแรกเจสันไม่คิดว่าพวกก็อบบลินทั้งหมดจะมองไปที่มันและเจสันรู้สึกดีที่มันทุกตัวได้มองไป ทำให้เจสันสามารถสังหารพวกมันได้ง่าย เจสันจัดการก็อบบลินก่อนที่ระเบิดแสงจะหมดฤทธิ์

เจสันจัดการก็อบบลิน 100 กว่าตัว ภายในเวลาไม่กี่นาที และเจสันสงสัยว่าถ้ามีก็อบบลินตัวหนึ่งรอดไป มันจะไปบอกเกี่ยวกับความน่ากลัวของเขาให้ตก็อบบลินตัวอื่นๆ ได้รู้หรือไม่ เจสันเก็บซากของก็อบบลินและกำลังเดินกลับไปที่โดม

และเมื่อเดินเข้ามาในโดม ก็มีข้อความส่งมารัวๆ เพราะถ้าหากอยู่นอกโดมจะไร้สัญญาณ และข้อความก็ถูกส่งมาจากทิลล์มากมาย

[รีบกลับมาในทันทีที่เห็นข้อความเหล่านี้ !]

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท