พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 26

บทที่ 26

บทที่ 26 ซื้อร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า นี้ซะ

รพีพงษ์ คุณจะทำอะไรน่ะ ฉันแค่จะดูเฉย ๆ ไม่ได้จะซื้อสัก หน่อย ไม่ต้องเข้าไปก็ได้ ” อารียา รีบพูดขึ้นมา

“โทรทัศน์เครื่องที่บ้านก็ควรเปลี่ยนจริง ๆ นั่นล่ะ ยังไงก็ เดินมาถึงนี่แล้วก็เข้าไปดูสักหน่อยเถอะ” รพีพงษ์ พูดพร้อม รอยยิ้ม

อารียา ไม่มีทางเลือก เธอจึงเดินตาม รพีพงษ์ เข้าไปแต่

โดยดี

เดิมที อารียา ต้องการแค่เครื่องที่มีราคาถูกเท่านั้น แต่ รพีพงษ์ บอกว่าโทรทัศน์เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตจะต้องมี คุณภาพที่ดีที่สุด

ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาในส่วนของที่มีคุณภาพและระดับ สูงของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า

” โอ้โห รพีพงษ์ พวกเราไปที่อื่นกันดีกว่า โทรทัศน์ที่นี่มัน %3D แพงเกินไปราคาตั้งเป็นหมื่นสองหมื่นเลยนะ ”

อารียา มองไปยังป้ายราคาที่ติดอยู่ที่เครื่อง ก่อนจะหัน หลังกลับทันที

หมื่นสองหมื่นก็ยังได้อยู่นะ ลองดูก่อน ” รพีพงษ์ พูดขึ้น
ขณะเดียวกันพนักงานขายที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็เหลือบมอง

ไปที่พวกเขาทั้งสอง เธอเห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนไม่ใช่

คนร่ำรวยอะไร คงไม่สามารถซื้อโทรทัศน์ที่นี่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่เดินเข้าไปหา คนแบบนี้เธอเจอมาเยอะแล้ว ไม่มีปัญญาจะซื้อแต่ขอแค่

ได้ดูก็พอ ดังนั้นเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้เธอจึงเลือกที่จะไม่ สนใจ

รพีพงษ์ ก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องโทรทัศน์มากนัก พอดีกับที่ เขาเห็นพนักงานขายยืนไม่ไกล จึงเดินเข้าไปถามว่า ” สวัสดี ครับ คุณช่วยแนะนำเกี่ยวกับโทรทัศน์เครื่องนั้นให้เราหน่อย

ได้ไหมครับ ? ”

พนักงานขายขี้เกียจแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดู ก่อนจะพูดออก ไปตรง ๆ ว่า ” พวกคุณควรไปดูตรงส่วนอื่นนะคะ โทรทัศน์ ตรงนี้มันน่าจะแพงเกินไปสำหรับพวกคุณ ถ้าฉันต้องมาอธิ บายให้คุณฟังอีกบอกเลยว่ามันเสียเวลาของฉันค่ะ

เมื่อ อารียา ได้ยินดังนั้นเธอก็รีบเดินเข้ามาคว้าแขนของ รพีพงษ์ ทันที ยังไงเธอก็ไม่สามารถซื้อได้อยู่แล้ว ที่พนักงา นขายพูดมามันก็ถูก

รพีพงษ์ รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินพนักงา นขายพูดขึ้นมาเช่นนั้น

ไม่ว่าพวกเขาจะซื้อหรือไม่ซื้อ มันก็เป็นหน้าที่ที่ต้องแนะนำสินค้าให้กับลูกค้า พนักงานขายคนนี้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ สามารถซื้อได้ ทำให้แม้แต่การแนะนำสินค้าเธอก็ไม่อยาก

จะทำ

คนบางคนมักจะคิดว่าตัวของพวกเขาเองนั้นอยู่ในระดับที่ สูงส่ง เพียงเพราะสินค้าบางชนิดที่ตัวเองขายนั้นอยู่ในระดับ

สูง

คุณรู้ว่าพวกเราซื้อไม่ไหว ? ” รพีพงษ์ พูดขึ้นด้วยน้ำ เสียงเย็นชา

พนักงานขายเหลือบมองเขาก่อนจะเบะปากลงแล้วพูดว่า ” พวกคุณนี่ไม่ดูตัวเองเลยนะ เสื้อผ้าที่พวกคุณใส่นี่รวม ๆ กันยังไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวนเลย แล้วคุณคิดว่าคุณมีปัญญาซื้อ โทรทัศน์เครื่องละสองหมื่นหยวนหรือไง ? ”

11 ขอโทษด้วยนะคะ พวกเราแค่เข้ามาดูเฉย ๆ ทำให้คุณ ลำบากแล้ว ” อารียา รีบเดินเข้าไปดึงแขน รพีพงษ์ ถ้าหาก ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงได้ขายหน้ากันไปใหญ่แน่

แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ” พนักงานขายมอง รพีพงษ์ ราวกับว่า %3D เขารบกวนและทำให้เธอรำคาญใจเป็นอย่างมาก

” เขาเป็นพนักงานขาย นี่เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องแนะนำ สินค้าให้กับเรา ทำไมเราถึงจะไปทำให้เขาลำบากด้วยล่ะ ” รพีพงษ์ พูดขึ้น
พวกคุณดูแต่ไม่ซื่อแค่นี้ก็ทำให้ฉันล่ำบากแล้ว พนักงานขายพูดขึ้นอย่างก้าวร้าว

รพีพงษ์ ไม่ได้โต้แย้งกับพนักงานขายต่อ แต่เขากลับชี้ ไปที่โทรทัศน์เครื่องที่แพงที่สุดพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” พวกเรา จะเอาเครื่องนี้ คิดเงินเดี๋ยวนี้เลย ”

อารียา เบิกตากว้างทันทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ คุณบ้าไป แล้วรึไง เครื่องนั้นมันสามหมื่นแปดเชียวนะ ”

เมื่อพนักงานขายเห็นว่า รพีพงษ์ จะคิดเงินเลยทันที แถม

ยังเลือกโทรทัศน์เครื่องที่แพงที่สุดด้วย เธอก็เริ่มเป็นกังวล

ขึ้นมาเล็กน้อย

ถ้ารพีพงษ์ จะซื้อโทรทัศน์เครื่องที่แพงที่สุดนี้ไปจริง ๆ แล้วกลับมาฟ้องร้องเธอ เธอคงได้ตกที่นั่งลำบากเป็นแน่

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอสังเกตเห็นปฏิกิริยาของ อารียาแล้ว ในใจเธอก็เดาได้ทันทีว่า รพีพงษ์ แค่กำลังแกล้งหลอกเธอ อยู่ ยังไงพวกเขาก็ไม่มีปัญญาซื้อโทรทัศน์ที่มีราคาแพง ขนาดนี้ได้หรอก

ในท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเธอ ะ 4 เอง แต่ท่าทางของเธอที่มีต่อ รพีพงษ์ นั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง มี ต่อ

” พวกคุณพูดขึ้นมาเองนะว่าจะซื้อ ถ้าหากตอนคิดเงินพวก %3D คุณไม่มีจ่าย ฉันคงต้องให้เจ้าหน้าที่เอาตัวพวกคุณออกไปแล้วล่ะ ” พนักงานขายพูดขึ้นด้วยเสียงเย็น

มองแค่แวบเดียวก็รู้แล้วว่าสองคนนี้เป็นแค่พนักงานเงิน เดือนธรรมดา ไม่มีปัญญาซื้อแน่นอนพนักงานขายพยายาม ปลอบใจตัวเอง

ต่อมาเธอก็พา รพีพงษ์ ไปยังจุดชำระเงินและบอกให้พนัก งานอีกคนออกใบเสร็จให้ จากนั้นก็ส่งใบเสร็จให้กับ รพีพงษ์ แล้วพูดขึ้นว่า ” จ่ายเงินด้วยค่ะ ”

รพีพงษ์ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อจะเอาบัตรของ

เขา แต่ไม่ว่าจะล้วงยังไงก็ไม่เจอสักที

ทันใดนั้นเองเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ก่อนออกมาเขาเปลี่ ยนเสื้อแล้ว แต่บัตรของเขายังอยู่ที่เสื้อตัวเดิมอยู่

รพีพงษ์ เอ่อ….พวกเราไปกันเถอะ ” อารียา รู้สึกอับอาย ขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลังจากที่เห็นท่าทางหาบัตรของเขา

เมื่อพนักงานขายเห็นท่าทางของ รพีพงษ์ เช่นนั้น เธอจึง ตัดสินใจได้ทันทีเลยว่าเรื่องที่เขาจะซื้อโทรทัศน์เครื่องนี้เป็น แค่การแกล้งหลอกเท่านั้นเอง ใบหน้าของเธอจึงเพิ่มความ เหยียดหยามมากกว่าเดิมอีก

11 ฉันบอกแล้วว่าคุณไม่มีปัญญาซื้อหรอก เรื่องแค่นี้ยังจะ มาหลอกกันอีก พวกคุณจะออกไปกันเองดี ๆ หรือจะให้เจ้า หน้าที่มาลากตัวออกไป ” พนักงานขายพูดขึ้นอย่างก้าวร้าวและมั่นใจ

” ผมก็แค่ลืมเอาบัตรมาแค่นั้นเอง ” รพีพงษ์ พูดขึ้น %3D

ลืมบัตรอะไรกันล่ะ คนแบบคุณเนี่ยฉันเจอมาเยอะแล้ว อย่าคิดว่าฉันดูคุณไม่ออกนะ ลืมเอาบัตรมาอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมคุณไม่ลืมเอาภรรยามาบ้างล่ะ ” พนักงานขายพูด ขึ้นอย่างดูถูก

รพีพงษ์ รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันที เขารู้สึกทนไม่ไหวเมื่อมี อะไรมาเกี่ยวข้องถึงภรรยาของเขา

คุณรอผมอยู่ตรงนี้นะ ผมออกไปโทรศัพท์ก่อน ”

รพีพงษ์ หันหลังกลับและเดินออกไปทางด้านข้าง ยังจะโทรศัพท์อะไรอีก ซื้อก็ซื้อไม่ไหวยังจะมาแสดงอยู่

ได้ไร้ยางอายจริง ๆ ”

ใบหน้าของ อารียา เต็มไปด้วยความอับอาย ถ้าเธอรู้ว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเธอจะไม่เข้ามาพร้อมกับ รพีพงษ์ เด็ดขาด

แต่ทว่าจะเสียใจที่หลังยังไงก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว

เธอพึ่งจะรู้สึกว่า รพีพงษ์ นั้นมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่ ยังไม่ทันไรเขาก็มาทำเรื่องแบบนี้ ทำให้เธอกลับมารู้สึกว่า เขานั้นก็ยังดูเชื่อถือไม่ได้อยู่ดี
รพิพงษ์ เดินออกไปยังมุมที่เงียบสงบ จากนั้นก็หยิบโทร ศัพท์มือถือของเขาขึ้นพร้อมกับต่อสายออกไป

ณเมืองริเวอร์ ชั้นบนสุดของตึกซันบับเบิล ในห้องสำนัก งานของ เธียรวิชญ์

” คราวหน้าถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษไม่ต้องเข้า มาหาฉัน ได้ยินมั้ย ?” เธียรวิชญ์ พูดพร้อมกับจ้องไปที่เลขา ฯ ของเขา

” ค่ะ ท่านประธาน ” เลขา ฯ สาวตอบกลับด้วยเสียงสั่น ๆ

ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือบนโตะทำงานของเขาก็ดังขึ้น เลขา ฯ สาวจึงรีบดูและพูดขึ้นว่า ” ท่านประธานคะ เป็นสาย จาก รพีพงษ์ ค่ะ ถ้าไม่สำคัญฉันวางสายให้เลยนะคะ”

เมื่อ เธียรวิชญ์ ได้ยินชื่อ รพีพงษ์ เขาก็กระโดดลุกขึ้นจาก เก้าอี้ทันที พร้อมกับรีบคว้าโทรศัพท์มาไว้ในมือทันที ก่อน จะบอกกับเลขา ฯ สาวว่า ” คราวหน้าถ้าเป็นคนอื่นวางสาย ได้ ยกเว้นเขาคนนี้ต่อให้มันจะไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ตาม คุณ ต้องแจ้งผมทันทีที่ถ้าเห็นเบอร์นี้โทรหาผม”

หลังจากพูดจบ เธียรวิชญ์ ก็กดรับสายทันที

ฮัลโหล พี่รพี ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ ไม่ได้เจอกันนาน เลยผมคิดถึงแล้วนะ ”

ตรวจสอบให้ฉันหน่อยว่าใครเป็นเจ้าของ ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าวอทเทอร์สกาย ฉันต้องการซื้อร้านนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ จะทำได้ ” รพีพงษ์ พูดขึ้นเบา ๆ

ในเมื่อพนักงานขายนั่นไม่เชื่อว่าเขาสามารถซื้อโทรทัศน์ เครื่องละสามหมื่นกว่าหยวนได้ อย่างนั้นเขาก็จะซื้อทั้งร้าน แท้งร้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า นั่นล่ะ พอถึงตอนนั้นจะได้ถือว่าเป็นการให้ บทเรียนเล็ก ๆ แก่เธอด้วย

หลังจากที่ เธียรวิชญ์ได้ฟัง รพีพงษ์ พูด ๘ส เขาก็รีบตรงไปยัง คอมพิวเตอร์และเริ่มตรวจสอบข้อมูลทันที ก่อนจะพูดขึ้นว่า

” พี่รพี ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าวอทเทอร์สกาย นั่นอยู่ในเครือ ของกลุ่มบริษัทของเราครับ ผู้จัดการร้านชื่อว่า เมฆา เดี๋ยว ผมจะส่งเบอร์โทรศัพท์เขาให้พี่นะ

ร้านขายเครื่องใช้นั่นแค่กลุ่มบริษัทเราเปิดขึ้นมาแบบ ง่าย ๆ เฉย ๆ ไม่ได้มีความสำคัญต่อตัวบริษัทของเรา มากมายอยู่แล้ว พี่รพี อยากจะทำอะไรก็ได้หมดเลยครับ “

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท