ตอนที่ 88 ซื้อบ้าน
เมื่ออารียาได้ยินสิ่งที่บุษบากรพูดขึ้น เธอจึงรู้สึกขำขันขึ้น มา พูดขึ้น “บุษ เธอพูดอะไรเพ้อเจ้อ ตอนนี้ยุคสมัยไหนแล้ว มี นางกำนัลอีกที่ไหนกันล่ะ?”
บุษบากรแอบเหลือบมองรพีพงษ์ ดูว่าเขามีปฏิกิริยาเช่นไร แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีอะไร เธอจึงทำหน้าผิดหวังขึ้นมา ทันที
“โอเค ฉันก็แค่ล้อเล่นกับเธอเฉยๆ ชื่อเสียงของรพีพงษ์ใน
เมืองริเวอร์แย่ขนาดนั้น ฉันไม่มีทางเป็นนางกำนัลของเขา
หรอก” บุษบากรพูดตอบกลับ
เมื่ออารียาได้ยินเช่นนั้น จึงถอนหายใจโล่งอก ตอนนี้เธอ เห็นรพีพงษ์เป็นของล้ำค่า ไม่มีทางให้ใครมาแก่งแย่งแน่นอน
“จะเล่าอะไรให้ฟัง เมื่อวานซืนฉันบังเอิญเจอกันตาเพื่อน ร่วมชั้นของพวกเรา ตอนนี้เธอมีแฟนเป็นไฮโซลูกเศรษฐี หยิ่ง มาก วันนั้นยังมาพูดเย้ยต่อหน้าฉันว่า เธอเป็นถึงดาวมหาลัย แต่สุดท้ายกลับแต่งงานกลับคนสวะ เมื่อเห็นท่าทางเย้อหยิ่ง ของเธอ ฉันจะตบหน้าใส่เธอสักครั้ง” บุษบากรเล่าขึ้น
เมื่ออารียาได้ยินเช่นนั้น เพียงแต่ยิ้มขึ้น และพูดว่า “เธอ อยากพูดอะไรก็พูดเถอะ ฉันมีความสุขก็พอแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้เธอยังคิดว่าเขาเป็นคนสวะอีกเหรอ?”
บุษบากรเหลือบมองดูรพีพงษ์ ตอนนี้เธอกลับไม่คิดว่าเขา เป็นคนสวะอีกแล้ว เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเก่งรอบ ด้านขนาดนี้ ทำไมต้องปิดบังมาโดยตลอด
“ไม่ว่ายังไงกันตานิสัยแย่มาก เธอยังจำสมัยเรียนได้ไหม ว่าเธอทำอะไรเธอบ้าง เพราะเธอสวยกว่าเธอมาก เธอจึงมัก นินทาว่าร้ายเธอ น่าเกลียดชะมัด” บุษบากรพูดด้วยความ โกรธเคือง
“อีกอย่าง เธอยังกล้าบอกว่าอยากเจอเธอ ฉันว่าเธอคง อยากโอ้อวดชีวิตของตัวเองในตอนนี้มากกว่า ได้ยินว่าแฟน ไฮโซของเธอรวยมาก กำลังจะซื้อบ้านให้เธอหนึ่งหลังด้วย”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องเธอแล้ว รีบกินข้าวเถอะ” อารียา
พูดขึ้น
บุษบากรพยักหน้า กินข้าวฝีมือรพีพงษ์ต่อ
ในขณะเดียวกัน ณ สถานีรถไฟเมืองริเวอร์ ใครบางคนยืน อยู่ด้านหน้าสถานี
เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย ผมยุ่งเหยิง ใบหน้าอิดโรย กำลังเดิน ออกไปทางด้านข้าง
คนที่สถานีต่างพากันมองคนนั้น และซุบซิบพูดคุยกัน
เมื่อคนนั้นได้ยินเสียงพูดคุยของคนรอบข้าง สายตาของ เขากวาดมองด้วยความเคืองแค้น แสดงออกถึงความโกรธ
บุคคลผู้นี้คือธายุกร ผู้ที่รพีพงษ์ส่งเข้า “แก๊งค์ยากจก”ทาง ตอนใต้ เขาขอทานอยู่ที่นั่นอยู่เป็นเวลานาน แอบเก็บสะสม เงินเอง จนสุดท้าย เมื่อสองวันที่แล้ว เขาหาโอกาสหนีออกมา ได้ จึงซื้อตั๋วรถไฟ และกลับมาที่เมืองริเวอร์
ที่ผ่านมาหลายเดือน อาหารเย็นของเขาย่ำแย่มาก ที่สำคัญ ที่สุดคือ อาสามของของเขาไม่เหลียวแลอะไรเขาเลย เขาไม่ ได้ไปหาอาสาม และอาสามก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาเช่นกัน
ทำให้คนตระกูลฉัตรมงคลต่างคิดว่าธายุกรอยู่ฝึกวิชากับ อาสาม กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเขาไปเป็นขอทาน
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะครั้งนี้หาโอกาสหนีได้ ธายุกรคงต้อง ขอทานไปตลอดชีวิต “ให้ตายเถอะ เป็นเพราะไอ้โง่รพีพงษ์คนเดียว กับอารียา
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาทั้งสอง ฉันคงไม่ต้องมาทนลำบาก
แบบนี้” ธายุกรบ่นพึมพำ
“กลับมาครั้งนี้ ฉันจะต้องจัดการพวกเธอให้สาสม โดย เฉพาะไอ้โง่รพีพงษ์ ฉันจะต้องให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติการ เป็นขอทาน”
“ต้องไปหาที่อาบน้ำก่อน แต่งตัวให้สะอาดสะอ้านแล้วค่อย ไปหาคุณปู่ รพีพงษ์ คอยดู วันชะตาขาดของนายมาถึงแล้ว!” หนึ่งวันถัดมา ข่าวการกลับมาของธายุกรแพร่สะพัดไปทั้ง
ตระกูลฉัตรมงคล แน่นอนว่า ธายุกรไม่ได้เล่าเรื่องราว
ทั้งหมดที่เขาเผชิญ เขาเพียงพูดว่าช่วงที่ผ่านมาไปฝึกวิชากับ
ลุงสาม
นภทีรู้สึกว่าธายุกรใจเย็นกว่าเมื่อก่อนมาก ยังชื่นชมว่าลุง สามมีน้ำใจ ต่อไปต้องขอบคุณเขาดีๆ
ถ้านภทีรู้ความจริงว่าช่วงที่ผ่านมาธายุกรไปเป็นขอทาน เขาคงตกตะลึงจนตาค้าง
เมื่อรพีพงษ์รู้ข่าวการกลับมาของธายุกร กลับไม่ได้รู้สึก ตกใจอะไรมากมาย เพราะชีวิตการเป็นขอทานในสองสาม เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการลงโทษที่โหดเหี้ยมมากแล้ว
แน่นอนว่า ถ้าธายุกรไม่ทำตัวกร่างเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รพีพงษ์คงไม่ให้เขาต้องไปใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอีก
วันที่สองที่ธายุกรกลับมา นะทีปัก็ประกาศให้ธายุกรกับ อารียาเป็นผู้ดูแลโครงการในบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป
เรื่องนี้ทำให้อารียาไม่พอใจอย่างมาก แต่นภทีป์พยายาม พูดอธิบายแทนธายุกร บอกว่าเขาไปฝึกวิชามานาน ใจเย็น มากขึ้นแล้ว และมีคุณสมบัติพอที่จะดูแลโครงการร่วมกับอารี ยาแล้ว
อารียาจนปัญญา ทำได้เพียงยอมรับคำขอร้องของนภทีป์ โชคดีที่ธายุกรเพิ่งกลับมายังเป็นคนดี ซื่อสัตย์อยู่ คงไม่ สร้างความเดือดร้อนให้อารียา
วันนี้เป็นวันหยุด เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า อารียากลับรู้สึกเบื่อ หน่าย
เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทีของอารียา จึงถามขึ้น “เป็นอะไร? มี เรื่องไม่สบายใจเหรอ?”
“ก็เป็นเพราะธายุกรนั่นไง ตั้งแต่เขากลับมา ฉันต้องปวดหัว เรื่องโครงการเยอะขึ้นมาก เขาไม่สนใจอะไรเลย บางครั้งก็ แค่สั่งมั่วๆ น่ารำคาญมาก” อารียาพูดโอดครวญ
“ถ้าเธอไม่อยากให้เขามายุ่งเรื่องโครงการ ฉันจะบอกเพื่อน ที่อยู่บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปให้” รพีพงษ์กล่าว
อารียาส่ายหน้า พูดขึ้น “ทำตามนี้ไปก่อนเถอะ เขายังไม่ก่อ เรื่องวุ่นวายอะไร ให้ความสำคัญกับตัวโครงการก่อนแล้วกัน”
รพีพงษ์ส่ายหน้า กำลังคิดว่าหากธายุกรกล้าทำเรื่องอะไร นอกลู่นอกทาง เขาจะรีบเปลี่ยนคนทันที ไม่เช่นนั้น คงต้อง หยุดทำโครงการแน่นอน และนภทีป์เองคงไม่มีทางอยากให้โครงการนี้ถูกยกเลิกไป
“วันนี้เราไปดูบ้านกันเถอะ ถ้าเธอชอบห้องไหน ก็ซื้อเลย” รพีพงษ์กล่าว
อารียาลังเลอยู่สักพัก จึงพูดขึ้น “พวกเราต้องเก็บเงินดาวน์ กันก่อนไหม แบบนี้รีบร้อนเกินไปรึเปล่า”
“ไม่เป็นไร เงินแค่นี้ ผมพอมีอยู่” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูดขึ้น อารียาพยักหน้า กำลังจะออกไปดูบ้านกับรพีพงษ์ แต่ทันใด นั้นเอง เธอได้รับโทรศัพท์จากบริษัท บอกว่าโครงการมี ปัญหา ต้องให้เธอไปจัดการ
“ที่บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องรีบไปจัดการ นายไปดู ก่อนไหม ถ้าคิดว่าเหมาะสม ก็ซื้อเลย ฉันอยู่กับนายก็พอแล้ว” อารียาพูดขึ้น
รพีพงษ์ทำได้เพียงพยักหน้าลง จากนั้นทั้งสองก็ออกจาก
บ้านไปพร้อมกัน อารียาไปบริษัท ส่วนรพีพงษ์ไปดูบ้าน
หมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ แทบจะเรียกได้ว่าชานเมือง การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่คิดจะอยู่ใน หมู่บ้านแถบชานเมืองแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเคยดูทางอินเตอร์เน็ตมาบ้าง และตัดสินใจ จะอยู่ในหมู่บ้านหรู จากนั้นจึงโบกรถตรงไปที่นั่นทันที
หมู่บ้านนี้ชื่อว่าดงเย็น เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านที่หรูหรามาก ที่สุดในเมืองริเวอร์ ภายในหมู่บ้านมีสวนดอกไม้และบ้านหลัง ใหญ่โตมากมาย ที่พักบนตึกสูงมีเพียงเล็กน้อย
เพราะหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในแวดล้อมที่สวยและทำเลที่ดีราคาห้องของที่นี่จึงแพงมาก สูงถึงตารางเมตรละสามหมื่น กว่าหยวน เทียบกับทั้งเมืองริเวอร์แล้ว ราคานี้ถือเป็นราคาสูง
ลิ่ว
ในหมู่บ้านแห่งนี้บ้านสไตล์ตะวันตกและสวนดอกไม้ ซึ่งมี พื้นที่ใหญ่มาก ดังนั้นห้องของที่นี่ นอกจากห้องบนตึกชั้นสูง แล้ว ห้องที่ถูกที่สุดประมาณห้าหกล้านจึงจะมีกำลังซื้อได้
รพีพงษ์เดินปรี่ตรงเข้าไปในสำนักงานขายบ้านดงเย็น ภายในนั้นมีคนไม่เยอะ จากนั้นมีสาวสวยที่แต่งตัวดูดีคนหนึ่ง เดินเข้ามาต้อนรับ
“คุณผู้ชาย ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหมคะ?”
“ผมต้องการซื้อห้องชุดที่นี่ครับ” รพีพงษ์เอ่ยปากพูดขึ้น เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้น สายตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที รีบพารพีพงษ์ไปดูห้องชุดบนตึกสูง
เมื่อเธอเห็นว่าเขาสวมชุดธรรมดาทั่วไป จึงคิดว่าเขาคงไม่มี กำลังซื้อบ้านแนวตะวันตกหรือบ้านหลังใหญ่
ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังของเขา “รพีพงษ์? มา ที่นี่ได้ยังไง?”
เมื่อรพีพงษ์หันหลังกลับไปมองด้านหลัง ก็เจอกับเจตนิพัทธ์
เจตนิพัทธ์กำลังยิ้มเย้ยรพีพงษ์ พูดถามขึ้น “นายอย่าบอก นะ ว่าจะมาซื้อบ้านที่นี่”
รพีพงษ์เหลือบมองเจตนิพัทธ์ ตอบกลับ “ใช่ ฉันมาซื้อบ้าน”
เจตนิพัทธ์หัวเราะเสียงดัง พูดขึ้น “นี่นายหลอกใครกัน นาย รู้บ้างรึเปล่าว่าห้องที่นี่แพงขนาดไหน คนอย่างนายเนี่ยนะ จะซื้อบ้านราคาแบบนี้ได้ยังไง”
“อ่อ? ซื้อไม่ไหว พนักงานตำแหน่งเล็กๆอย่างนายซื้อได้งั้น เหรอ? แล้วนายมาที่นี่ทำไมล่ะ?” รพีพงษ์ถามอย่างไม่เกรงใจ
เจตนิพัทธ์หน้าถอดสีทันที เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาโดนลด ตำแหน่ง ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ตอนที่เขามีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการ เขาซื้อห้องที่ดงเย็นไว้ ห้องหนึ่ง แต่ตอนนี้เธียรวิชญ์ไล่เขาออกแล้ว ทำให้ชีวิตเขา เปลี่ยนไปอย่างมาก หมดหนทาง ทำได้เพียงขายห้องนี้ไป
วันนี้เขามาเพื่อประกาศขายห้อง
“นายจะมาสอดรู้ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ทำไม ถ้าไม่ได้เป็น เพราะนาย งานของฉันจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ไหม? ฉันจะต้อง แก้แค้นนายให้ได้สักวัน!” เจตนิพัทธ์พูดตะคอกด้วยความ โกรธ
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นพวกเขามีปากเสียงกัน จึงรีบพูดขึ้น “คุณผู้ชายคะ ที่นี่เสียงดังไม่ได้นะคะ คุณจะดูห้องต่ออีกหรือ ไม่คะ?”
รพีพงษ์หันไปพยักหน้าให้หญิงสาวคนนั้น พูดขึ้น “ดู พาผม
ไปเลยครับ”
หญิงสาวรีบนำเขาไปดูห้องทันที
ทันใดนั้นเจตนิพัทธ์ยื่นมือออกไปดึงแขนหญิงสาวคนนั้นไว้ หัวเราะพลางพูดขึ้น “คุณอย่าเชื่อคำพูดของเขา เขาไม่มีทาง ซื้อห้องที่นี่ได้ คุณพาเขาไปดูห้อง เสียเวลาเปล่าๆ”
หญิงสาวตกตะลึง หันหลังไปมองรพีพงษ์ ส่งสายตามองด้วยความสงสัย
“ผมไม่มีทางทำให้คุณต้องเสียเวลา ถ้าผมเห็นว่าเหมาะสม ผมก็จะซื้อวันนี้เลย” รพีพงษ์หันไปตอบ
เจตนิพัทธ์หัวเราะเย้ย จ้องหน้ารพีพงษ์ “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ วัน ขี้โม้เก่งขึ้นเยอะเลยนะ ทำไมล่ะ อารียามารับโครงการต่อ จากบริษัทของพวกเรา มีเงินมากขึ้น ก็ถูกนายเอามาใช้หมด แล้วงั้นรึ?”
รพีพงษ์จ้องหน้าเจตนิพัทธ์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอทาง หน่อย”
เจตนิพัทธ์ไม่สนใจคำพูดของรพีพงษ์ กลับหันไปมองหญิง สาวคนนั้น พูดขึ้น “ผมรู้ว่าผมคงดูเหมือนคนที่กำลังก่อความ วุ่นวาย แต่สิ่งที่ผมพูดไปคือความจริง เขาไม่มีทางซื้อบ้านที่นี่ ได้แน่นอน”
“คุณคงเคยได้ยินเรื่องคนเหลวไหลอันโด่งดังในเมืองริเวอร์ ใช่ไหม เรื่องของรพิพงษ์?”
หญิงสาวพยักหน้าลง พูดขึ้น “เคยได้ยินมาบ้างค่ะ”
เจตนิพัทธ์หัวเราะอย่างมีเลศนัย พูดขึ้น “คนที่กำลังให้คุณ แนะนำห้องให้อยู่ ก็คือหมอนั่น คนสวะ ไอ้รพีพงษ์ ตอนนี้คุณ ยังคิดว่าเขามีกำลังซื้ออีกไหม?”