พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่674 ศศินัดดาผู้โชคร้าย

บทที่674 ศศินัดดาผู้โชคร้าย

บทที่674 ศศินัดดาผู้โชคร้าย

ในห้องรับรองหนึ่งของร้านอาหาร

ชลาคมและคนที่เหลือของตระกูลนฤวัตปกรณ์ตระกูลวรโชติธีรธรรมล้วนนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่ ศศินัดดายืนอยู่ตรงหน้าของทุกคน ด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย

“ลูกพี่ทั้งหลาย พวกคุณจะทำอะไรกันแน่ ฉันอายุก็ปูนนี้แล้ว ถ้าจะทำอนาจาร ก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องเงินๆทองๆด้วยแล้ว เมื่อกี๊เด็กนั่นก็เห็นอยู่แล้ว ฉันมีทั้งเนื้อทั้งตัวแค่ห้าหยวน แล้วยังถูกพนักงานคนนั้นเอาไปแล้วด้วย ฉันก็แค่คนจนๆ ให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่งั้นคุณปล่อยฉันไปดีไหม” ศศินัดดาพูดกับคนกลุ่มนั้น

ทุกคนล้วนยิ้มดูแคลน ดูออกว่าไม่ได้อยากจะปล่อยศศินัดดาไปอยู่แล้ว

“พวกแก……พวกแกคงไม่ใช่พวกค้ามนุษย์หรอกนะ!” ศศินัดดาตาโตขึ้นมา คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอได้ยินข่าวฆ่ามนุษย์ตัดอวัยวะทิ้งแล้วขาย

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เหงื่อของเธอก็ไหลออกมา เริ่มรู้สึกเสียใจไม่น่าทำเพื่ออาหารมื้อเดียวแล้วตกลงมาที่ห้องรับรองกับคนที่ไม่รู้จักเลย

ชลาคมยิ้มดูแคลน แล้วมองไปที่ศศินัดดาอย่างอำมหิต ถ้าคนทั่วไปเห็น ก็จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

เขาจ้องศศินัดดา แล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า “คุณมั่นใจว่าคุณเป็นแม่ยายของรพีพงษ์”

ดวงตาของศศินัดดาเป็นประกาย แล้วกล่าว “ใช่ ฉันคือแม่ยายของรพีพงษ์ ถ้าไม่เชื่อพวกคุณพาฉันไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์แล้วถามดู แล้วถ้าพวกเธอพาฉันไป ไม่ว่าอยากได้อะไรจากรพีพงษ์ เขาก็จะให้พวกคุณทั้งหมด”

ในตอนนี้ เธอทำได้เพียงใช้ชื่อของรพีพงษ์ ตอนนี้เธอหวังแค่ให้คนเหล่านี้กลัวรพีพงษ์บ้าง มิเช่นนั้น ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะต้องเจอกับเรื่องร้ายๆอะไรบ้าง

ชลาคมไม่ได้ถามศศินัดดาต่อ แล้วหันไปถามคนที่อยู่ข้างๆที่กำลังหยิบมือถืออยู่ “หาเจอหรือยัง ว่าแม่ยายของรพีพงษ์ ใช่คนนี้หรือเปล่า?”

คนนั้นจ้องที่มือถืออยู่สักพัก จากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วกล่าว “หาเจอแล้ว แม่ยายของรพีพงษ์ชื่อศศินัดดา บนเว็บมีรูป คล้ายกับหญิงคนนี้จริงๆ”

ชลาคมรับมือถือของคนนั้นมา แล้วดู จากนั้นก็เทียบกับศศินัดดา พบว่าเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ

“ดูๆแล้วน่าจะเป็นความจริง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์มันก็รุนแรงเหมือนกันนะ ปล่อยให้แม่ยายใช้ชีวิตแบบนี้ ที่แท้ไอ้นี่มันก็ไม่ได้เรื่อง” ชลาคมกล่าว

ศศินัดดาเห็นทุกคนเช็คตัวตนของเธอ ก็รีบอธิบายว่า “ความจริงรพีพงษ์ดีกับฉันมาก แต่ฉันเองที่ใช้เงินไม่เป็น ใช้มันจนหมด รพีพงษ์ดีกับฉันมาก ถ้าเขารู้ว่าตอนนี้ฉันเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ ต้องเอาเงินมาให้ฉันแน่นอน”

เธอพูดแบบนี้ เพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและรพีพงษ์ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน ง่ายต่อการยืมชื่อรพีพงษ์จัดการปัญหาที่เกียวโตนี้

“คุณแน่ใจ?” ชลาคมถามต่อ

ศศินัดดารีบพยักหน้า รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความหวังขึ้น หลังจากที่คนเหล่านี้ได้ยืนยันตัวตนแม่ยายของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เธอต้องลำบากใจอีก

แต่ทว่าในขณะเดียวกันนี้เอง ชลาคมยกมือขึ้น แล้วตบไปที่หน้าของศศินัดดา

“เย็ดแม่ กูจะตบคนที่เกี่ยวข้องกับรพีพงษ์ ในเมื่อมึงคือแม่ยายของรพีพงษ์ นั่นก็ยิ่งปล่อยแกไปไม่ได้เข้าไปใหญ่!”

ศศินัดดามึนงง เธอมองว่า หลังจากที่คนเหล่านี้รู้ตัวตนของเธอแล้ว ต้องรีบขอโทษถึงจะถูก ทำไมถึงลงไม้ลงมือกันได้ล่ะ?

“ทำ……ทำไม? พวกแกไม่กลัวทำผิดต่อรพีพงษ์หรือไง? ศศินัดดาถาม

“ทำผิดต่อมัน? ก็เพราะมัน กูถึงได้หมดสิ้นทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตกูก็ไม่อยากได้แล้ว แล้วยังกลัวทำผิดต่อรพีพงษ์อีกงั้นหรอ? ตอนนี้กูไม่ชอบทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรพีพงษ์ วันนี้ถือว่าแกโชคร้าย พวกเราทั้งหลาย จะระบายอารมณ์กับแกล่ะกัน!” ชลาคมตะคอกอย่างตื่นตัว

ทุกคนในห้องรับรองได้ถูกชลาคมฉุดอารมณ์ขึ้นมา ต่างคนต่างโมโหเกรี้ยวกราด

“พูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะรพีพงษ์ ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมของกูจะถึงจุดนี้ได้ไงกัน พวกกูเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ แล้วยังตีแม่ยายของรพีพงษ์ไม่ได้อีกหรอ? สหาย รุม ระบายอารมณ์กับไอ้หญิงแก่นี่ซะ!”

คนหนึ่งพูดจบ ก็ถีบศศินัดดา

คนที่เหลือก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ก็ต่อยไปที่ศศินัดดาอย่างรุนแรง

ศศินัดดาคนใบ้กินอึ่งโน้ย ขมแต่พูดไม่ออกยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ว่าตัวเองจะพบกับศัตรูของรพีพงษ์ ถ้ารู้ว่าเป็นงี้ เธอไม่มีทางเอารพีพงษ์มาเป็นข้ออ้างโดยเด็ดขาด

“รพีพงษ์ไอ้เลว แกมันไอ้ตัวซวย มันไม่เคยให้โชคอะไรกับฉันเลย ควรตายจริงๆ ทำกูโดนเล่นงานอีกแล้ว แค้นนี้ กูจะหาโอกาสล้างแค้นให้ได้!” ศศินัดดาตะโกนออกมาด้วยความอาฆาต

พวกของชลาคมตบไปที่ศศินัดดาอย่างไม่หยุดยั้ง ระบายอารมณ์โกรธแค้นออกมา ด้วยความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ ก็ทำได้แค่ระบายอารมณ์กับศศินัดดาเท่านั้น

ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดที่จะขโมยลูกของรพีพงษ์มา แต่ทว่าด้วยฝีมืออ่อนด๋อยของพวกเขาเหล่านี้ คิดที่จะขโทยลูกของรพีพงษ์ออกจากคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ยากเกินกว่าจะบรรยายได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยไป

“หยุดก่อน ฉันกับรพีพงษ์ทะเลาะกันไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่ประตูของตระกูลลัดดาวัลย์เขาก็ไม่ให้ฉันเข้าไป ฉันก็เกลียดไอ้นั่นเหมือนพวกแกนั่นแหละ พวกแกหยุดเถอะ ถ้าเป็นงี้ต่อไป ฉันจะถูกพวกแกตีตายได้นะ!” ศศินัดดาขอร้อง

“หยุดหลอกพวกกูได้ล่ะ เมื่อกี๊มึงไม่ได้พูดแบบนี้หนิ วันนี้ ไม่ว่ายังไงมึงก็หนีไปไหนไม่ได้!”

ในห้องโถงด้านนอกของห้องรับรอง ชลาธิปและพวกได้นั่งอยู่บนโต๊ะ

เห็นการตกแต่งของร้านอาหาร ชลาธิปยิ้มพลางกล่าวว่า “บางครั้ง ก็เป็นที่แบบนี้ที่ทำอาหารรสชาติอร่อย”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ในขณะเดียวกันนี้เอง พวกเขาล้วนได้ยินเสียงด่าออกมาจากด้านในห้องรับรองด้าน หนึ่งในนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยที่ด่ารพีพงษ์ หลังจากที่ชลาธิปได้ยิน ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ในนั้นเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันได้ยินด้านในเหมือนมีคนกำลังด่ารพีพงษ์?” ชลาธิปกล่าว

“นายใหญ่ ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้” ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนขึ้น คนนี้คือบอดี้การ์ดในครั้งนี้ของชลาธิป ความสามารถเก่งกาจ ยอดฝีมือยังเทียบไม่ได้

คนนั้นเข้าไปในห้องรับรองไม่นาน ก็มีเสียงเจ็บปวดดังออกมา จากนั้นก็พาศศินัดดาเดินออกมา

“นายใหญ่ ผู้คนในห้องกำลังตีหญิงคนนี้อยู่ ผมได้ถามหนึ่งในนั้น พวกมันเป็นกากเดนของศัตรูตระกูลลัดดาวัลย์เมื่อก่อน และคนนี้ คือแม่ยายของรพีพงษ์” คนนั้นตอบ

สีหน้าชลาธิปถอดสี แม่ยายของรพีพงษ์ ก็เป็นแม่เลี้ยงของอารียานะสิ ทำไมถึงโดนตีขนาดนี้?

แม้เขาไม่รู้จักแม่เลี้ยงของอารียา แต่ด้วยความที่เลี้ยงอารียามาจนเติบใหญ่ เขาก็ไม่มีทางเอาเปรียบแม่เลี้ยงของอารียาได้

“คุณคือแม่ยายของรพีพงษ์จริงๆหรอ?” ชลาธิปถามอย่างจริงจัง

ศศินัดดาที่ถูกตีจนหวาดกลัว ได้ยินคนถามคำถามนี้อีก ก็ตกใจจนพูดมั่ว จากนั้นก็รีบกล่าวว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ พวกมันจำผิดคน ฉันจะเป็นแม่ยายของรพีพงษ์ได้ไงกัน ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่รู้จักรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย ฉันก็แค่อ้างตัว เพื่อหลอกกินข้าวเท่านั้นเอง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท