พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่879 หน้าไม่อาย

บทที่879 หน้าไม่อาย

บทที่879 หน้าไม่อาย

หงส์ดูมือที่รพีพงษ์ชูสามนิ้ว ด้วยสีหน้าประชดประชัน แล้วกล่าว “คนขี้โม้อย่างแก ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกก็ครั้งนี้แหละ ฉันคิดว่าตัวเองก็ถือเป็นคนเก่งที่ไม่เลวคนหนึ่งเลย ยังไม่กล้าพูดว่าจะใช้สามท่าแล้วจะทำให้คนระดับเดียวกันแพ้เลยนะ แต่นี่แกอายุแค่ยี่สิบกว่าปี ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าแกไปเอาความกล้ามาจากไหน”

พูดจบ ฝีมือแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของเธอก็ระเบิดออกมาทันใด ทุกคนตะลึง

พรดรัลและคนอื่นมองรพีพงษ์ด้วยความเหยียดหยาม รู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นเพียงรุ่นน้อง ยังไงก็ไม่มีทางชนะหงส์ด้วยสามท่าได้

นอกจากเขาจะเป็นแดนดั่งเทพ

แต่รพีพงษ์อายุแค่นี้แล้วเป็นแดนดั่งเทพนั้น อาจจะพูดได้ว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ พวกเขาไม่คิดว่ารพีพงษ์คือแดนดั่งเทพ

“เด็กนี่มันยโสโอหัง ยั่วโมโหแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”

“หาที่ตายชัดๆ ถ้าตอนนั้นเด็กนี่มันอ่อนน้อมเสียหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นศัตรูกับหงส์ให้ได้ ไงล่ะทีนี้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้เข้ากลุ่มสิงโตนะ ไม่แน่อาจต้องแลกด้วยชีวิตเลยก็เป็นได้”

“ไอ้นี่มันคงไม่ใช่เห็นว่าคนที่รับผิดชอบการทดสอบเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงได้กล้าแบบนี้หรอกนะ ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นไงล่ะ”

“เหอะ กล้าน่ะมันดี แต่ก็ต้องดูเวลาด้วย เค้าหงส์ผู้ยิ่งใหญ่สาวสวยที่หาได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่เขาจะคิดอะไรด้วยได้ พูดได้เพียงเขาหาเรื่องเองแล้วล่ะ”

……

รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังในตัวของหงส์ ก็แสดงความชื่นชมออกมา ฝีมือของเธอ ในแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด น่าจะเป็นขั้นสูงสุดนั้นแล้วแหละ

แต่ว่า แม้ว่าแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดจะเก่งขนาดไหน รพีพงษ์ที่อยู่ระดับแดนครึ่งดั่งเทพ ก็ไม่มีอะไร

“เด็กน้อย ฉันจะให้แกลิ้มลองความเก่งกาจของฉัน!”

หงส์ตะคอกใส่รพีพงษ์ จากนั้นก็พุ่งลอยเข้าหารพีพงษ์อย่างเร็ว

ในขณะที่หงส์พุ่งเข้าหารพีพงษ์อย่างเร็วนั้น เขาก็ผลักออกไป ภาพลวงตาบางๆสะท้อนออกผ่านชั้นบรรยากาศ พลังที่อยู่ด้านบนทั้งหมดหยุดร่างของหงส์เอาไว้

“อะไรกัน! ไอ้เด็กนี่มันทำภาพลวงตาได้!” พรดรัลที่อยู่บนเวทีด้านข้างถึงกับตาค้าง

เพราะภาพลวงตาปรากฏขึ้น หงส์จึงหยุดอยู่กับที่

รพีพงษ์ไม่ได้ออกแรงอะไรมาก ก็แค่อยากให้หงส์หยุดเท่านั้น หลังจากที่เขาเห็นหงส์หยุดแล้วนั้น ก็เข้าไปประชิดตัวหงส์อย่างเร็ว ยิ้มให้เธอ แล้วกล่าว “หยุดเหม่อลอยตอนนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ดีเลยนะ”

พูดจบ เขาเพียงยื่นมือตบไปที่คอของหงส์ ร่างของหงส์ก็อ่อนลงทันใด

รพีพงษ์ยื่นมือไปจับแขนเธอ อีกมือหนึ่งจับขาอ่อนเธอไว้ จากนั้นก็ยกเธอขึ้น เดินไปข้างเวที

หงส์ต่อต้านขึ้นมา แต่เธออยู่ในมือของรพีพงษ์ไม่สามารถออกแรงอะไรได้เลย โดยเฉพาะมือของรพีพงษ์ที่จับขาอ่อนของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครจับขาเธอเลย ตอนนี้รพีพงษ์กำลังจับอยู่ เธอทั้งอายทั้งโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“แกไอ้เลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หงส์ตะโกน

รพีพงษ์ไม่สนใจ ตอนที่เดินไปข้างๆเวทีนั้น จึงได้ปล่อยมือ โยนเธอลงไปนอกเวที

หลายปีมานี้หงส์ยังไม่เคยลิ้มลองความเจ็บปวดจากการล้มลงเลย ตอนนี้รพีพงษ์โยนเธอลง เธอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ล้มลงกับพื้น ร้องออกมาตามสัญชาตญาณ

พรดรัลและคนอื่นมองเหตุการณ์นี้อย่างตาค้าง รพีพงษ์โยนหงส์ลงไปจากเวทีได้อย่างง่ายดาย และไม่ใช่แตะลงไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ

หงส์ได้มองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีด้วยความโกรธแค้น แม้เธอจะสามสิบกว่าปีแล้ว แต่ทุกคนในกลุ่มสิงโตล้วนตามใจเธอ ไม่มีใครกล้าหยาบคายกับเธอแบบนี้มาก่อน

“ตอนนี้ผมเข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้หรือยัง?” รพีพงษ์จ้องไปที่หงส์แล้วถาม ราวกับไม่ให้เกียรติผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น

หงส์มองรพีพงษ์อย่างโมโห แม้เธอจะโกรธมากที่รพีพงษ์โยนเธอลงจากเวที แต่ฝีมือที่รพีพงษ์แสดงออกมาตอนนั้นทำเอาเธอประหลาดใจ ถ้ารพีพงษ์อายุเท่านี้แล้วเป็นแดนดั่งเทพได้ งั้นที่เขาพูดว่าตัวเองถูกเชิญให้เข้าร่วม ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่แก แกต่อยฉันลองออกนอกเวทีฉันจะไม่พูดอะไรเลย แต่นี่แกโยนฉันแบบนี้ แกตั้งใจจะเหยียดหยามฉันใช่มั้ย?” หงส์ไม่สนใจคำถามของรพีพงษ์ จากนั้นก็ตะคอกใส่เขา

รพีพงษ์มองเธอแล้วตอบ “ขอโทษนะ ผมก็แค่ทำให้ครบสามท่า ไม่ใช่อยากจะเหยียดหยามอะไรคุณเลย”

หงส์ได้แต่ลูบขาอ่อนที่รพีพงษ์จับเมื่อกี๊ เธออายุสามสิบกว่าปีแล้ว ยังถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมโยนลงมาแบบนี้อีก ขายขี้หน้าชัดๆ

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผม” รพีพงษ์ถามอีกครั้ง

หงส์ยืนขึ้นจากพื้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก แม้เธออยากจะไล่ไอ้เด็กนี้ไป แต่ฝีมือของรพีพงษ์พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว ถ้าเธอไล่คนที่มีพรสวรรค์แบบนี้ออกไป เกรงว่าเจ้าสำนักจะฆ่าเธอทิ้งแน่นอน

“ฝีมือแก ถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว?” หงส์ถาม

“ยังไม่ถึง แค่แดนครึ่งดั่งเทพเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย

หงส์ยังคงไม่รามือ แดนครึ่งดั่งเทพ ก็ถือว่าน่าเกรงขามแล้ว

“เหอะ เห็นแก่พรสวรรค์ของแก วันนี้ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยกับแกแล้ว แต่เรื่องที่แกโยนฉันออกจากเวที ฉันจะไม่มีทางลืมแน่ ฉันจะต้องเช็คบิลกับแกให้ได้” หงส์กล่าว

รพีพงษ์มองผู้หญิงคนนี้อย่างไม่เข้าใจ ตนก็แค่โยนเธอลงจากเวทีเท่านั้น นี่เป็นเพราะฝีมือเธอไม่เท่าคนอื่น เธอยังจะมาเช็คบิลกับตนอีก ไร้เหตุผลจริงๆ

“ผมบอกแล้วว่าสามท่าทำให้คุณลงจากเวที นี่ทำได้เพียงโทษตัวเองที่ฝีมือไม่เท่าคนอื่นนะ ทำไมคุณยังจะมาเช็คบิลกับผมอีก? นี่คุณไม่รักษาคำพูดเลยอย่างนั้นหรอ?” รพีพงษ์กล่าว

ไม่รู้ทำไม หงส์รู้สึกว่าคนนี้เป็นเหมือนเป็นมือปราบ เดิมทีไม่ว่าเรื่องไหน เธอรู้ได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเป็นรพีพงษ์จูงจมูกเธอเสียแล้ว

“แก……แกมันหน้าไม่อาย!” หงส์ตะคอกใส่รพีพงษ์

“ผมหน้าไม่อายยังไงอีก? พูดอะไรต้องมีหลักฐานนะ ถ้าแค่พูดก็เป็นหญิงปากร้าย” รพีพงษ์กล่าว

หงส์ร้อนรน ใบหน้าสีแดงก่ำ จากนั้นก็ชี้หน้าด่ารพีพงษ์ แล้วกล่าว “แกลูบขาอ่อนฉัน ถ้านี่ไม่ใช่หน้าไม่อายแล้วจะเรียกว่าอะไร!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท