พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ

บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ

บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของธีรนุชแล้วนั้นก็เอือมระอา หันหน้าไปหาเมธีรา แล้วกล่าว “ให้เธอออกไป”

เมธีราก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก แม้เขาจะรู้ว่าธีรนุชกังวลปัญหาของพี่สาว หวังจะให้รพีพงษ์ช่วยอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นจึงได้พูดแบบนี้ออกมา แต่เธอก็ยังคงแผนสูง และเธอก็ไม่รู้นิสัยรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย

“นุช คุณออกไปก่อนนะ อย่ามาวุ่นวายตรงนี้เลย” เมธีราพูดกับธีรนุช

ธีรนุชมองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ ท่าทีของรพีพงษ์ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอเป็นพวกที่ไม่มีใครต้องการ แล้วอยากยังจะถวายตัวให้คนอื่นอย่างไม่ลังเลอีก

แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร ก้มหน้าอย่างผิดหวัง แล้วกล่าว “รู้แล้ว”

พูดจบ เธอก็เดินไปข้างนอก

หลังจากรอให้ธีรนุชออกไปแล้ว รพีพงษ์ก็พูดกับเมธีราว่า “ผมจะลองเดี๋ยวนี้ หวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนผม”

เมธีราพยักหน้าจริงจัง แล้วกล่าว “สบายใจได้ ผมอยู่นี่ จะไม่มีใครสามารถมารบกวนคุณได้”

รพีพงษ์ไม่พูดต่อ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียง หลังจากที่ขยับตัวให้นั่งถนัดแล้ว ก็ได้ปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพของตัวเองออกมา ทำตามวิธีทุกอย่างที่เขียนไว้บนหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ เข้าไปในจิตวิญญาณของนลินี

ความรู้สึกแบบนี้ค่อนข้างแปลกๆ เหมือนกับเปิดในหัวของ แล้วเข้าไปในจินตนาการของคนๆหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

แน่นอน การซึมเข้าไปด้านในสามารถเข้าไปได้ถึงแค่จิตวิญญาณของคนเท่านั้น เหมือนกับรพีพงษ์ดูภายในของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ข้างในมองเห็นเพียงแค่ดวงจิตและกระบี่เล็กสีทองเท่านั้น

วิธีแบบนี้ ยังไม่สามารถสำรวจเข้าไปในระดับหน่วยความทรงจำของคนได้

หลังจากที่เข้าไปในโลกของจิตวิญญาณของนลินีแล้วนั้น รพีพงษ์เห็นเพียงความมืดและความว่างเปล่า ไม่นาน ก็ได้พบว่าที่ศูนย์กลางของโลกจิตวิญญาณนั้น มีดวงจิตเล็กๆสวมชุดซีทรูสีขาว กำลังมองไปรอบๆอย่างระแวง

ลักษณะของดวงจิตนั้น ไม่ต่างจากนลินี

รพีพงษ์สังเกตดวงจิตนั่น เหมือนกับกำลังป้องกันอะไรสักอย่าง เทียบกับดวงจิตในหัวตัวเองนั้น ดวงจิตนี้อ่อนแอกว่าของตัวเองอย่างมาก

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์เห็นดวงสีดำกะพริบ จากนั้นก็เป็นผู้เฒ่าสวมชุดฉางผาวสีดำ ผมขาวยาว หน้าตาน่าเกรงขามปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านลินี

รพีพงษ์เห็นหมอกผู้เฒ่านี้ปรากฏออกมา ก็ประหลาดใจ ในหัวของเธอทำไมถึงได้มีสองคน? หรือได้แยกบุคลิกแล้ว?

ดูออกชัดเจนว่านลินีร้อนใจอย่างมาก แล้วกล่าวต่อผู้เฒ่าว่า “ฉันไม่มีทางเอาอำนาจในการควบคุมร่างกายให้แก ถ้าแกยังดึงดัน ฉันจะทำให้แกพินาศไปด้วยกัน ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย!”

หมอกผู้เฒ่ายิ้ม แล้วกล่าว “อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันไม่ได้มาแย่งร่างของแก คนที่ฉันรอมาถึงแล้ว คนนี้เป็นคนที่ตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพ มีค่ากว่าแกเยอะ อย่างแก ไร้ประโยชน์ไปแล้ว”

พูดจบ หมอกผู้เฒ่าแล้วมุทรา จากนั้นก็กล่าว “คนที่ปรากฏกายตอนนี้นี่แหละ!”

จากนั้นรพีพงษ์ก็รับรู้ได้ถึงแรงดูดที่แรงกล้า พลังจิตวิญญาณเทพของเขาถึงลากไปอยู่ต่อหน้าของหมอกผู้เฒ่าและนลินี จากนั้นในโลกจิตวิญญาณของนลินี ก็ได้จิตวิญญาณของพลังจิตวิญญาณเทพได้รวมตัวกัน

รพีพงษ์มองเหตุการณ์นี้อย่างงงวย ดูออกชัดเจนว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

นลินีก็ประหลาดใจ แล้วถาม “เขาเป็นใครกัน? ทำไมในโลกจิตวิญญาณของฉัน จึงมีคนอื่นปรากฏกายขึ้นมาได้?”

ผู้เฒ่ายิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาน่าจะเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาถอนพิษให้แกยังไงล่ะ”

“ถอนพิษ?” นลินียังคงไม่ค่อยเข้าใจ

รพีพงษ์ไม่เข้าใจยิ่งกว่า กำลังมองไปที่สองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วถาม “คุณคือนลินี แล้วเขาเป็นใครอีก? หรือนี่เป็นอีกบุคลิกของคุณ? ผมเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาถอนพิษให้คุณ บอกผมหน่อยได้มั้ยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ผู้เฒ่าหัวเราะ แล้วกล่าว “ถอนพิษ? นั่นมันก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอมที่ฉันทิ้งไว้ก็เท่านั้น ความจริงแล้วหญิงคนนี้ไม่ได้โดนพิษแต่อย่างใด เธอก็แค่ถูกฉันล่วงล้ำเข้ามาในโลกจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีทางตื่นได้ก็เท่านั้น”

“ล่วงล้ำเข้ามาในโลกจิตวิญญาณ? คุณเป็นใคร?” รพีพงษ์จ้องไปที่ผู้เฒ่าแล้วถาม ด้วยความเฝ้าระวัง

ผู้เฒ่าไม่ปกปิด แล้วกล่าว “ฉันเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ แกเรียกฉันว่าชัยโรจน์ก็ได้”

สีหน้ารพีพงษ์ถอดสี ไม่คาดคิดว่าคนนี้จะบอกว่าตัวเองคือบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ ตอนนั้นเขารู้มาจากในหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ ว่าตระกูลตรีศาสตร์มาอายุเกือบห้าร้อยปี หรือคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นคนในยุคห้าร้อยปีก่อน?

เขาหันไปมองนลินีที่อยู่ข้างๆ ด้วยคำถาม

นลินีเดาออกจากคำพูดของชัยโรจน์ ว่าคนที่ปรากฏอย่างกะทันหันนี้ น่าจะเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาช่วยเธอ ดังนั้นจึงพยักหน้าให้รพีพงษ์ กล่าว “เขาพูดถูก เขาเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ของฉันจริง”

รพีพงษ์ประหลาดใจขึ้นไปใหญ่ แล้วถาม “คุณโดนพิษของจิตวิญญาณเทพไม่ใช่หรอ? หรือคนนี้จะเป็นลักษณะของคุณหลังจากที่โดนพิษ?”

ชัยโรจน์หัวเราะฮ่าฮ่า แล้วกล่าว “เมื่อกี้ฉันพูดแล้วหนิ ว่าเธอไม่ได้โดนพิษอะไร”

“หยกนั่น เป็นสิ่งที่ฉันไว้เก็ยจิตวิญยาณเทพก็เท่านั้น ตอนนั้นร่างของฉันบุบสลาย เพื่อจะได้มีชีวิตต่อไป ฉันจึงใช้วิธีแยกจิตวิญญาณเทพ เอาจิตวิญญาณเทพของตัวเองซ่อนไว้ในหยกแดงเลือด เตรียมไว้เพื่อการฟื้นคืนชีพของตัวเอง”

“หนังสือโบราณพวกนั้นฉันเป็นคนทิ้งเอาไว้เอง เพื่อให้คนตระกูลตรีศาสตร์ฝึกฝนผู้ตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพ ที่ฉันทิ้งคนที่จิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ไว้ในคำสั่งสอนก่อนหน้าที่ฉันจะเสียชีวิตก็เพื่อควบคุมกฎของหยกแดงเลือด เพราะมีแค่ผู้ที่ตื่นภวังค์วิญญาณเทพเท่านั้น ฉันจึงจะสามารถอาศัยร่างได้”

“แต่ที่ทำให้ฉันไม่คิดถึงก็คือ หญิงสาวคนนี้ยังห่างจากจิตวิญญาณเทพหนึ่งขั้น แล้วยังมามั่วกับหยกแดงเลือดอีก ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองจะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้งแล้วเชียว ไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้”

“จิตวิญญาณเทพของเธอยังไม่ตื่นภวังค์ ถ้าฉันเข้าไปในร่างของเธอ สุดท้ายคือพวกเราทั้งคู่ต้องตายไปพร้อมๆกัน ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงหลบอยู่ในโลกจิตวิญญาณของเธอเท่านั้น จึงทำให้เธอตื่นขึ้นมาไม่ได้”

“แต่โชคดีที่ตอนนั้นฉันได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นจึงได้คิดอีกวิธี ในหนังสือโบราณที่ทิ้งไว้ เขียนสถานการณ์แบบนี้ไว้ว่าเป็นการโดนพิษ ต้องหาผู้ที่มีจิตวิญญาณเทพมาถอนพิษ”

“และเมื่อมีคนมาช่วยเธอแก้พิษ ก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณเทพซึมเข้ามาในโลกจิตวิญญาณของเธอ และตอนนั้น ฉันก็สามารถใช้จิตวิญญาณเทพที่ได้สะสมมาเป็นระยะเวลาหลายปี เอาจิตวิญญาณเทพของผู้นี้……ทำลายทิ้งซะ แล้วใช้ร่างมันซะ!”

เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็รู้สึกถึงจิตวิญญาณเทพที่ทรงพลานุภาพ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท