พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร

บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร

บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร

ทัตดายัวคงตะลึงอยู่กับการที่พรภวิษย์แพ้ จากนั้นก็เห็นฐานยินยื่นมือชี้มาที่ตนเอง ให้ตนออกไปพร้อมกับปรวีร์

และฐานยินยังยิ้มแบบลามกอีกด้วย เห็นรูปร่างของทัตดาแล้วกระชุ่มกระชวย

เมธชนันได้ยินคำพูดของฐานยินก็น่าเคร่งเครียด จากนั้นก็รีบเอาทัตดามาปกป้องไว้ด้านหลังของตัวเอง

“พวกคุณรีบหนีไปซะ ไม่ต้องฟังมัน ผมจะถ่วงเวลามันเอง!” พรภวิษย์ตะโกนให้คนในคฤหาสน์รับรู้

จากนั้นก็ยืนขึ้นต่อสู้กับฐานยินต่อ

ฐานยินถีบเข้าไปที่หลังจองพรภวิษย์โดยตรง พรภวิษย์ที่กำลังจะยืนขึ้นก็ได้ฟุบลงไปกับพื้นอีกครั้ง กระอักเลือดออกมา

“ไอ้เลว ความสามารถแค่นี้ของมึง จะถ่วงเวลากู? ใันไปเหอะ!” ฐานยินกล่าวอย่างไม่พอใจ

พรภวิษย์ร้อนรน ถ้ารู้ว่าฝีมือของฐานยินยอดเยี่ยมขนาดนี้ตั้งแต่แรก เขาควรจะพาปรวีร์หนีตั้งแต่ตอนนั้น

ตอนนี้ไม่เพียงแค่ปรวีร์หนีไปไม่ได้ แม้แต่คนของตระกูลจันวราสกุลก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เมธชนันรู้ดีว่าวันนี้จะต่อต้านนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว แดนดั่งเทพ ตบฉาดเดียวก็ตายแล้ว

จนกระทั่งตอนนี้ ทำได้เพียงอ้อนวอนฐานยินให้เห็นอกเห็นใจกัน ปล่อยทัตดาไป

เขาเดินมาถึงประตูทางนั้น เปิดประตูออกโดยตรง แล้วกล่าว “ผู้สูงส่ง พวกเราตระกูลจันวราสกุลไม่มีความแค้นใดๆกับท่าน ขอท่านได้โปรดกรุณา ปล่อยหลานสาวผมไป เธอเป็นเพียงเด็ก ถ้าท่านจะจับ ก็จับผมเถอะนะ ผมสามารถให้ทุกอย่างของตระกูลจันวราสกุลกับคุณ”

ฐานยินจ้องเมธชนัน ไม่พูดพร่ำทำเพลงถีบไปที่เมธชนันโดยตรง

เมธชนันล้มลงกับพื้นอย่างแรง จนกระอักเลือดออกมา

เมื่อกี้ที่ฐานยินถีบนั้นไม่ได้ใช้พลังอะไรมากมาย มิเช่นนั้นเมธชนันในตอนนี้คงตายไปแล้ว

“ไอ้แก่ กูจับมึงแล้วมีประโยชน์อะไร สิ่งที่กูอยากได้คือสาวสวยคนนี้ เธอสิจะทำให้กูมีความสุขได้ มึงทำให้กูมีความสุขได้มั้ย?” ฐานยินกล่าวอย่างไม่เกรงใจใดๆ

ทัตดารีบวิ่งไปที่เมธชนัน พยุงเมธชนันขึ้น ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณปู่ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

เมธชนันกัดฟัน ยืนขึ้นมาจากพื้น ปาดเลือดที่กกปากตัวเองออก แล้วกล่าว “ยังไม่ตาย ทัตดา ปู่ไม่มีความสามารถ ปกป้องแกไม่ได้”

สายตาของทัตดามั่นใจ แล้วกล่าว “คุณปู่ คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ ต่อให้หนูตาย ก็ไม่ทีทางให้ไอ้น่าขยะแขยงนี่แตะต้องตัวหนูได้แม้แต่น้อย”

เมธชนันร้อนรนขึ้นมา แล้วกล่าว “ทัตดา อย่าวู่วาม”

จากนั้นเขาก็มองไปที่ฐานยิน แล้วกล่าว “ท่านปรมาจารย์ ขอท่านได้โปรดอย่าเอาหลานสาวฉันไปเลย ตระกูลจันวราสกุลขอเราทำงานในกองทัพทหาร หลายปีนี้พวกเรามีเส้นสายเยอะ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่แตะต้องหลานสาวฉัน ผมสามารถให้ทุกอย่างของตระกูลจันวราสกุลกับคุณ”

ฐานยินยึนปาก แล้วกล่าว “ขอโทษนะ กูไม่สนใจกับของพวกนั้น กูอยากได้แค่หลานสาวของมึง”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์

“สาวน้อย มึงไปกับกูดีๆเถอะนะ ก็สัญญาว่าจะไม่ให้มึงเสียเปรียบเลย แล้วยังให้มึงขึ้นสวรรค์อีกด้วยนะ อิอิอิ”

ฐานยินยิ้มอย่างลามก ยื่นมือไปที่ทัตดา แล้วลากเธอเข้ามา

ทัตดาเห็นดังนี้ ก็ได้หยิบมีดสั้นที่แอบไว้ในชุดของเธอออกมา จะปริชีพตัวเอง เพื่อไม่ให้ไอ้น่ารังเกียจนี่ทำให้เธอแปดเปื้อน

แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง ร่างหนึ่ง ได้ขวางหน้าฐานยินไว้

ทัตดารู้สึกถึงสายลมที่พัดมา จากนั้นก็เป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคย

รพีพงษ์!

ทัตดามองรพีพงษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อ อ้าปากค้างอย่างตกใจ

“ร……รพีพงษ์ คุณคิดจะทำอะไร?” ทัตดาถาม

รพีพงษ์หันไปหาทัตดา ด้วยรอยยิ้มที่นิ่งสงบ แล้วกล่าว “คุณวางใจได้ ผมจะไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร”

แม้ทัตดาจะซาบซึ้งกับการที่จู่ๆรพีพงษ์มาห้ามไว้ แต่ฐานยินแม้แต่พรภวัษย์ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วรพีพงษ์จะต่อกรยังไง

“คุณอย่าบ้าไปหน่อยเลย เมื่อกี้คุณไม่เห็นฝีมือของมันหรอ? ตอนนั้นคุณบอกว่าคุณเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพไม่ใช่หรอ? คุณรีบหลบไป ฉันไม่ต้องการการช่วยเหลือจากคุณ!”

ทัตดาร้อนรน เธอไม่อยากทำให้รพีพงษ์เหนื่อย เพราะตัวเอง

รพีพงษ์ไม่สนคำพูดของเธอ แล้วมองไปที่ฐานยินที่อยู่ตรงหน้า

ฐานยินก็ไม่คิดว่าตอนนี้จะมีคนมาขัดขวาง บวกกับดูแล้วรพีพงษ์อายุแค่ยี่สิบกว่าปี เขาไม่จำเป็นต้องกลัว

“เด็กน้อย มึงรนหาที่ตายหรอ? แม้แต่เรื่องของกูมึงก็ยังกล้ายุ่ง?” ฐานยินจ้องรพีพงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ “เธอคือผู้แนะนำของหู กูถือเป็นหัวหน้าของเธอ อันตรายของเธอแน่นอนว่ากูต้องรับผิดชอบ กูอยากให้มึงคุมตัวเองให้ดีๆ มิเช่นนั้น มึงจะเสียใจที่วันนี้มาที่นี่”

เมือกี้รพีพงษ์นึกขึ้นได้ ว่าฐานยินนี้ เป็นรางวัลนำจับอันดับที่สี่ของกลุ่มสิงโต

ดังนั้นแม้ฐานยินไม่ทำอะไรทัตดา วันนี้รพีพงษ์ก็ไม่มีทางปล่อยฐานยินไปง่ายๆอย่างแน่นอน เพราะในสายตาของรพีพงษ์ ถือเป็นผลงานที่เคลื่อนที่ได้ชั้นดี

ในเมื่อได้เข้ากลุ่มสิงโตแล้ว ก็ต้องทำอะไรเพื่อกลุ่มสิงโตบ้าง

ฐานยินได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าว “เด็กน้อย มึงรู้หรือเปล่าว่ามึงกำลังพูดอยู่กับใคร? จุดจบของไอ้เลวพรภวิษย์มึงน่าจะเห็นแล้วนะ? มึงคิดว่าเด็กหัวขนยี่สิบกว่าปีอย่างมึง จะเก่งกว่าพรภวิษย์?”

“กูจะเก่งกว่าเขามั้ย ต่อสู้กันก็รู้แล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ

พูดจบ เขาหยิบมุรามาสะมาถือไว้ แล้วค่อยๆดึงออกมาจากกระบอก

ฐานยินเห็นรพีพงษ์ถืออาวุธอยู่ ความเหยียดหยามที่อยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การกระทำนี้ของรพีพงษ์บ่งบอกว่าเขายังไม่ถึงแดนดั่งเทพ ฐานยินไม่มีทางกลัวเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่ถึงแดนดั่งเทพแน่นอน

ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์เห็นรพีพงษ์ท่าทางเยือกเย็น ก็หมดอาลัยตายอยาก คิดว่ารพีพงษ์วู่วามเกินไป

“ความจริงฝีมือเขาก็ไม่แย่ ถ้าหนีไป ก็ไม่ต้องถูกกักไว้ เสียดาย เขาหลวมตัวเกินไป”

“ตอนผมวัยรุ่นก็เหมือนเขา เจอเรื่องแบบนี้จะอ่อนข้อไม่ได้ แต่คนที่อยู่ข้างนอกนั่นคือยอดฝีมือแดนดั่งเทพ พรภวิษย์บาดเจ็บหนัก แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า”

“เดิมทีคิดว่าทัตดาพาหลานเขยมา แต่แว็บเดียวก็กลายเป็นเรื่องอื่นไป พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย”

……

ฐานยินกำลังมองรพีพงษ์ที่จริงจัง ก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็ถีบไปที่ร่างจองรพีพงษ์ อยากที่จะจัดการตัวปัญหานี้ให้จบไปซะ

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ รพีพงษ์หลบขานั้นของเขาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมุรามาสะที่อยู่ในมือก็พุ่งไปที่คือของฐานยินอย่างเร็ว

บนกระบี่ มีออร่าอยู่รอบๆ ฐานยินรับรู้ได้ถึงอันตราย จำเป็นต้องถอยหลังไปอย่างเร็ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท