พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1179 ข้อจำกัด

บทที่ 1179 ข้อจำกัด

ถ้าหากตระกูลเหล่านี้กัดกันขึ้นมา นับประสาอะไรกับจาระวี เกรงว่าเศรษฐกิจของทั้งประเทศ ก็จะได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง แต่นั่นเป็นผลลัพธ์ที่ข้างบนไม่ต้องการเห็น

แต่ว่ารพีพงษ์ก็มีความอยากรู้อยากเห็นว่า ตระกูลกุลและตระกูลเชาวกรกุลสามารถอยู่มาได้ถึงสถานะนี้ คงจะมีฝีมือและภูมิหลังอย่างแน่นอน ไม่ใช่จะไม่รู้ว่าในนั้นจะมีผลที่ตามมาอย่างไร แต่ว่าพวกเขายังคงตัดสินใจทำแบบนี้ นี่เป็นเพราะอะไรกันแน่?

ต้องมีเรื่องที่ปิดบังอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน!

เมื่อนึกอยู่ รพีพงษ์นั่งอยู่เบาะหลัง ก็พักผ่อนไป

นลินพบว่ารอบตัวไม่มีการเคลื่อนไหว หันหน้ามองไปแวบเดียว ถึงพบว่ารพีพงษ์นอนไปแล้ว เธอเข้าใจเป็นธรรมดา แม้แต่รพีพงษ์ หลายวันมานี้ก็ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนพักผ่อน ผ่านการปรึกษาหารือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็มีอ่อนเพลียบ้าง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจ…..

กองบัญชาการใหญ่ของตระกูลกุลในจาระวี และตระกูลณัฐรัชต์ก็อยู่ในเมืองเดียวกัน หลายปีมานี้พวกเขาสองตระกูลก็มีความร่วมมือทางธุรกิจเป็นธรรมดา ดังนั้นตระกูลณัฐรัชต์ไปที่ตระกูลกุล ก็ถือได้ว่าชำนาญหนทางดี

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงตรงหน้าบ้านเก่าสไตล์ปักกิ่งโบราณของตระกูลนี้ นลินปลุกรพีพงษ์เบาๆ

“คุณรพี พวกเรามาถึงแล้ว”

ตรงหน้าของรพีพงษ์ในเวลานี้ เป็นอาคารใหญ่โตที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่เก่าแก่มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน สวยและแปลกแบบโบราณ และเต็มไปด้วยเสน่ห์

รพีพงษ์ค่อยๆลืมตาขึ้น มองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้วพูดช้าๆว่า: “บ้านโบราณนี้ กลับมีความน่าสนใจ คนตระกูลกุลนี้ สมกับเป็นตระกูลใหญ่ระดับเดียวกันกับตระกูลณัฐรัชต์”

นลินพยักหน้า: “แต่คุณรพี พวกเราก็เข้าไปแบบนี้เหรอ?”

เห็นได้ชัดว่าความหมายของนลิน เธอรู้สึกว่าเพียงแค่เธอและรพีพงษ์ คงจะไม่มีทางขอสิทธิ์ในทรัพย์สินของพวกเขากลับมาได้

ถ้าหากทำให้ตระกูลกุลโกรธ ไม่แน่อาจจะทำเรื่องอะไรขึ้นมา

เพียงแต่เธอไม่ได้สนใจว่า ผู้ชายที่อยู่ข้างกายมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่!

กลัวว่าตระกูลกุลสิบตระกูล ร่วมมืออยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีความสามารถที่จะเอาเปรียบ บนร่างกายของเขาได้แม้แต่น้อย !

ยิ่งไปกว่านั้น อำนาจที่อยู่เบื้องหลังของรพีพงษ์ ตระกูลกุลไม่มีความสามารถเอื้อมถึงได้

“ไม่อย่างนั้น พวกเรายังต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อธิษฐานด้วยความซื่อสัตย์ ถึงจะสามารถเข้าไปได้เหรอ?”

เมื่อได้ยิน“อาบน้ำ”สองคำนี้ ใบหน้าของนลินก็แดงเล็กน้อย รู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นแรง

เธอคาดไม่ถึง ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้ จะเป็นเพราะผู้ชายคนหนึ่งพูดล้อเล่น ก็ยั้งสติไม่อยู่ถึงขนาดนี้

“คนของตระกูลกุลอยู่ที่ไหน”

ทันทีที่ก้าวเข้ามาที่ประตู เสียงของรพีพงษ์ราบเรียบ ก็สะท้อนเข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจน

ในเวลานี้ในห้องประชุมของตระกูลกุล คนระดับสูงกำลังถกเถียงกัน จะแบ่งแยกทรัพย์สินของตระกูลณัฐรัชต์ที่ยึดมารวมกับของตัวเองได้อย่างไร

หลังจากที่ได้ยินเสียง ผู้อาวุโสของตระกูลกุลก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ในเวลาเดียวกันรพีพงษ์และนลินก็เดินเข้าด้วยกัน

“หยุดเดี๋ยวนี้!” พวกเขารีบห้ามทั้งสองคนนี้ทันที ถามอย่างเข้มงวดมีเหตุผล

“พวกคุณเป็นใคร? กล้าบุกรุกตระกูลกุลเหรอ?”

“ฉันนลินเป็นลูกสาวของผลอุดม ต้องการพบผู้อาวุโสของตระกูล”

ผู้น้อยเหล่านั้นไม่รู้จักนลิน แต่ชื่อของผลอุดมพวกเขากลับเคยได้ยิน เนื่องจากการประชุมที่จัดขึ้นในวันนี้ก็คือจะแบ่งแยกทรัพย์สินของตระกูลณัฐรัชต์อย่างไร

“อ๋อ ที่แท้คุณหนูตระกูลณัฐรัชต์นี่เอง ฮ่าๆ วันนี้ยินดีต้อนรับคุณ หรือว่าตระกูลณัฐรัชต์ล้มละลายแล้ว คุณอยากบากหน้ามาขออาศัยตระกูลกุลของพวกเราเหรอ?”

“แกพูดอะไรนะ? คุณหนูตระกูลณัฐรัชต์อะไรกัน แค่สุนัขกลางถนนเท่านั้นเอง?”

เด็กคนหนึ่งในตระกูลกุล เดินมาถึงตรงหน้านลิน มองดูรูปร่างลักษณ์โดดเด่นของเธออย่างละเอียด: “แกอย่าพูดจาส่งเดชแกดู นลินเขาสวยมากขนาดไหน หญิงสาวแบบนี้ ฉันชอบมากที่สุด! ไม่งั้นเธอก็มาอยู่กับฉันเถอะ ฉันก็ถือได้ว่ามีสิทธิ์มีเสียงอยู่ในตระกูลกุล!”

“ฮ่าๆ พี่ นายต้องการกอบโกยคนเดียวก็มากเกินไปแล้ว ถ้าคุณหนูตระกูลณัฐรัชต์เต็มใจจริงๆ ก็ให้พวกเราได้เสพสุขไปด้วยเถอะ!”

เสียงเยาะเย้ยและดูถูกรอบข้างก็ดังขึ้นมาทันที

พวกเขาคิดว่าตัวเอง มีเกียรติบัตรแห่งความสำเร็จอยู่ในกำมือ ปฏิบัติต่อนลินไม่มีทางที่จะสุภาพเป็นธรรมดา

นลินทั้งโกรธทั้งอาย สีหน้าก็แดงก่ำ แต่พวกเขาเป็นผู้ชนะ ไม่ว่าจะอับอายแค่ก็ตาม ตัวเองก็ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์กลับทนไม่ไหว เห็นเพียงเขาจับเด็กคนนั้นของตระกูลกุลที่เดินไปตรงหน้านลิน โยนออกไปนอกประตู และมีเสียงตูมดังขึ้นมา

“ฉันอยู่ข้างนอก มองว่าสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่นี่ไม่เลว คิดว่าตระกูลกุลมีของบางอย่าง ใครจะรู้ว่า ที่แท้ตระกูลกุลก็เป็นประเภทแบบนี้เหรอ?”

ทุกคนได้แต่มองดูกันไปมา ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตัวเอง ไม่นึกเลยว่าคนคนนี้แค่ลงมือจับคน ก็สามารถพังประตูบานหนึ่งได้ง่ายๆ?

“ต้องเป็นประตูนี้ อยู่ในสภาพทรุดโทรมมานาน ทำให้เป็นแบบนี้!”

“ใช่! ไอ้โง่แบบนี้ ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาอวดดีที่ตระกูลของพวกเรา รีบลงมือต่อยตีเขา!”

คนเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักรพีพงษ์เป็นธรรมดา ทยอยเอ่ยปากด่า

ทันทีที่เสียงลดลง เหล่าผู้น้อยหลายคนก็รายล้อมขึ้นมา รพีพงษ์รู้สึกขบขันขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาสุดลมหายใจเล็กน้อย เพียงหมัดเดียว ชายหนุ่มของตระกูลกุลที่อยู่ด้านหน้า ก็บินออกไป

ชายในชุดแดงรู้สึกว่ากระดูกของตัวเองหักไปหลายท่อน ร้องโอดโอยออกมา ต่อจากนั้นก็บินออกไปที่นอกประตู ลงล้มอยู่ข้างกายของเด็กตระกูลกุลที่โดนรพีพงษ์โยนออกไปเมื่อกี้นี้ นอนอยู่บนพื้น ร้องโอดโอยไม่หยุด

ชายวัยกลางคนอ้วนคนหนึ่ง หลังจากที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็ถามด้วยความโกรธ

“คนตระกูลณัฐรัชต์ของพวกแก ตอนนี้ล้มละลายแตกแยกกันหมดแล้ว ก็กล้ามากำเริบเสิบสานที่ตระกูลกุลของพวกเราเหรอ? ฉันว่าพวกแกอยากตายแล้ว!”

“น้าชาย น้าต้องช่วยพวกเราตัดสินนะ! ไอ้หมอนี่ ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาก่อความวุ่นวายที่ตระกูลของพวกเรา!”

ชายในชุดแดงที่ล้มอยู่บนพื้น เอ่ยปากตะโกนทันที รพีพงษ์กลับพูดอย่างราบเรียบว่า

“ก่อความวุ่นวายเหรอ? ฉันไม่มีความสนใจเรื่องนี้ ฉันมาช่วยตระกูลณัฐรัชต์เอาของคืนกลับมา”

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ หรี่ตาเล็กน้อย เขาเป็นเยี่ยมบุญนายใหญ่ของตระกูลกุล เรื่องนี้ตอนนั้นเขาก็เป็นคนยุยงให้โรเบิร์ตทำ แน่นอนว่าก็ต้องเข้าใจความหมายของรพีพงษ์ว่าคืออะไร

แต่ในเวลานี้ ในใจของเยี่ยมบุญเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กลืนตระกูลณัฐรัชต์เข้ามาในปากแล้ว เนื้อติดมันที่เคี้ยวไปแล้ว จะคายออกมาได้อย่างไร?

ต่อจากนั้น เขาเห็นคุณหนูตระกูลณัฐรัชต์

“คุณหนูตระกูลณัฐรัชต์ คุณมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในใจของนลินเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่กำลังจะพูด รพีพงษ์ก็โบกมือให้เธอ เอ่ยปากพูดอย่างราบเรียบว่า

“วันนี้พวกเรามาถึงที่นี่ไม่ได้มาคุยกันถึงเรื่องเก่า เอาของที่พวกแกไม่ควรเอาส่งมอบออกมา และก้มกราบคำนับไถ่โทษให้กับคนของตระกูลณัฐรัชต์ ฉันก็จะปล่อยพวกแกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท