พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1242 ปยุตรับลูกศิษย์

บทที่ 1242 ปยุตรับลูกศิษย์

“รพีพงษ์?”

หลังจากลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้า ก็ตกอกตกใจกันมาก

“คุณพระช่วย เขาก็คือรพีพงษ์?”

“นี่มันไอดอลของข้าไม่ใช่เหรอ?คิดไม่ถึง วันนี้ได้เจอแล้ว?”

“คุณพระ เมื่อกี้ข้ายังว่าเขาว่ากลั่นยาแบบไม่รู้เรื่องอะไรอยู่เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่า ข้าต่างหากที่เป็นคนโง่ไม่มีสมอง !”

……

จิลลาก็ตกอกตกใจเหมือนกัน

“เจ้าปยุต คุณพูดว่า เขาคือรพีพงษ์?”

“ใช่นะสิ สองวันมานี้เขาอยู่ด้วยกันกับข้า ข้าจะจำผิดได้อย่างไรกัน” ปยุตหัวเราะพร้อมพูดกล่าว

“เจ้าคือรพีพงษ์ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะ!” จิลลาพูดกล่าว

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “เจ้าไม่ได้ถามสะหน่อย ข้าจำเป็นต้องพูดด้วยเหรอ”

“เจ้า……” จิลลากัดริมฝีปาก

รพีพงษ์ สำหรับผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดในโลกใบนี้แล้ว คือการดำรงอยู่ของชั้นยอด

หลังจากที่คนหนุ่มสาวทุกคนได้รู้ถึงพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวของรพีพงษ์แล้ว ล้วนแต่แสดงความอิจฉาและเลื่อมใสศรัทธาออกมา

จิลลาก็ไม่มีข้อยกเว้นไปโดยปริยาย

“คิดไม่ถึงจริงๆ พรสวรรค์ในการกลั่นยาของเจ้าจะสูงส่งเช่นนี้ ทำให้ผู้คนศรัทธาจริงๆ” จิลลาพูดกล่าว ที่นำพามาซึ่งคำขอโทษนิดๆ

“เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่พูดจาแรงไปหน่อย ก็เพราะหวังดีกับเจ้า” รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบ

หยกไม่เจียระไนก็หาค่าประโยชน์ไม่ได้ ในเรื่องของการปรุงยาจิลลาค่อนข้างมีพรสวรรค์อย่างมาก เพียงแค่ต้องทำการขัดเกลาให้เงาสักหน่อย

“พอแล้ว ลุกขึ้นเถอะ รพีพงษ์ให้อภัยเจ้าแล้ว” ปยุตยิ้มพร้อมพูด ประคองจิลลาให้ลุกขึ้นยืน

“ไปกันเถอะ เราควรจะกลับไปทานข้าวกันได้แล้ว” รพีพงษ์พูดไปยังปยุต

ปยุตพยักหน้า คิดจะเดินออกไปพร้อมกับรพีพงษ์

“ช้าก่อน!”

จิลลาเร่งฝีเท้าเดินตามมา ขวางกั้นรพีพงษ์เอาไว้

“จิลลา เจ้าจะทำอะไรอีก อย่าเสียมารยาท!”จิรภัทรพูดด้วยความโมโห

“เจ้ายังมีธุระอะไรอีก?”รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น

จิลลามองไปยังนัยน์ตาทั้งสองข้างของรพีพงษ์ พูดอย่างกล้าหาญว่า : “การประลองเมื่อกี้นี้ข้าแพ้แล้ว ก่อนหน้านี้เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อแพ้แล้ว ข้าก็จะยอมรับบทลงโทษ เจ้าว่ามาสิ ต้องการให้ข้าทำอะไร แม้ว่า ……ปรนนิบัติเจ้า ข้าก็ยอม”

หลังจากลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้า ต่างก็พูดคุยกัน

นี่ก็ยังเป็นองค์หญิงอำมหิตที่พวกเขารู้จักกันอยู่ไหม?

“เรื่องของตัวข้าเองข้าก็จะต้องจัดการด้วยตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาปรนนิบัติ” รพีพงษ์พูดปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

พูดแล้วก็หันหลังเดินออกไป

“ไม่ เจ้าไปไม่ได้” จิลลาขวางกั้นไว้อีกครั้ง : “ข้าไม่สนใจ แพ้แล้วก็ต้องยอมรับบทลงโทษ เจ้าจะต้องตั้งเงื่อนไขให้ข้าทำ ไม่อย่างงั้น งั้นพวกลูกศิษย์กลุ่มนี้จะว่าข้าหน้าไม่อายได้!”

“ศิษย์พี่ เราไม่กล้าว่าเจ้าว่าหน้าไม่อายหรอกนะ ข้าว่า เจ้าอยากเข้าไปพัวพันกับพี่ใหญ่รพีพงษ์มากกว่านะ!”

ชุติน้อยพูดกล่าวพร้อมหัวเราะฮิฮิ

“ชุติเดชคนอย่างเจ้า พูดมากเกินไปแล้วนะ!” จิลลาจ้องมองไปยังชุติเดชอย่างโหดเหี้ยม แต่ในเวลาเดียวกัน เหมือนโดนพูดแทงใจดำยังไงอย่างนั้น หน้าแก้มก็แดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว

สาวน้อยล้วนแต่รักไอดอลทั้งนั้น รพีพงษ์เป็นไอดอลของผู้บำเพ็ญตนรุ่นเยาว์ จิลลาก็มีความรู้สึกดีแบบพิเศษกับรพีพงษ์ไปโดยปริยาย

รพีพงษ์มองไปยังจิลลาแวบหนึ่ง จนใจยอม และในเวลาเดียวกัน ปยุตที่อยู่ข้างๆก็เร่งอย่างไม่หยุดหย่อน ทันใดนั้น ในสมองของรพีพงษ์ก็เกิดความคิดอย่างนึงขึ้นมาได้

“เจ้า……ยอมรับบทลงโทษจริงใช่ไหม?”รพีพงษ์พูดถาม

“ใช่ พี่ใหญ่รพีพงษ์ เจ้าว่ามาเถอะ ข้าจะทำตามเจ้าทั้งหมด ” จิลลาพูดกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า ยกมุมปากขึ้นมา มองไปยังปยุตที่อยู่ข้างๆ

“เจ้ามองมาที่ข้าทำไมกัน รู้สึกเหมือนคิดไม่ดีเลย” ปยุตพูดกล่าว

“เจ้า จะถือสาอะไรไหมถ้าจะรับลูกศิษย์สักคน?”รพีพงษ์ยิ้มเบาๆพร้อมพูดกล่าว

“รับลูกศิษย์สักคน?คุณหมายถึงจิลลา?” ปยุตพูดอย่างประหลาดใจ

“ใช่”

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ก็นำเอาวิธีการฝึกฝนเมื่อสองวันก่อนของเจ้ามาทำการฝึกฝนให้จิลลา”

“นี่ มันไม่โหดร้ายกันเกินไปหน่อยเหรอ” ปยุตพูดอย่างลังเล

วิธีการนี้ของตัวเอง สำหรับคนธรรมดา นั่นมันคือฝันร้ายอย่างแน่นอน

เรื่องนั้น จิลลาไม่ได้ให้ความสนใจเลย ตอบรับปากทันทีว่า : “พี่ใหญ่รพีพงษ์ ข้าเชื่อฟังเจ้า จะคอยเรียนรู้จากเจ้าปยุต”

“ไม่ได้ๆ ฉันเป็นคนไม่มีวินัยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่อยากเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องเหล่านี้ ” ปยุตพูดปฏิเสธทันที

“พอแล้ว เจ้าปยุต แม้ว่าจิลลาจะมีพรสวรรค์ไม่เท่ากับรพีพงษ์ แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแน่นอน”จิรภัทรก้าวขึ้นมาพร้อมพูดว่า : “เจ้าก็รับเธอมาเป็นศิษย์หน่อยแล้วกัน พอดีเลยนะ สามารถขัดเกลานิสัยไปเธอด้วย ข้าเชื่อใจเจ้า”

“ช่างเถอะ ไอจิรภัทร ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลอกข้าอยู่ ถ้าจะสอนเจ้าก็สอนเองแล้วกัน ข้าไม่ทำหรอกนะ ” ปยุตพูดปฏิเสธ

“เจ้าปยุต ขอเพียงแค่เจ้ายอมรับข้าเป็นศิษย์ ข้าจะทำของอร่อยๆให้เจ้ากินทุกวันเลย” จิลลาพูดกล่าว

“ใช่ ฝีมือในการทำอาหารของรุ่นพี่จิลลา มันสุดยอดมาก คนอื่นๆไม่มีทางทำออกมาแบบของเธอได้อย่างแน่นอน เจ้าปยุต เราต่างก็เป็นพยานให้ได้!”

ชุติเดชยิ้มพร้อมพูด คนรอบข้างก็คล้อยตามไปด้วย

“อย่างงั้นเหรอ……” ปยุตเกิดอาการเปรี้ยวปาก อาหารรสเลิศ ไวน์ชั้นดี เป็นสิ่งที่เขาตามหามากที่สุด

“งั้นก็ได้ ข้าจะรับคเจ้าไว้ อนุญาตให้คุณเข้าไปในถ้ำนั้นของข้าได้ทุกวันอย่างอิสระ แต่ว่า เจ้าห้ามลืมทำอาหารอร่อยให้ข้าด้วย” ปยุตยิ้มพร้อมพูดกล่าว

“ขอบคุณมากค่ะเจ้าปยุต”

จิลลามีความสุขอย่างมาก พูดพร้อมประสานมือเข้าหากันที่หน้าอกแสดงถึงความเคารพ มองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆ

ตัวเองสามารถเข้าไปในถ้ำได้ งั้นก็พูดได้ว่า ก็มีเวลาที่จะได้อยู่กับไอดอลในทุกๆวันแล้วน่ะสิ

คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของจิลลาก็แดงก่ำขึ้นมา

สิ้นสุดการประลอง รพีพงษ์และปยุต แล้วก็จิรภัทรพวกเขาได้ออกไปจากหลิงฉวนแล้ว

เช้าของวันรุ่งขึ้น จิลลาถือกล่องอาหารมาถึงที่ในถ้ำตั้งแต่เช้าตรู่

“อรุณสวัสดิ์ค่ะเจ้าปยุติ” จิลลาพูดตะโกนเสียงดัง

ปยุตปีนลงมาจากเตียง พูดอย่างตื่นเต้นว่า : “เจ้ามาแล้วเหรอ เอาของกินอร่อยๆอะไรมาให้ข้าเหรอ”

พูดแล้ว เขาก็กำลังจะเปิดกล่องอาหารออก

“อย่ารีบร้อนสิคะ เจ้าปยุต พี่รพีละคะ?” จิลลาเอ่ยถาม ก้มตัวลงมองเข้าไปที่ข้างใน

“เจ้าหมายถึงเขาเหรอ เขาย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไอจิรภัทรได้ทำห้องเดี่ยวในสำนักให้เขาแล้ว เขาไปอยู่ที่นั่นแล้ว” ปยุตพูดกล่าวตามที่คิด

“อะไรนะ!ย้ายออกไปแล้ว?”

จิลลาประหลาดใจอย่างมาก พูดด้วยความโมโหทันที : “เจ้าบอกว่าสามสี่วันนี้เขาจะอยู่กับเจ้าไม่ใช่เหรอ เจ้าเป็นคนสอนเทคนิคการกลั่นยาให้เขาไม่ใช่เหรอ?”

“ข้าสอนเขา?”

ปยุตฝืนยิ้ม : “เมื่อวานเขากลั่นเม็ดยาทั้งสามเม็ดออกมาได้เพียงครั้งเดียวดุจเทพนิรมิต เจ้าคิดว่า ข้าจะมีความสามารถไปสั่งสอนเขาเหรอ?”

“นี่……”

จิลลาทำหน้ามุ่ย แผนการวิ่งตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ความหวังของตัวเองพังทลายลงหมดแล้ว

และทางนี้ ปยุตก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เผชิญหน้ากับอาหารรสเลิศ ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เปิดกล่องอาหารอย่างดีอกดีใจ อาหารข้างในที่ปยุตรอคอยที่จะได้เห็น ตามมาด้วย ตกใจจนหน้าถอดสีเลย

“จิลลา นี่คืออาหารที่เจ้าทำ?”

อาหารในกล่อง ไข่ทอดสองฟองที่ทอดจนดำเกรียม อาหารในส่วนที่เหลือเห็นแล้วก็ไม่เกิดความอยากอาหารเลย

“ทำไม เจ้าจะบอกว่าข้าทำไม่ดีเหรอ?” จิลลาเอ่ยถาม ในเวลานี้เธอยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่รพีพงษ์ย้ายออกไปในคืนๆนั้นเลย

ปยุตฝืนยิ้ม นี่ถึงจะเข้าใจได้ทันที อาหารที่จิลลาทำ ไม่มีใครสามารถทำออกมาได้จริงๆด้วย!

ในสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือ

ห้องนี้จิรภัทรเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้เขา ภายในตกแต่งแบบงดงามและแปลกตาแบบโบราณ

ควันสีเขียวของไม้จันทน์โชยออกมา ทำให้จิตใจของรพีพงษ์สงบลงมาก ในเวลานี้ เขากำลังอ่านสูตรที่อยู่ในมือ

นี่เป็นสูตรยาชั้นเลิศที่ปยุต มอบให้แก่เขาเมื่อคืนนี้

“ยาเม็ดไป่หลิง!”

รพีพงษ์พูดอ่านในปากเบาๆ อ่านสมุนไพรยาทั้งสามชนิดที่จำเป็นต้องมีด้านบน

สองชนิดในนั้น รพีพงษ์เคยเห็นมันที่ในถ้ำแล้ว แต่ชนิดสุดท้าย รพีพงษ์กลับมาว่าไม่รู้จักเลย

“ยาผงหลิงซี?นี่มันคืออะไรกัน?” รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่นอน เมื่อวานออกมาอย่างรีบร้อน ก็ไม่ทันได้สอบถามปยุต

ในเวลานี้ จิรภัทรเดินเข้ามาพอดีเลย

“รพีพงษ์ อยู่ที่นี่คุ้นชินดีไหม?”

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปที่จิรภัทร มาก่อนไม่สู้มาพอดี สามารถสอบถามจิรภัทรได้เลยพอดี เกี่ยวกับเรื่องของยาผงหลิงซี

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท