พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1247 หุบเขาหลิงซี

บทที่ 1247 หุบเขาหลิงซี

กระบี่ด้ามยาวในมือ ชี้ไปทางคางคกยักษ์

ในเวลานี้ คางคกตัวนี้สูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

มันก้มศีรษะลง แววตาไม่สดใส แสดงถึงความท้อแท้และหมดหนทาง

เมื่อเห็นคางคกตัวนี้มีอาการเช่นนี้ อารมณ์ของรพีพงษ์ก็ไม่ได้โมโหอย่างเมื่อก่อนขนาดนั้นแล้ว

“ข้าเคยพูดแล้วนะ ให้เจ้าหลีกทางให้ข้า ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า”

รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ในมือวาดกระบี่ยาว เดินหันหลังไปทางหุบเขาหลิงซี

เบื้องหลังของเขา มีเพียงคางคกตัวหนึ่งที่ส่งเสียงโอดครวญ เมื่อได้ยินแล้วก็ฟังดูน่าเศร้าเป็นอย่างมาก

หุบเขาหลิงซี!

ในตอนเย็นของวันถัดไปรพีพงษ์ มาถึงตำแหน่งของหุบเขาหลิงซีที่ทำสัญญาลักษณ์ไว้บนแผนที่แล้ว

“งั้นก็ที่นี่แหละ!”

รพีพงษ์เงยหน้ามอง เบื้องหน้าของเขา เป็นธารน้ำจากภูเขาที่สูงตระหง่าน มีน้ำตกไหลลงมาจากลำธาร ทรงพลานุภาพมาก!

ยืนอยู่ที่นี่ รพีพงษ์สามารถสัมผัสพลังทิพย์อย่างท่วมท้นที่อยู่รอบตัวได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าในไอน้ำและหมอก ล้วนแต่นำมาซึ่งพลังทิพย์

ถ้าหากสามารถแอบฝึกอยู่ที่ได้หนึ่งปีครึ่งได้ล่ะก็ รพีพงษ์มั่นใจ ความแข็งแกร่งของตัวเองจะต้องเติบโตได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

ถ้าหากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไป ก็จะ……

ในใจของรพีพงษ์พลุ่งพล่านขึ้นมา ถ้าหากตัวเองสามารถได้ไปถึงแดนเทพขั้นพีคจริงๆล่ะก็ งั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร!

เก็บสติกลับมา รพีพงษ์มองไปยังธารน้ำที่ไหลจากภูเขาตรงหน้า

“หากไม่เหนือความคาดหมาย แรดโบราณน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ในธารน้ำไหลจากภูเขา ”

รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ ภายใต้การรับรู้ของจิตวิญญาณพร เขาสังเกตได้อย่างเลือนราง มีส่วนหนึ่งของน้ำตก เผยให้เห็นแสงสว่างเล็กน้อย

ถ้าหากทายไม่ผิดล่ะก็ รพีพงษ์ตัดสินใจชี้ขาด เบื้องหลังของน้ำตกนี้ มีถ้ำที่ซ่อนอยู่ด้วย

เพียงแค่ ยิ่งพลังของจิตวิญญาณเทพสำรวจเข้าไปข้างใน ก็ยิ่งสามารถจับลมหายใจที่อ่อนๆได้

แม้แต่ตัวเองรพีพงษ์เองก็เกิดความสงสัย หรือว่าตัวเองจะคิดผิดแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่เลยว่างเปล่า?หรือว่า มีอันตรายที่มากขึ้นหลบซ่อนอยู่ข้างใน

แต่ว่า ในตอนนี้รพีพงษ์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายแล้ว

เดินลึกเข้าไปในป่าทึบ ยาผงหลิงซีอยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้ว่าข้างหน้าจะมีอันตรายอย่างมาก รพีพงษ์ก็จะต้องเดินไปข้างหน้าแน่นอน

แตะปลายนิ้วเท้าเบาๆ รพีพงษ์กระโดดขึ้นสูง

พลังทิพย์ในร่างกายก็พลุ่งพล่านออกมา รพีพงษ์กระโดดลงไปในน้ำตกอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เป็นอย่างที่คิดไว้ เบื้องหลังของน้ำตกมีถ้ำสวรรค์อีก

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าถ้ำ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถ้ำแห่งนี้เมื่อเทียบกับถ้ำที่ตัวเองเคยอาศัยกับปยุตแล้วนั้นก็ใหญ่เกินไปกว่าหน่อยนะ!

แต่ว่า เมื่อนึกถึงสัตว์เซียนที่มีรูปร่างใหญ่โตตามที่เจอทั่วๆไปแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ใจไม่ได้ที่จะปล่อยวาง

ก็มีเพียงถ้ำที่ใหญ่โตขนาดนี้ ถึงจะสามารถรองรับแรดโบราณที่ตัวใหญ่อย่างนี้ได้!

ภายในถ้ำมืดมาก รพีพงษ์แผ่ซ่านพลังแห่งจิตวิญญาณเทพ สัมผัสถึงความรู้สึกที่เป็นอันตรายได้จากรอบด้าน

และในขณะเดียวกัน ก็ค่อยๆเดินลึกเข้าไปในถ้ำ

เดินไปประมาณหนึ่งนาที เสียงน้ำตกจากข้างนอกก็ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ รพีพงษ์ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไปเลย

ทันใดนั้น ลมหนาวก็พัดเข้ามา เหน็บหนาวราวกับว่าจะปัดเป่ากระดูกได้ยังไงอย่างนั้น

รพีพงษ์กัดฟันแน่น ในเวลาเดียวกัน ในมือก็วาดมีดสั้นออกมาหนึ่งเล่ม กระโจนเข้าไปยังภายในของกำแพงหินด้านข้าง ใช้ต้านทานแรงลม หลีกเลี่ยงไม่ให้พัดปลิวไปกับมัน

ก็เป็นแบบนี้อยู่หลายสิบกว่าวินาที กำลังลมถึงค่อยๆเบาลงแล้ว

รพีพงษ์แววตาเคร่งขรึม เขารู้ว่า ที่ตัวเองตัดสินใจนั้นไม่ผิด ถ้ำแห่งนี้ เป็นที่ที่ซ่อนตัวของแรดโบราณ!

และสาเหตุที่จิตวิญญาณเทพไม่สัมผัสถึงลมหายใจใดๆมาก่อนนั้น นั่นก็พิสูจน์ได้ว่า ระดับของแรดโบราณตัวนี้ อย่างน้อยก็น่าจะเท่ากับตัวเอง ถึงขนาดที่ว่า สูงกว่าตัวเองด้วยซ้ำ!

รพีพงษ์ได้กลิ่นลมหายใจที่อันตราย แต่ตอนนี้ ไม่สามารถถอยกลับได้แล้ว!

เสียงที่แก่เฒ่าแพร่ซ่านออกมาจากข้างในของถ้ำมืดแล้ว ทำให้รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นคลอนแล้ว

“หกสิบปีเต็มแล้ว จู่ๆก็มีคนบุกเข้ามายังที่ของข้า!”

รพีพงษ์มองไปตามเสียง เห็นเพียงไฟประหลาดที่เห็นวูบวาบสามสี่จุดตรงหน้า ตามมาด้วย แรดโบราณที่ตัวใหญ่มากกำลังผ่อนลมหลายใจอย่างหนัก มองมาที่ตัวเอง

ทุกลมหายใจของมันมาพร้อมกับ กำลังลมที่แรงมากตรงเข้ามา

รพีพงษ์ย้ายกำลังทิพย์ไปอยู่เท้าทั้งสองข้างของตัวเอง ยืนอย่างมั่นคงมองไปยังอีกฝ่าย

“มองข้าขนาดนี้ รู้สึกแปลกใจใช่ไหม ทำไมข้าถึงสามารถพูดจาภาษามนุษย์แบบพวกเจ้าได้ ” แรดโบราณเอ่ยปากพูด

“ในเมื่อพวกเจ้าเรียกพวกข้าว่าเป็นสัตว์เซียน ก็ต้องแสดงสิ่งที่ไม่ธรรมดาออกมาไปโดยปริยาย เรียนรู้ภาษาของมนุษย์อะไรแบบนี้ สำหรับข้าแล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร”แรดโบราณเอ่ยพูดต่อ

รพีพงษ์แอบนึกคิด

สัตว์เซียนเหล่านั้นที่พบเจอระหว่างทางก่อนหน้านี้ ก็สามารถฟังคำพูดของตัวเองเข้าใจ แต่ไม่สามารถเอ่ยปากพูดได้ น่าจะเป็นเพราะพลังยังไม่มากพอ

และมองไปแล้ว พลังทิพย์ของแรดโบราณนี้แข็งแกร่งกว่าสัตว์เซียนตัวก่อนมาก แน่นอนว่าต้องพูดออกมาได้

“เหมือนว่า เจ้าจะแข็งแกร่งมาก”

รพีพงษ์ไม่กลัวแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“พ่อหนุ่ม ที่นี่ไม่ใช่ที่เจ้าควรมา เจ้าไปเถอะ ข้าไม่เอาเรื่อง ”แรดโบราณพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

รพีพงษ์ก้าวขึ้นไปข้างหน้า : “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว หากไม่ได้สิ่งของที่ข้าต้องการ ไม่มีทางออกไปแน่นอน!”

“สิ่งของที่เจ้าอยากได้ น่าจะเป็นยาผงหลิงซีสินะ” แรดโบราณพูดกล่าว

“ถูกต้อง”

รพีพงษ์เอ่ยพูดต่อไปว่า : “ในเมื่อเจ้าคาดเดาได้แล้ว ข้าก็ไม่พูดอะไรมากมายแล้ว ถ้าเจ้ามอบยาผงหลิงซีให้แก่ข้า ข้าก็จะออกจากที่นี่ไป ไม่มีรบกวนแน่นอน”

“เหอะ พูดง่ายนะ ทำไมข้าจะต้องเอายาผงหลิงซีให้แก่เจ้าด้วย?” หลังจากที่แรดโบราณได้ยินเข้าแล้ว อารมณ์ก็ปั่นป่วนบ้างแล้ว

“ตาเฒ่าชรา”

รพีพงษ์พูดกล่าว แรดโบราณตัวนี้มีอายุกว่าหลายร้อยปีแล้ว แม้ว่าเป็นสัตว์เซียน แต่สามารถพูดภาษาคนได้ เพราะงั้น เรียกว่าตาเฒ่าชราก็ไม่ได้เกินไป

“ภรรยาของข้าได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายอย่างหนัก ต้องการยาผงหลิงซีนำมากลั่นเป็นยาเม็ดไป่หลิง หวังว่าตาเฒ่าชราจะสามารถมอบยาให้ได้ ถ้าหลังจากวันนี้ไป เมื่อไหร่ที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!” รพีพงษ์พูดกล่าว เขาก็ไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับอีกฝ่าย

จะไปรู้ได้ยังไง หลังจากที่แรดโบราณตัวนี้ได้ยินเข้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เหมือนว่าเสียงหัวเราะจะเขย่าถ้ำแห่งนี้ให้สั่นไหว

“เจ้าหัวเราะอะไร!”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น พูดถามอย่างเคร่งขรึม

“ข้าหัวเราะเจ้าที่ไม่รู้อะไรเลย!”

แรดโบราณพูดเสียงดัง : “เจ้ารู้เอาไว้นะ ยาผงหลิงซีทำมาจากการบดนอแรดของข้า เอานอแรดของข้าไป ก็คือการทำลายชีวิตของข้า เจ้าคิดว่า ข้าจะให้เจ้าไหม?”

“อะไรนะ?ยาผงหลิงซีคือ……นอแรดของเจ้า?”

รพีพงษ์ตกใจอย่างมาก

“ทำไม พวกคนกลุ่มนั้นของสำนักเทพยาเซียนไม่ได้บอกเจ้าเหรอ?อ้อ ข้าเกือบลืมไปแล้ว เมื่อหกสิบปีก่อน มีคนที่เหมือนกับเจ้าเลย ก็ต้องการยาผงหลิงซี ข้าตบเขาไปฉาดหนึ่งโยนออกไปนอนฟุบกับพื้น สันนิษฐานว่าก่อนที่เขาจะตายไปก็คงไม่รู้ว่ายาผงหลิงซีมันคือสิ่งใดกันแน่สินะ ” แรดโบราณเอ่ยพูดไปตามอารมณ์

“ข้า……ไม่ทราบจริงๆ” รพีพงษ์กัดริมฝีปากพร้อมพูดกล่าว

ท้ายที่สุดถ้าหากต้องการยาผงหลิงซี ก็จะต้องคร่าชีวิตของอีกฝ่ายด้วย นี่ก็ค่อนข้างที่จะทำให้รพีพงษ์ยากที่จะเลือกได้

“ดูเหมือนว่าเด็กวัยรุ่นอย่างเจ้ามาถึงที่นี่ได้ ก็ถือว่ามีพรสวรรค์ที่สูงส่ง รู้แล้วก็รีบออกไปซะเถอะ ไม่อย่างนั้น ข้าก็จะทำเหมือนหกสิบปีก่อน โยนเจ้าออกไป!” แรดโบราณพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เหมือนว่าไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

รพีพงษ์ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เพียงแค่หยิบภาพที่มุมภาพหายไปหนึ่งมุมออกมา รอยยิ้มของอารียาประทับอยู่เบื้องหน้าของรพีพงษ์ สดใสเช่นนี้

แต่ว่า เมื่อคิดถึงพิษที่อยู่ในร่างกายของอารียาในตอนนี้ ในใจของรพีพงษ์ก็รู้สึกเศร้าโศก

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ขยับ แรดโบราณก็ค่อนข้างหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว : “ไอ้หนู ความอดทนของข้ามีจำกัดนะ เจ้ารีบไสหัวออกไปซะ!”

“ที่ข้ามาในครั้งนี้ ”

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตานำมาซึ่งความมุ่งมั่นเฉียบขาด เอ่ยปากว่า : “ที่ข้ามาจากแดนไกล ก็เพื่อภรรยาของข้า เพื่อหาวิธีขจัดพิษที่อยู่ในร่างกายของเธอ เพื่อเธอ ข้าสามารถทำได้ทุกอย่าง”

ทันใดนั้น เขาก็มองไปยังแรดโบราณพร้อมพูดว่า : “ตอนนี้ โอกาสมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าหากว่าครั้งนี้ข้าไม่ลองทำมันดูล่ะก็ เกรงว่าต่อไปข้าคงจะต้องเสียใจภายหลังแล้ว”

“ฮ่า ๆ เพราะงั้นจึงพูดได้ว่า เพื่อภรรยาของเจ้า ก็สังเวยด้วยชีวิตของข้าโดยไม่ลังเล นี่ก็คือมนุษย์อย่างพวกเจ้าใช่ไหม?” แรดโบราณพูดเยาะเย้ย

“ไม่ น่าจะยังมีวิธีอื่น” รพีพงษ์พูดเสียงดังว่า : “ถ้าเจ้าอนุญาตล่ะก็ ข้าจะลองใช้ปลายมีดแหลมคมขัดมันที่……นอแรดของเจ้า ขอเพียงแค่ขูดยาผงหลิงซีออกมานิดหน่อย ก็เพียงพอแล้ว”

“เจ้าพูดจาเหลวไหลมากเลยนะ!”

แรดโบราณโกรธมาก : “นอแรดของข้าล้ำค่ามากแค่ไหน มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าจะสัมผัสได้ตามใจชอบแบบนี้ได้อย่างไร”

“ตาเฒ่าชรา งั้นเรามาสู้กันสักตั้ง!”รพีพงษ์พูดกล่าวเสียงดัง

ยาเม็ดไป่หลิงที่บันทึกไว้ ปริมาณของยาผงหลิงซี เพียงไม่กี่กรัมเอง รพีพงษ์คิดว่าวิธีการของตัวเองเป็นไปได้

ใครจะไปรู้ จู่ๆแรดตัวนี้ก็ระเบิดความโมโหออกมา : “ข้าปกป้องโลกใบนี้มากว่าหลายร้อยปี พวกเจ้ากลับว่าทำแบบนี้กับข้า สารเลวจริงๆ!”

พูดแล้ว อุ้งเท้าหน้าที่ใหญ่หนึ่งข้าง พัดไปยังบนตัวของรพีพงษ์เลย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท