พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1451 บาร์บีคิวปิ้งย่าง

บทที่ 1451 บาร์บีคิวปิ้งย่าง

เมื่อก่อนรพีพงษ์เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าที่คอยรับใช้ทุกคนในบ้าน แต่ขณะนี้เขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ในสายตาของทุกคนอีกต่อไป

ตรงกันข้าม ตอนนี้เขาได้กลายเป็นไอดอลของคนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วน

คนหนุ่มชอบความสามารถและฐานะที่ร่ำรวยของเขา ในขณะที่ผู้หญิงชอบความเอาใจใส่ของเขา!

ถ้าจะแต่งงานก็ต้องแต่งงานกับคนอย่างรพีพงษ์ ประโยคนี้แพร่กระจายไปอย่างช้า ๆในประเทศจีน!

เฮลิคอปเตอร์อาปาเช่สีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองเกียวโต จากนั้นก็ปรากฏอยู่เหนือคฤหาสน์ของตระกูลลัดดาวัลย์

ที่ประตูคฤหาสน์ ท่านคทาใช้ไม้เท้าค้ำยัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา

ตอนแรก เขาไปที่เมืองริเวอร์เพื่อให้รพีพงษ์กลับมาสืบทอดธุรกิจของตระกูล แม้ว่าเขาจะไม่ทราบเจตนาร้ายของแม่รพีพงษ์ในตอนนั้นก็ตาม

แต่จากผลลัพธ์ปัจจุบัน เรื่องนี้ตนเองทำถูกต้องที่สุดแล้ว

คนที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือนนทภู ที่กลับมาจากเทือกเขากิสนา! และตอนนี้ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ก็ยืนอย่างพร้อมเพรียงอยู่ที่ประตู เพื่อรอการกลับมาของรพีพงษ์

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีปรมาจารย์ชุติเทพและศักดายืนอยู่ทั้งสองข้าง หรือแม้แต่ธฤตญาณและไตรทศที่หลังจากได้รับข่าว ก็ตั้งใจมาจากเมืองริเวอร์เช่นกัน

คนพวกนี้ แต่ละคนก็มีควาวมสามารถที่จะรับผิดชอบงานโดยลำพังได้ แต่วันนี้ พวกเขามีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นก็คือมาต้อนรับรพีพงษ์!

นอกประตูคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ มีผู้คนจำนวนมาก พวกเขาล้วนอยากเห็นลักษณะตัวตนของนายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์

เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างช้า ๆ เมื่อประตูเปิดออก รพีพงษ์ก็เดินออกมา จากนั้นก็หันหลังไปจูงมืออารียา และยื่นมืออีกข้างไปอุ้มหนูลิน

“คุณชาย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” ท่านคทากล่าวด้วยเสียงสั่น ในขณะที่ใช้ไม้เท้าค้ำยัน

รพีพงษ์ถอดแว่นกันแดดออก ทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ร้องกรี๊ด

โดยเฉพาะเมื่อพวกเธอเห็นรพีพงษ์จูงมืออารียา ยิ่งทำให้พวกเธออิจฉาอารียามากขึ้นไปอีก

“คุณปู่!”

หนูลินมองไปก็เห็นนนทภู ปกตินนทภูซึ่งเป็นคนที่เคร่งขรึม แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของหนูลิน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเขาก็อ้าแขนไปอุ้มหนูลิน และนี่ก็คือสายใยแห่งความผูกพันของสายเลือด

“หนูลิน คิดถึงคุณปู่ไหม คุณปู่คิดถึงหนูลินมากเลย”

ขณะที่พูด นนทภูเอาเคราของตนเองถูบนตัวหนูลิน ทำให้หนูลินยิ้มหน้าบาน

“ไปกันเถอะ เข้าไปในบ้านกันเถอะ มิฉะนั้น ประตูหน้าบ้านของพวกเราอาจทำให้รถติดได้” อารียากล่าวอย่างจำใจ แต่ในขณะเดียวกัน สามีของเธอได้รับการชื่นชมจากผู้คนมากมาย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกภูมิใจ

รพีพงษ์หันกลับมาและโบกมือให้ฝูงชน จากนั้นก็พาทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์

“เธอเห็นไหม เมื่อสักครู่คุณชายรพีทักทายฉันด้วย!”

“พูดจาเหลวไหล เห็นได้ชัดว่าเขาทักทายฉันต่างหาก”

“ไม่เอาน่า อย่าทะเลาะกัน คุณชายรพีเป็นของฉัน” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวอย่างมีชัย ทำให้สาว ๆ ที่อยู่รอบตัวเธอกลอกตามองบน

ภายในบ้าน ชนิสรารออยู่นานแล้ว เธอทำความสะอาดห้องของรพีพงษ์กับอารียาตั้งแต่เช้า และดูแลความสะอาดของบ้านเป็นอย่างดี

แม้ว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะมีแม่บ้าน แต่ชนิสรารู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าตนลงมือทำเอง

วันนี้เชฟอันดับหนึ่งในเกียวโตของร้านอาหารสุดแซบอีหลี เป็นคนลงมือปรุงอาหารเอง ขณะที่รพีพงษ์เข้ามาในบ้าน อาหารเลิศรสร้อน ๆ ก็เสิร์ฟอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

รพีพงษ์นั่งลงบนที่นั่ง โชคดีที่ห้องโถงของตระกูลลัดดาวัลย์กว้างขวาง สามารถวางโต๊ะมากกว่าสิบถึงยี่สิบโต๊ะได้

คนเหล่านี้ที่ร่วมรับประทานอาหารส่วนมากเป็นสมาชิกของตระกูลลัดดาวัลย์ ส่วนที่เหลือคือเพื่อนสนิทของรพีพงษ์

“ทุกคน ผมขอดื่มคารวะทุกคนหนึ่งแก้ว”

รพีพงษ์ยืนขึ้น พร้อมกับแก้วไวน์แดงในมือ และอารียาก็ยืนขึ้นเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า แม้ว่ารพีพงษ์จะมอบธุรกิจมากมายของตระกูลให้กับคนหนุ่มสาวของตระกูลบริหาร แต่ทุกคนก็รู้ว่าในตระกูลลัดดาวัลย์ หัวหน้าที่แท้จริงของตระกูลก็คือรพีพงษ์!

นนทภูซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มองรพีพงษ์ด้วยรอยยิ้มที่เชื่อมั่น อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าลูกชายของตนเองโตขึ้นและเก่งมาก นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

“พี่ใหญ่ ช่วงนี้คุณไปที่ไหนมา ช่วยบอกพวกเราได้ไหม” ไตรทศกล่าวถาม

รพีพงษ์ยิ้มและกล่าวว่า “ผมสามารถเล่าให้พวกคุณฟังได้ แต่ผมเกรงว่าถ้าพวกคุณฟังแล้วจะไม่เชื่อ”

“งั้นเหรอ?” ไตรทศถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องเช่นนั้นด้วยหรือ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย และไม่พูดอะไรอีก

โลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ช่วงเวลานี้ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในป่าหมอกหรือในกลุ่มสิงโต เกรงว่าเมื่อกล่าวเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าทุกคน แล้วทุกคนจะคิดว่าตนเองนั้นพูดเล่นแน่นอน

“เอาล่ะ ประมุขรพีเพิ่งกลับมา ปล่อยให้เขาทานอาหารอย่างสบายใจเถอะ ไม่ต้องถามเรื่องพวกนั้นอีก” ธฤตญาณกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม

มีหลายคนในตระกูลลัดดาวัลย์มองไปที่ธฤตญาณ พวกเขารู้สึกได้ว่าชายผู้นี้ค่อนข้างโหดร้าย

หลังอาหารเย็น คนของตระกูลลัดดาวัลย์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเกียวโตก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนธฤตญาณกับไตรทศที่มาจากเมืองริเวอร์ แม้ว่าพวกเขาจะจองโรงแรมไว้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะมาเกียวโตสักครั้ง รพีพงษ์ก็เลยรั้งพวกเขาให้พักที่นี่ เพราะยังไงในคฤหาสน์ก็ยังมีห้องว่างอีกมากมาย

เวลาสามทุ่มครึ่ง หลังจากนั่งเครื่องบินมาทั้งวัน ทั้งหนูลินและอารียาต่างก็ง่วงนอน และกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องแล้ว

แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว ขอแค่เขาไม่ใช้พลังจิตวิญญาณจนเกินไป เขาก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยล้า

“ธฤตญาณ ไตรทศ พวกเราสามคนไม่ได้พบปะกันมานานแล้ว”

ในห้องรับแขก รพีพงษ์มองไปที่ทั้งสองคนและกล่าว

ธฤตญาณและไตรทศมองไปที่รพีพงษ์ ตั้งแต่รพีพงษ์มาที่เกียวโต ทั้งสามก็ไม่เคยได้เห็นหน้ากันอีกเลย

เมื่อคิดถึงกาลเวลาที่วุ่นวายในเมืองริเวอร์ก่อนหน้านี้ การตามรพีพงษ์กับธฤตญาณรวมธุรกิจมืดของเมืองริเวอร์ให้เป็นหนึ่งเดียว เวลานั้นมันตื่นเต้นจริง ๆ!

“ไป ตามผมออกไป” รพีพงษ์ยิ้มและกล่าวกับคนทั้งสอง

“จะไปไหน” ธฤตญาณถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

รพีพงษ์มองไปที่คฤหาสน์ของตระกูลลัดดาวัลย์และกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าที่นี่จะกว้างขวาง แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับที่พวกเราสามคนจะพูดคุยกัน พวกเราไปที่ที่มีของอร่อยกันเถอะ”

“สถานที่ที่มีของอร่อย?” มีความสงสัยอยู่ในแววตาของไตรทศ แต่ในไม่ช้าใบหน้าของคนทั้งสามก็มีรอยยิ้ม

“พวกเราจะเล่นเกมเป่ายิ้งฉุบ คนแพ้ต้องดื่มเหล้าเป็นการลงโทษ”

……

เนื่องจากเกียวโตเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง และความเห็นอกเห็นใจของคนที่นี่ก็ไม่เป็นสองรองใคร

ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาคารสูงเท่านั้น แต่ยังมีร้านอาหารเล็ก ๆ แผงลอยขายอาหารบาร์บีคิวปิ้งย่างที่มีรสชาติเฉพาะตัวอีกด้วย

ตอนอยู่ที่เมืองริเวอร์ รพีพงษ์มักจะออกไปทานอาหารตามแผงลอยบาร์บีคิวกับคนเหล่านี้

อยู่ในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเมืองริเวอร์มานาน ทำให้รพีพงษ์ชอบความรู้สึกในการรับประทานอาหารในสถานที่นั้นเป็นอย่างมาก

“พี่ใหญ่ ผมขอดื่มคารวะพี่”

ไตรทศยืนขึ้นและกล่าว แล้วชูเบียร์ขึ้นมาหนึ่งขวด จากนั้นก็ดื่มเบียร์ในขวดรวดเดียวจนหมด

“สะใจ!”

การดื่มเบียร์แล้วกินบาร์บีคิว ไม่มีอะไรมันส์ไปกว่านี้อีกแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรทศแล้ว ธฤตญาณดูเหมือนจะนิ่งกว่ามาก นี่คือเหตุผลที่ตอนแรกที่รพีพงษ์อยู่ในเมืองริเวอร์ แม้ว่ารพีพงษ์จะตั้งใจฝึกไตรทศ แต่ก็ยังเลือกธฤตญาณเป็นลูกน้องของตนเองในการรวมธุรกิจมืดของเมืองริเวอร์!

“ช่วงนี้เมืองริเวอร์เป็นอย่างไรบ้าง” รพีพงษ์กล่าวถาม

“ดีมาก” ธฤตญาณพยักหน้าแล้วตอบ

“พี่ใหญ่ คุณควรกลับไปดู ขณะนี้เมืองริเวอร์เป็นเขตอิทธิพลของพวกเราแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น พวกเรายังจะรวมกองกำลังใต้ดินทั้งหมดในเมืองโดยรอบ ธฤตญาณได้กลายเป็นบุคคลในตำนานไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับคุณ เขายังสู้คุณไม่ได้นิดหน่อย” ไตรทศกล่าวด้วยรอยยิ้ม

รพีพงษ์มองธฤตญาณที่สุขุมตรงหน้า “ผมดูคนไม่ผิดจริง ๆ เพียงแต่ผมอยากเตือนคุณว่า ธุรกิจมืดยังไงก็อยู่ใต้ดิน และมันก็อยู่ในเมือง ตอนนี้หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ถูกต้อง รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม พวกคุณต้องทำให้มันถูกต้อง ท้ายที่สุดแล้ว กาลเวลาไม่เคยเมตตาใคร และพวกคุณไม่สามารถฆ่าฟันไปตลอดชีวิตได้”

“ประมุขรพีพูดถูก ผมก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน พวกเราเริ่มสร้างธุรกิจของตนเองที่เมืองริเวอร์แล้ว และต้นแบบของธุรกิจก็ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง คราวนี้ที่ผมมาเกียวโต หนึ่งคือมาเยี่ยมประมุขรพี และประเด็นที่สองคือ……..”

“คืออยากถามผมว่า ตระกูลลัดดาวัลย์มีงานอะไรที่เหมาะกับพวกคุณหรือไม่?” รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองที่ธฤตญาณ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท