พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1513 ใช้วิธีที่ชาญฉลาดเพื่อคว้าชัยชนะ

บทที่ 1513 ใช้วิธีที่ชาญฉลาดเพื่อคว้าชัยชนะ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ จิ้งจอกหิมะที่เป็นแดนเทพขั้นพีคจู่ๆจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้แล้ว!

ตัวเองแทบจะใช้กระบวนท่าทั้งหมดของร่างกาย กลับว่าไม่สามารถเอาชนะจิ้งจอกหิมะได้ ถึงกระทั่งเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบแล้ว

จิ้งจอกหิมะหอนเสียงยาว มองไปยังรพีพงษ์ด้วยสายตาที่หยิ่งผยอง พูดกล่าว : “มนุษย์ พละกำลังของกลุ่มจิ้งจอกอย่างฉันไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกแกจะมาเทียบเทียมได้ ก่อนหน้านี้ก็มีคนแบบแกไม่น้อยเลย พวกมนุษย์แดนเทพขั้นพีคที่อยากจะมาคว้าขุมสมบัติ แต่น่าเสียดาย พวกเขาก็ทำได้เพียงเป็นอาหารของกลุ่มจิ้งจอกอย่างพวกเรา ”

เมื่อได้ยิน รพีพงษ์ยิ้มอย่างเจื่อนๆ แน่นอน ตอนที่ตัวเองอยู่ในแดนเทพขั้นกลางก็สามารถฆ่าโจมตีแดนเทพขั้นพีคได้ แต่ตอนนี้เมื่อถึงแดนเทพขั้นพีคแล้ว กลับว่าแม้แต่จิ้งจอกหิมะตัวหนึ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกลับว่าไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้

ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์อ่อนแอลงนะ แต่เพียงแค่จิ้งจอกหิมะ ที่แดนเทพขั้นพีคในระดับนี้ เกรงว่าเป็นการมีอยู่ของชั้นยอดแล้ว!

รพีพงษ์เหยียบย่างเข้าสู่แดนเทพขั้นพีคได้ไม่นานเท่าไหร่ ไม่สามารถควบคุมพละกำลังให้มั่นคงได้เลย นี่ถึงทำให้กลายเป็นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในตอนนี้

ทันใดนั้น เหมือนว่ารพีพงษ์จะคิดถึงอะไรได้ มองไปยังจิ้งจอกหิมะ พูดกล่าว : “จิ้งจอกหิมะ แกกล้ามาพนันกับฉันสักรอบไหม ภายในห้ากระบวนท่า ฉันจะต้องเอาชีวิตแกให้ได้ ถ้าหากห้ากระบวนท่าแล้วฉันยังฆ่าแกไม่ได้ ฉันก็จะยอมให้แกจัดการเลย !”

เมื่อได้ยิน จิ้งจอกหิมะก็มีสีหน้าที่ดูถูก ยืนอยู่บนต้นไม้พร้อมมองลงมายังรพีพงษ์ พูดกล่าว : “เกรงว่าเด็กอย่างแกก็คงจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก ฉันไม่หลงกลแกหรอกนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รพีพงษ์ไม่เพียงแค่ยิ้ม กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือก็ชี้ไปยังพื้นดินอีกด้วย ใบหน้าที่หยอกล้อ พูดกล่าว : “เหอะๆ ที่แท้แกก็มีความกล้าแค่นี้เอง มิน่าล่ะจิ้งจอกหิมะที่ถูกฉันฆ่าเมื่อกี้รู้จักแต่วิ่งหนีอย่างเดียว น่าเบื่อจริงๆ”

เมื่อได้ยินรพีพงษ์ดูถูกเพื่อนที่ตายไปแล้วของตัวเอง จิ้งจอกหิมะก็โมโหขึ้นมาทันที สายตาที่เยือกเย็นมองไปยังรพีพงษ์

หากใช้ต่อไปอย่างนี้ก็ไม่ใช้วิธีการอะไร สู้ทำตามความคิดของรพีพงษ์ดีกว่า ถึงอย่างไรความเร็วของรพีพงษ์ก็ไม่ทันตัวเองเลย อย่าว่าแต่ห้ากระบวนการท่าเลย ห้าสิบกระบวนการท่าเป็นยังไง ผลสุดท้ายตัวเองก็ฆ่ารพีพงษ์ตายอยู่ดี!

“ได้ มนุษย์ ฉันจะพนันกับแก ภายในห้ากระบวนท่า ถ้าหากแกฆ่าฉันไม่ได้ ฉันหวังว่าแกจะทำตามที่ให้สัญญาไว้”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างมั่นใจ พยักหน้าแล้ว จับกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือแน่น พูดกล่าว : “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันรพีพงษ์พูดด้วยความสัตย์จริง ห้ากระบวนท่า แกรับให้ดีแล้วกัน!”

อีกฝั่ง ปัณฑาเห็นภาพฉากนี้แล้ว ขมวดคิ้วแน่น ก็ไม่รู้ว่ารพีพงษ์กำลังทำอะไรอยู่กันแน่

กว่าสิบกระบวนท่าเมื่อตะกี้นี้รพีพงษ์ล้วนแต่ไม่สามารถได้เปรียบกว่าจิ้งจอกหิมะเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เพียงแค่ ห้ากระบวนท่า?

รพีพงษ์นี่ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกเหรอ

คิดแล้ว ปัณฑาก็ยิ่งจะจดจ่อไปกับการฟื้นพลังชีวิต ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ปัณฑาก็คงไม่ไปสนใจสัญญาการเดิมพันอะไรหรอก

ภายในป่า รพีพงษ์จ้องมองกับจิ้งจอกหิมะยืนอยู่บนต้นไม้

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันล้ำลึกอย่างรวดเร็ว มังกรทองเก้าตัวที่อยู่เบื้องหลังรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มนุษย์เล็กทองคำปรากฏข้างกายของรพีพงษ์ ร่วมใช้วิชาแอสโตรแลบพร้อมกับรพีพงษ์ และภายใต้กระบี่ที่อยู่ในมือของรพีพงษ์และมนุษย์เล็กทองคำได้เตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอบชิงชนะเลิศ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว!

“รับกระบวนท่าไปกินซะ!”

รพีพงษ์คำรามอย่างเยือกเย็น ปล่อยวิชาแอสโตรแลบออกไป แสงดาวระยิบระยับของพลังเทพที่รวมตัวกันนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่จิ้งจอกหิมะอย่างรวดเร็ว ปิดล้อมขอบเขตการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกหิมะไว้

และมังกรขนาดใหญ่เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสีม่วงเข้ม ในปากพ่นเปลวไฟเพลิงนรกสีม่วง พุ่งเข้าไปยังจิ้งจอกหิมะอย่างรวดเร็ว

มือของรพีพงษ์จับกระบี่สยบเซียนไว้แน่น พลังล้ำลึกที่กล้าแกร่งจนไม่อาจเทียบได้ถูกรวมเข้าไปในพลังของกระบี่แล้ว เมื่อแกว่งออกมา พุ่งไปยังจิ้งจอกหิมะเลย

ในเวลานี้มนุษย์เล็กทองคำก็ได้หายตัวไปจากที่เดิมแล้ว ในมือจับกระบี่ยาวสีทองไว้แน่น พุ่งโจมตีไปยังจิ้งจอกหิมะ

นี่เป็นมาตรการการรับมืออันสุดท้ายของรพีพงษ์!และก็เป็นมาตรการที่แข็งแกร่งที่สุด!

จิ้งจอกหิมะเห็นการโจมตีที่มาจากทั่วสารทิศ สายตามองวนดูการโจมตีเหล่านี้อย่างไม่หยุดหย่อน อย่างรวดเร็ว สามารถอาศัยช่วงเวลาเล็กๆที่อยู่ระหว่างการโจมตีเหล่านี้หลบหลีกการโจมตีได้

ก็แม้แต่เปลวไฟที่มังกรสีม่วงตัวใหญ่พ่นออกมา จิ้งจอกหิมะก็หลบหลีกได้อย่างง่ายดาย และร่างกายของมังกรตัวใหญ่ก็ถูกกรงเล็บของจิ้งจอกหิมะโจมตีจนละเอียด

แม้ว่ามนุษย์เล็กทองคำจะคว้าเวลาไว้ได้เหมาะเจาะ แต่สุดท้ายก็ช้าไปหน่อยแล้ว ในช่วงเวลานั้นที่กำลังจะทิ่มแทงเข้าไปยังหัวใจของจิ้งจอกหิมะก็ถูกค้นพบแล้ว

ตะแคงข้างอย่างรวดเร็ว กระบี่ด้ามยาวสีทองบาดเข้าไปเลือดเนื้อ ห่างจากหัวใจของจิ้งจอกเพียงสามสี่เซนติเมตร แต่กลับว่าไม่สามารถฆ่าจิ้งจอกหิมะได้

“เหอะๆ มนุษย์ การโจมตีของแกฉันหลบหลีกได้ทั้งหมดแล้ว แกแพ้แล้ว”จิ้งจอกหิมะพูดกล่าว

แต่ในนาทีถัดไป กระบี่สยบเซียนก็บินจากเบื้องหลังทิ่มแทงเข้าไปยังหัวใจของจิ้งจอกหิมะแล้ว ตามด้วยเสียงที่กระบี่ด้ามยาวทะลุเข้าเนื้อ รูม่านตาของจิ้งจอกหิมะหดลงทันที สีหน้าเหลือเชื่อมาก

“นี่……นี่มันเป็นไปได้ยังไง”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดกล่าว : “ท่าอัพดรากอน วิชาแอสโตรแลบ โจมตีสองครั้ง นี่ก็เพียงแค่สี่กระบวนท่าเท่านั้น เสียดายอย่างมาก กระบวนท่าสุดท้าย แกหลบไม่พ้น”

หลังจากที่จิ้งจอกหิมะได้ยิน นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พุ่งเข้าไปยังรพีพงษ์อย่างไม่คิดชีวิตแล้ว

“มนุษย์ ถึงแม้ต้องตาย ฉันก็จะต้องลากแกไปกับฉันด้วย!”

เมื่อเห็นจิ้งจอกที่ค่อยๆเข้ามาอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์ก็รวบรวมสติ กระบี่สยบเซียนแทงเข้าไปยังหัวใจของจิ้งจอกหิมะ กลับเข้ามาอยู่ในมือของรพีพงษ์ และจิ้งจอกหิมะที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทันใดนั้นก็ไร้เรี่ยวแรงล้มลงต่อหน้าของรพีพงษ์แล้ว

รพีพงษ์มองไปยังจิ้งจอกหิมะที่อยู่ตรงหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างเยือกเย็น : “แกไม่กล้าขวางกั้นฉัน และก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับเพื่อนของฉัน แต่ว่าแกวางใจได้ ฉันไม่มีทางทำร้ายสหายของแกแน่ แต่ว่าถ้ากลุ่มจิ้งจอกหิมะของแกมาก่อเรื่องอะไรอีกล่ะก็ ฉันจะจัดการพวกแกอย่างไม่เกรงใจเลย”

เมื่อได้ยินแล้ว จิ้งจอกหิมะมองไปยังรพีพงษ์อย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน กลับว่าไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้กับรพีพงษ์อีก พลังชีวิตเริ่มที่จะจางหายไปแล้ว ไม่นานเท่าไหร่ ก็จะตายไป

สุดท้ายเมื่อเห็นจิ้งจอกหิมะที่กำลังจะตายลง รพีพงษ์ก็หันหลังเดินจากไป มนุษย์เล็กทองคำก็กลับสู่ร่างกายของรพีพงษ์

ปัณฑาที่นั่งอยู่บนยอดมองดูฉากที่น่าตกตะลึงนี้มาโดยตลอด ทันใดนั้นก็ตกใจกับวิธีการนี้ของรพีพงษ์แล้ว กระโดดลงมา เดินมาถึงข้างกายของรพีพงษ์ พูดกล่าว : “รพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าหนุ่มน้อยอย่างคุณจะมีความสามารถที่เก็บซ่อนนี้ไว้ด้วย จิ้งจอกหิมะที่เป็นแดนเทพขั้นพีคถูกคุณจัดการจนสิ้นซาก”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยิน กลับว่าไม่ได้ดีใจ และเข้าไปอุ้มปัณฑา วิ่งเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว หาโพรงไม้ เข้าไปข้างในเลย

“เร้วเข้า ใช้เถาวัลย์ของคุณ ปิดปากโพรงไม้ไว้” สีหน้าของรพีพงษ์เจ็บปวด ชี้ไปยังโพรงต้นไม้พร้อมพูดกล่าว

ปัณฑาพยักหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน กระตุ้นเถาวัลย์ออกมา ปิดโพรงต้นไม้ไว้อย่างรวดเร็ว แล้วก็หันหน้ามาอีกครั้ง รพีพงษ์ได้ล้มไปนอนกองกับพื้นแล้ว หายใจหอบอย่างไม่หยุดหย่อน

“รพีพงษ์ รพีพงษ์คุณเป็นอะไรไป?คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิ”

แขนขวาของปัณฑาจับที่คอของรพีพงษ์ ขมวดคิ้วแน่นทันที ชีพจรและสัญญาณชีพอื่นๆของรพีพงษ์กำลังลดต่ำลง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่ารพีพงษ์จะต้องตายแล้วจริงๆ!

แม้แต่คิดก็ยังคิดไม่ถึงเลย ปัณฑาเคี้ยวเม็ดยาที่รพีพงษ์ให้ตัวเองจนละเอียดแล้วหลังจากนั้นก็ป้อนให้รพีพงษ์ ในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดพลังชีวิตของตัวเองเข้าสู่ร่างกายของรพีพงษ์อย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงวลาที่พลังชีวิตเข้าสู่ร่างกายของรพีพงษ์ ปัณฑาถึงได้ค้นพบ

อวัยวะเกือบทุกส่วนของรพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน เมื่อกี้รพีพงษ์ได้อาศัยจิตตานุภาพบนตัวของตัวเองทั้งหมดในการต่อสู้กับจิ้งจอกหิมะ

ในใจของปัณฑาเป็นกังวลอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป ต้องให้รพีพงษ์คอยคุ้มกันครั้งแล้วครั้งเล่า รพีพงษ์ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท