บทที่ 117 หาเรื่องใส่ตัว
“คุณพูดจาไร้สาระพอแล้วหรือยัง? ฉินเฟยเดิมทีก็มีอาการที่จะแท้งอยู่แล้ว หรือว่าคุณไม่รู้? สำหรับคุณน้าฉือ คนที่ทำร้ายเธอจนเสียชีวิตก็คือคุณ” เวินจิ้งมองดูเขาอย่างสงบเยือกเย็น
“ไม่…” มือของฉืออี้เหิงยื่นเข้ามาอีกครั้ง “ไม่ใช่ เวินจิ้ง ทั้งหมดเป็นคุณที่กำลังแก้แค้นผม!”
“คนที่แก้แค้นฉันคือคุณ ทำลายบ้านของฉัน ก่อกวนแม่ฉัน คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร? หากใจกล้ามากพอคุณก็พุ่งเป้าเข้ามาที่ฉัน อย่าก่อกวนคนที่อยู่ข้างกายของฉันอีก!” เวินจิ้งจ้องมองเขา สีหน้าตัดขาดเยื่อใย
นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่ฉืออี้เหิงได้เห็นเวินจิ้งที่โมโหและเย็นชาแบบนี้
เขากำหมัดเอาไว้ ความโหดร้ายปรากฏขึ้นภายในสายตา เขาหรี่ตาลง “คุณทำร้ายผมจนหมดสิ้นทุกอย่าง ผมไม่แก้แค้นคุณจะแก้แค้นใคร? เวินจิ้ง ในปีนั้นคุณไม่ใช่แบบนี้ หลังจากที่คุณกับมู่วี่สิงแต่งงานกันก็เปลี่ยนไป คุณไม่ใช่เวินจิ้งเลยแม้แต่น้อย !”
เวินจิ้งยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น เอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยันและประชดประชันว่า “คนยังไงก็ต้องเปลี่ยน ฉืออี้เหิง หากฉันยังเป็นเด็กผู้หญิงโง่ๆที่ถูกคุณหลอกมาตลอดคนนั้นอยู่ จุดจบของฉันในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอนาถมากแค่ไหนจริงๆ”
“คุณ…ในปีนั้นผมจริงใจกับคุณจริงๆ!” ฉืออี้เหิงพูดไปด้วย ลากเวินจิ้งขึ้นตึกไปด้วย
เวินจิ้งมองไปทั้งสี่ด้าน ฉืออี้เหิงพาเธอขึ้นไปอีกตึกนึง บอดี้การ์ดที่คุ้มกันเธอไม่มีปรากฏตัวออกมาให้เห็น หรือว่า…เขามีการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว?
“คุณจะพาฉันไปที่ไหน!” เวินจิ้งมองดูเขา ฉืออี้เหิงในเวลานี้มีใบหน้าที่อำมหิต ทุ่มสุดตัวก็ไม่ปาน
ตึกนี้ได้ร้างมานานมากแล้ว สิ่งก่อสร้างมีสีอื่นๆแทรกซึมขึ้นมามากมาย ถึงขั้นส่งกลิ่นเหม็นออกมา
เวินจิ้งรู้สึกพะอืดพะอม ไม่ช้า เธอก็ถูกผลักเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่อยู่ชั้นบนสุด
ฉืออี้เหิงปิดประตูลง ไม่ช้าก็มีบอดี้การ์ดชุดดำหลายคนเข้ามา จับเวินจิ้งมัดเอาไว้
“พวกแกทำอะไร…” เวินจิ้งดิ้นรนขัดขืน แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ฉืออี้เหิงยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น มองเธอลงมาจากที่สูง “เวินจิ้ง ผมมีความเจ็บปวดมากเท่าไร ผมก็จะให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติแบบนั้น”
เวินจิ้งเบิกตาโพลง ลำคอถูกบีบเอาไว้อย่างรุนแรง เธอคิดอยากจะหายใจ แต่กลับรู้สึกทรมานเหลือเกิน ช่วงลำคอถูกจิกเอาไว้แน่น สีหน้าของเธอขาวซีดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
บนใบหน้าของฉืออี้เหิงสะท้อนความปวดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เยือกเย็นว่า “เป็นเด็กดีรอคอยอยู่ที่นี่นะ”
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!” เวินจิ้งลนลานขึ้นมา มองไปทั่วทั้งสี่ด้าน มีบอดี้การ์ดสี่คนคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ รูปร่างสูงใหญ่ หากคิดจะหลบหนี…
เธอจำเป็นต้องติดต่อมู่วี่สิงให้ได้ก่อน!
เพียงแต่กระเป๋าของเธอเมื่อสักครู่นี้ตอนที่ดิ้นก็ไม่รู้ว่าตกไปไว้ที่ไหนแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็ปิดตาลง นานมากถึงจะสงบลงมา
ฉืออี้เหิงจับเธอเอาไว้จะสามารถทำอะไรได้?
ต่อให้เขาสงสัยว่าเธอจัดการเขาอยู่ตลอด แต่เธอไม่ได้มีอำนาจและอิทธิพลมากมายขนาดนั้นเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้ง ทุกอย่างนี้แท้จริงแล้วก็คือเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง
“บริษัทใหม่ของผมรอคอยการตอบกลับจากผู้ร่วมลงทุนอยู่ตลอด ผมได้ตรวจสอบพบแล้วว่า เบื้องหลังของมู่วี่สิงควบคุมสถาบันการลงทุนสี่แห่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหนานเฉิงเอาไว้อยู่ หากเขายอมร่วมลงทุน ผมก็จะปล่อยคุณไป”
“อะไรนะ?” เวินจิ้งเบิกตาโพลง ไม่อยากให้เรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงมู่วี่สิง
“คุณหาผู้ร่วมลงทุนไม่ได้นั่นก็เป็นเพราะแผนการธุรกิจของคุณมีปัญหา!” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโห
คนอื่นต่างไม่ยินยอมที่จะร่วมลงทุน หากมู่วี่สิงลงทุน…หากขาดทุน เธอมีความรู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ไม่ใช่!หากไม่ใช่คุณที่ทำร้ายจนผมกับตระกูลฉินแตกหัก ตอนนี้ผมก็คงจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ยังจะมาดึงผู้ร่วมลงทุนไม่ได้ที่ไหนกันล่ะ!เวินจิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ต่างก็เป็นเพราะคุณ!ในเมื่อมู่วี่สิงคือสามีของคุณ งั้นผมก็ต้องคืนความยุติธรรมให้กับตัวเองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!”
“โรคจิต” เวินจิ้งด่าเบาๆออกมา ในใจภาวนาให้มู่วี่สิงอย่าได้ถูกเขาข่มขู่เลย.