Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 833

ตอนที่ 833

บทที่ 833 กำลังรอฉันมากินข้าวด้วยอยู่เหรอคะ

เวลาในตอนนี้ดึกกว่าเวลาที่ลู่เซิ่นเริ่มทานมื้อเย็นตามปกตินิดหน่อย เดิมทีฉินซีคิดว่าเขาเริ่มลงมือกินข้าวแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว แต่บนโต๊ะยังคงว่างเปล่า เขากำลังก้มหน้ามองแท็บเล็ตในมือ

เขา…กำลังทำงานอยู่เหรอ

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มากว่าหนึ่งปี ฉินซีสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เวลาที่ลู่เซิ่นอยู่ที่บ้าน เขาจะใช้ชีวิตไปตามกฎเกณฑ์เป็นอย่างมาก อาหารทั้งสามมื้อจะถูกจัดเสิร์ฟในเวลาเดิมทุกครั้ง แม้กระทั่งสิ่งที่กินก็ต้องเป็นไปตามหลักที่นักโภชนาการจัดเอาไว้ให้

คนเรายิ่งร่ำรวยเท่าไหร่เวลาก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่อาจเสียเวลาไปกับโรคภัยไข้เจ็บได้

ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉินซีแล้ว ลู่เซิ่นก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้น เขาเพียงโบกมือให้กับคนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คนรับใช้คนนั้นรู้ได้ทันที จึงรีบยกอาหารขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว

“คุณ…กำลังรอฉันมากินข้าวด้วยกันอยู่เหรอคะ” ฉินซีนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองแล้วถามขึ้นมาทันที

สีหน้าของลู่เซิ่นยังคงเรียบเฉย “เปล่า”

ฉินซีเม้มปาก ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าลู่เซิ่นจะกำลังรอเธออยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

อาหารเย็นที่พวกคนรับใช้เตรียมเอาไว้ให้นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ทว่าฉินซีไม่ค่อยอยากอาหาร เธอกินไปได้ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง

เพียงแต่พอเธอเพิ่งจะวางตะเกียบลง ลู่เซิ่นก็เงยหน้าขึ้นมาราวกับรู้สึกถึงสัญชาตญาณบางอย่าง

เขามองพฤติกรรมของเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ “ทำไม แม้แต่ข้าวก็ไม่อยากจะกินร่วมกับฉันอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีรู้สึกพูดไม่ออกกับท่าทีแปลก ๆ ในช่วงหลายวันมานี้ของเขา เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “ประธานลู่คะ ช่วงนี้คุณไม่พอใจอะไรฉันเป็นพิเศษหรือเปล่า”

ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที เขาก้มหน้าลงดื่มซุป จากนั้นจึงพูดว่า “หรือว่าพอช่วงนี้เธอได้เจอกับคนรักเก่าแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าฉันขัดหูขัดตาไปเสียหมดอย่างนั้นสินะ”

ฉินซีเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโมโห “ประธานลู่! ตั้งแต่งานวันเกิดของฉินซึ่งเทียน คุณก็ดูอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา เอาแต่ทำหน้าตาเย็นชาแปลก ๆ ใส่ฉัน ฉันจะไปกล้ามองว่าคุณขัดหูขัดตาได้ยังไง!”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เอาแต่ก้มหน้ากินข้าว

ฉินซีเหมือนใช้กำปั้นทุบลงไปบนปุยฝ้าย ไม่พูดอะไรออกมา นั่งรออยู่บนเก้าอี้สักพักก็บังคับตัวเองให้สงบสติลง จากนั้นก็ลองคิดถึงคำพูดของลู่เซิ่นอย่างละเอียด

ในคำพูดของเขาเหมือนว่าจะสนใจเรื่องของหซู่หนานเอามาก ๆ แต่ฟ้ารู้ดินรู้ เธอสาบานเลยว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับหซู่หนานจริง ๆ

นอกจากนี้การแต่งงานระหว่างเธอกับลู่เซิ่นมันก็เป็นเพียงแค่สัญญาใบหนึ่ง จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยเรื่องอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ

ช่างเถอะ ช่างเถอะ บางทีอาจเพราะตระกูลลู่เป็นตระกูลใหญ่ พวกเขาก็คงกลัวว่าเธอจะก่อเรื่องงามหน้าอะไรขึ้นมา ดังนั้นลู่เซิ่น เลยให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เธอก็ควรที่จะอธิบายอะไรให้ชัดเจน

เธอขี้เกียจจะรับมือกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของลู่เซิ่น แล้ว

“ประธานลู่” ฉินซีกระแอมในลำคอ “หลังจากที่ฉันออกมาจากตระกูลฉิน ฉันก็ไม่เคยไปพบหซู่หนานเลยสักครั้ง ได้พบกันอีกครั้งก็เป็นตอนที่ไปหาฉินซึ่งเทียนครั้งก่อน หลังจากนั้นก็มีติดต่อกันบ้าง แต่นั่นก็เพราะว่าฉันได้รับมอบหมายจากนิตยสารให้ไปถ่ายรูปเรื่องอื้อฉาวของน้องชายเขา เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น วันนี้ฉันจะอธิบายเรื่องทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว ฉันเองก็พูดกับคุณแล้วว่าหลังจากนี้จะไม่ติดต่อกับเขาอีก”

สายตาของลู่เซิ่น ยังคงอยู่ที่โต๊ะ ทว่ามือของเขาไม่ได้ขยับต่อแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังฟังฉินซีพูดอยู่

ฉินซีพูดเรื่องต่าง ๆ ออกมามากมาย เธอรู้สึกว่าตัวเองได้อธิบายเรื่องทุกอย่างที่สามารถอธิบายได้ให้ลู่เซิ่นฟังจนหมดแล้ว ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถจัดการได้

“ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นคุณนายลู่ของคุณ ดังนั้นจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างแน่นอน ส่วนคุณประธานลู่ วันนั้นตอนวันเกิดของฉินซึ่งเทียน ฉันถ่ายภาพคุณที่อยู่ท่ามกลางผู้หญิงเอาไว้ได้ตั้งหลายภาพ” ฉินซีไม่คิดจะกลืนความอดทนกับเข้าไป “ในเมื่อคุณเอาแต่ย้ำฉันอยู่ตลอดว่าฉันเป็นคุณนายลู่ของคุณ ดังนั้นแล้วถ้าหากว่าครั้งหน้ายังมีเรื่องแบบนี้อีก คุณก็หัดยับยั้งชั่งใจตัวเองเอาไว้บ้าง เพราะถ้าหากถูกถ่ายภาพเอาไว้ได้แล้ว คุณก็คงไม่สามารถที่จะแย่งกล้องถ่ายภาพมาจากทุกคนแล้วทำลายเมมโมรี่การ์ดในนั้นได้”

ลู่เซิ่นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “หึงหรือไง หืม”

ฉินซีรีบปฏิเสธทันที “เปล่าค่ะ! ฉันก็แค่ไม่อยากถูกคุณหักเมมโมรี่การ์ดอีก”

“จริงเหรอ” ลู่เซิ่นเลิกคิ้วพลางล้วงมือหยิบของชิ้นเล็ก ๆ ในกระเป๋ากางเกง แล้วส่งมันให้ฉินซี “แล้วนี่ล่ะ”

ฉินซีจ้องไปที่ของสิ่งนั้น มันคือเมมโมรี่การ์ด

“รูปถ่ายในช่วงเวลาก่อนวันเกิดของฉินซึ่งเทียนกับรูปถ่ายของหซู่เป่ยอยู่ในนี้หมดแล้ว” ลู่เซิ่น พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

ทว่าฉินซีกลับรู้สึกเหมือนถูกต่อย เธอรีบคว้าการ์ดอันนั้นไว้ทันที

“รูปของหซู่เป่ยก็อยู่ในนี้อย่างนั้นเหรอ” เธอขมวดคิ้ว “ยังจะเก็บเอาไว้ทำไมอีก…”

ลู่เซิ่น ไหวไหล่อย่างไม่แยแส “ฉันเอามันกลับมาได้แล้ว จะจัดการยังไงมันก็เป็นเรื่องของเธอ”

ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอยังถือเมมโมรี่การ์ดอันนั้นไว้กลางฝ่ามือ “ฉันจะลบรูปพวกนั้นทิ้ง”

ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจอะไร

เธอลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่ห้อง ตอนที่หยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเพื่อเซฟรูป อยู่ ๆ ก็คิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอกำลังคิดจะพูดเรื่องของหซู่หนานกับลู่เซิ่น แล้วทำไมมันถึงออกมาเป็นเรื่องนี้ได้

แต่เสียงแจ้งเตือนการอ่านเมมโมรี่การ์ดได้สำเร็จดึงดูดความสนใจของเธอกลับไปอีกครั้ง เธอทิ้งคำถามที่คิดขึ้นมาได้ไปชั่วคราว จากนั้นก็เลือกรูปภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ

ยังดีที่ลู่เซิ่นกู้คืนเมมโมรี่การ์ดให้ เพราะเธอชอบภาพอีกหลายภาพที่อยู่ข้างในนั้น ทว่าไม่ได้อัปโหลดข้อมูลสำรองเอาไว้

ดูเหมือนว่า…ลู่เซิ่น ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไรขนาดนั้น

ส่วนเรื่องการพูดคุยกับคนอื่น ก็สามารถปล่อยวางมันไปได้ชั่วคราว

ยังไงก็ตาม…ครั้งหน้าก็อย่าถูกเธอพบอีกก็แล้วกัน

ถ้ามองไม่เห็นแล้ว ยังไงซะอารมณ์ก็ไม่มีทางที่จะไม่ดี

ขณะที่ฉินซีกำลังคิดอะไรไปเรื่อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

เธอรู้สึกระแวดระวังขึ้นมาทันที

แต่พอเห็นชื่อคนที่โทรมาชัด ๆ แล้ว ฉินซีก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

เดิมทีเธอคิดว่าอานหยันโทรมามอบหมายงานให้เธอ

เพียงแต่…เวลาขนาดนี้แล้ว คุณทนายคนนั้นจะโทรมาทำไมอีก

เธอรับสายโทรศัพท์แล้วถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ทนายความจ้าวเหรอคะ”

ทนายความจ้าวเป็นหนึ่งในทนายความไม่กี่คนที่เธอไว้ใจ ช่วงเวลานี้เธอมอบหมายให้เขาเป็นผู้ที่คอยจัดขั้นตอนการคืนสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นกลับมาให้เธออยู่ตลอด

น้ำเสียงของทนายความจ้าวคงเรียบนิ่งเหมือนอย่างเช่นเคย เพียงแต่สิ่งที่เขากำลังจะพูดกลับไม่สามารถทำให้คนรู้สึกสงบได้สักเท่าไหร่ “ฉินซี ผมได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เนื้อหาข้างใน…กำลังข่มขู่ผม ห้ามผมให้ความช่วยเหลือคุณอีก”

ฉินซีขมวดคิ้ว “จดหมายข่มขู่เหรอคะ”

ทนายความจ้าวพยักหน้า “จากที่อ่านดูแล้วเป็นจดหมายข่มขู่จริง ๆ ”

เธอวางคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็เริ่มบันทึก “เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่”

เสียงพลิกกระดาษดังขึ้นมาจากทางฝั่งทนายความจ้าว หลังจากนั้นก็มีเสียงตอบกลับมาว่า “ฉบับแรกเป็นของเมื่อของสัปดาห์ก่อน”

ฉินซีคิดคำนวณอยู่ในใจ เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เป็นตอนที่เธอไปหาฉินซึ่งเทียน แล้วแสดงไพ่ที่อยู่ในมือให้เขาดู ก่อนบอกว่าเธอจะเอาหุ้นคืนพอดี

ทนายความจ้าวยังคงพูดต่อว่า “จดหมายฉบับแรกถูกส่งตรงมาที่กล่องจดหมายของบริษัท ช่วงนั้นกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าประตูก็กำลังเสียพอดี ไม่ได้ถ่ายว่าคนที่ทิ้งจดหมายไว้เป็นใคร หลายวันต่อจากนั้นก็ไม่ได้ส่งมาอีก ทว่าเปลี่ยนมาเป็นอีเมลแทน ผมหาคนมาตรวจสอบที่อยู่ผู้ส่งดูแล้ว เป็นเลข IP ปลอม ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นจริงเป็นจังนัก แต่วันนี้ก็มีจดหมายส่งมาอีก อีกทั้งยังส่งมาในกล่องจดหมายที่อยู่หน้าบ้านของผมโดยตรง ผมรู้สึกว่าควรจะพูดอะไรกับคุณสักหน่อย”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท