Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 834

ตอนที่ 834

บทที่ 834 ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉินซี

ฉินซีบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นก็พูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “คุณไม่ต้องกลัว ฉันจะต้องตามหาตัวคนที่ส่งจดหมายข่มขู่ไปหาคุณได้แน่ คุณก็ระวังตัวสักหน่อย อย่าเดินทางไปในที่แปลก ๆ หรือให้ฉันหาบอดี้การ์ดให้คุณสักสองสามคนดีไหม”

ทนายความจ้าวปฏิเสธ “ไม่จำเป็น ผมยังต้องไปทำงานของตัวเอง มีบอดี้การ์ดตามไปด้วยคงไม่ค่อยสะดวก ผมจะระมัดระวังให้มากขึ้น”

ฉินซีเองก็ไม่ได้บังคับเขาต่ออีก หลังจากที่กำชับเขาเพิ่มสองสามประโยคก็วางสาย เหลือบมองไปที่บันทึกของตัวเองแล้วครุ่นคิด

เนื่องจากเป็นจดหมายขู่ที่ส่งมาหลังจากที่เธอไปหาฉินซึ่งเทียน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นคนที่ได้ยินเรื่องที่เธอพูดในคืนวันนั้นเป็นคนทำ การที่เธอคิดจะเอาหุ้นของตัวเองคืน…ไปแตะโดนเค้กส่วนแบ่งของใครเข้า

คำตอบก็น่าจะเป็นฉินซึ่งเทียน

อยู่ ๆ ฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเองรับรู้ได้ถึงอะไรที่เรียกว่า ‘โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ’ ขึ้นมาทันที

ฉินซึ่งเทียนทำเรื่องหน้าไม่อายไว้มากมาย ยังจะมีหน้ามาส่งจดหมายขู่อีก!

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือโทรออกไปยังหมายเลขของฉินซึ่งเทียนโดยไม่แม้แต่จะคิด

“อะไรขึ้น” น้ำเสียงที่ดังขึ้นคล้ายกับว่าผ่านโลกมามาก แต่มันกลับไม่สามารถกระตุ้นความสงสารของฉินซีได้เลยสักนิด

“ฉินซึ่งเทียน!” ฉินซีลุกโชนด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะสนใจเรื่องมารยาทอะไรพวกนั้นแล้ว เปิดปากพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณมีอะไรก็มาลงกับฉันโดยตรง เอาแต่ลอบแทงข้างหลังแบบนี้นับเป็นตัวอะไรได้”

ฝั่งนั้นเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เธอพูดเรื่องอะไร”

ฉินซีแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ก็เห็นว่าฉันจะเอาหุ้นคืนก็เลยกลัวอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณมีอะไรก็มาพูดกับฉันโดยตรง ส่งจดหมายขู่ไปให้ทนายฉัน ลูกไม้แบบนี้คุณยังจะกล้าจะใช้อีกนะ”

ดูเหมือนว่าในที่สุดฉินซึ่งเทียนจะเข้าใจแล้วว่าฉินซีกำลังจะพูดอะไร เขาพูดออกมาอย่างจนปัญญา “เสี่ยวซี ฉันไม่ได้ทำเรื่องนี้ ฉันไม่มีทางที่จะหาคนมาเขียนจดหมายข่มขู่อะไรพวกนี้ได้…”

แน่นอนว่าฉินซีไม่เชื่อ เธอตะโกนขึ้นมาเสียงดังอย่างโมโห “ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร”

ฉินซึ่งเทียนคล้ายจะสำลักไปชั่วขณะ จากนั้นใช้เวลาสักพักว่าจะพูดออกมา “ไม่ใช่ฉันจริง ๆ ถ้าฉันมีเรื่องอะไรฉันก็ไปหาเธอโดยตรงได้ มีความจำเป็นอะไรจะต้องไปหาคนอื่นอีก ”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจเป็นอย่างมาก ฉินซีแค่นเสียงเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”

พูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์ทันทีโดยไม่สนว่าฉินซึ่งเทียนจะพูดอะไรต่อ

“เป็นอะไร”

ฉินซีหันกลับไปมอง ก็เห็นลู่เซิ่นอยู่ที่ประตู

ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาควรจะจัดการเอกสารอยู่ในห้องหนังสือหรอกเหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้

หรือเพราะว่าเมื่อกี้นี้เธอโมโหฉินซึ่งเทียนจนส่งเสียงดังมากไปหน่อย เลยทำให้เขาได้รับผลกระทบไปด้วย

ฉินซีมองชายหนุ่มอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “ฉันรบกวนคุณหรือเปล่าคะ”

ลู่เซิ่นไม่ได้สนใจประโยคที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนั้นของเธอ เขาเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้า แล้วมองเข้าไปข้างในตาของเธอ จากนั้นก็พูดออกมาได้เสียงทุ้มต่ำว่า “เป็นอะไรไป”

อาจเป็นเพราะอยู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา หรือไม่ก็เพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำของลู่เซิ่นแสงไปด้วยการปลอบโยน ฉินซีนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ทนายที่ช่วยฉันจัดการเรื่องหุ้นได้รับจดหมายข่มขู่ ฉันสงสัยว่าฉินซึ่งเทียนเป็นคนทำ ก็เลยโทรศัพท์ไปถามเขา แต่เขาก็ไม่ยอมรับผิด”

พูดจบเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าเธอกำลังเอาเรื่องของตัวเองไปรบกวนลู่เซิ่น จึงรีบพูดต่อทันที “จะว่าไปนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปทนายความจ้าวสักหน่อย”

“ฉันจะไปกับเธอ” อยู่ ๆ ลู่เซิ่นก็พูดออกมา

“หา” ฉินซีรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “ไม่ต้อง … ”

ทว่าน้ำเสียงของลู่เซิ่นกลับไม่ง่ายที่จะปฏิเสธ “พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปด้วยกัน”

พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งฉินซีเอาไว้กับความสับสนอยู่ตรงที่เดิม

ลู่เซิ่นจะไปกับเธออย่างนั้นเหรอ

แม้ว่าฉินซีจะรู้สึกงุนงง แต่ได้เห็นว่าเรื่องที่ลู่เซิ่นตัดสินใจแล้วไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้อีก เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้า แล้วกลับไปจัดการรูปถ่ายต่อ

ความจริงแล้วลู่เซิ่นมาเพื่อดูว่าเมมโมรี่การ์ดสามารถกู้คืนกลับมาได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะยืนฟังฉินซีคุยโทรศัพท์อยู่ที่หน้าประตูจนจบ

เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย ความจริงแล้วเขาก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะยอมบอกต้นสายปลายเหตุกับเขา

ในเมื่อมันเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นกับคุณนายลู่ของเขา ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย

ทันทีที่กลับมาถึงห้องหนังสือ เขาก็กดโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ

“ค้นหากล้องวงจรปิดที่อยู่รอบ ๆสำนักงานกฎหมายของทนายของฉินซีให้ฉัน”

ฉินซีจัดการรูปถ่ายสองสามรูปจนพอใจ ตอนที่กำลังจะปิดคอมพิวเตอร์ ท่ามกลางแสงไฟที่สว่างไสว เธอก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ตอนที่เธอต้องแต่งงานกับลู่เซิ่นนั้นก็ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรชัดเจน ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าที่เธอตกลงแต่งงานกับเขาก็เพราะเป็นเงื่อนไขในการรับมรดก ต่อมาเขาเองก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเธอถึงแต่งงานกับเขา ฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะปิดบังเหตุผลที่แท้จริงกับเขาด้วย

ถ้าหากพรุ่งนี้เธอกับเขาไปหาทนายความจ้าวด้วยกัน เรื่องที่เธอปกปิดมาอย่างยากลำบากก็ต้องถูกเขารู้เข้าแน่ ๆ !

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว ฉินซีก็รีบส่งข้อความไปหาทนายความจ้าวทันที

“ทนายความจ้าวพรุ่งนี้ฉันกับลู่เซิ่นจะไปหาคุณ แต่เขายังไม่รู้เงื่อนไขในการรับมรดกของฉัน เพราะอย่างนั้นฉันคิดว่าพวกเราอย่าเพิ่งบอกเขาก่อนน่าจะดีกว่า ”

ทนายความจ้าวส่งข้อความตอบกลับมาสั้น ๆ ว่า “ครับ”

เมื่อเห็นข้อความที่ตอบกลับมา ฉินซีก็รู้สึกใจชื้น

เธอขี้เกียจว่าจะคิดว่าทำไมเธอถึงกลัวว่าลู่เซิ่นจะรู้เหตุผลนัก

เพราะเธอรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามคิดออกมา ก็กลัวว่ายากที่จะได้คำตอบอยู่ดี

วันต่อมาลู่เซิ่นนั่งรถไปที่สำนักงานกฎหมายพร้อมกับฉินซี

ทนายความจ้าวรอพวกเขาอยู่ที่ห้องทำงานแล้ว

ทนายความจ้าวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฉินซีไว้ใจ ไม่ใช่แค่เพราะเขาเป็นทนายความส่วนตัวในตอนที่แม่ของฉินซียังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะหลังจากที่แม่ของเธอจากไปแล้ว เขาก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่เคียงข้างแม่ของเธอ

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ แม่ของฉินซีจึงมอบพินัยกรรมให้เขา

ฉินซียังคงจำครั้งแรกที่มาที่นี่ได้

ห้องทำงานของทนายความจ้าวยังตกแต่งเหมือนเดิมไม่มีผิด สภาพอากาศในวันนี้ก็ต่างจากวันนั้นไม่มาก แสงแดดส่องลงบนต้นไม้สีเขียวที่อยู่ตรงมุมผนัง ก็ให้เกิดภาพที่ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก ทว่าเธอว่าเธอในตอนนั้นกลับมองเห็นทุกอย่างเป็นสีเทาสลัว

“ทนายความจ้าว คุณบอกว่าคุณแม่ทิ้งพินัยกรรมเอาไว้อย่างนั้นเหรอคะ” ฉินซีในตอนนั้นถามขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ทนายความจ้าวไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระกับเธอ เขาส่งเอกสารในมือให้เธอโดยตรง “คุณแม่ของคุณ…เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว เธอกลัวคุณจะคิดมาก ก็เลยไม่เคยบอกคุณ”

ความจริงแล้วเนื้อหาในพินัยกรรมของแม่ฉินซีเรียบง่ายมาก สามารถสรุปออกมาได้ในประโยคเดียว นั่นคือยกทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉินซี

ทว่าฉินซีกลับยิ้มออกมายังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

“ทนายความจ้าว ตอนนี้คุณแม่ของฉัน…ยังมีอะไรเหลือไว้ให้ฉันอีกอันนั้นเหรอคะ”

ความจริงแล้ว ตอนที่แม่ของฉินซีออกไปจากตระกูลฉิน ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เอาอะไรติดตัวออกไปด้วย นอกจากนี้ฉินซึ่งเทียนเองก็ไม่เพียงแต่จะไม่แบ่งเงินให้เธอแม้แต่สตางค์แดงเดียว เขายังใช้ชื่อของเธอกู้ยืมเงินเป็นจำนวนมาก ทำให้หลังจากที่เธอออกไปแล้วก็ยังมีหนี้สินที่ต้องแบกรับอีกมากมาย

ฉินซีมองเห็นเรื่องทั้งหมดนี้กับตาของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงมองไม่ออกว่ามีเหตุผลอะไรที่คุณแม่จะต้องทิ้งพินัยกรรมฉบับนี้เอาไว้ให้เธอ

ทนายความจ้าวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่ประโยคในพินัยกรรมและพูดว่า “ผมคำนวณมรดกของแม่ของคุณแล้ว ความจริง…มันยังไม่เพียงพอที่จะชดใช้หนี้สินที่คุณมีอยู่ตอนนี้ แต่ประโยคนี้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเธอยังมีหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป มันถูกโอนเป็นชื่อของเธอเพื่อเป็นสินสอดตอนที่แต่งงานกับฉินซึ่งเทียน แต่ว่าผมยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดของหุ้นตัวนี้อย่างชัดเจน”

ฉินซีในตอนนั้นแบบความเกลียดชังที่มีต่อฉินซึ่งเทียน พอได้ยินคำว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหกพยางค์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน พูดออกมาอย่างโมโหว่า “ถึงจะนับว่ามี แต่ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้อะไรจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปหรอกนะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท