Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 924

ตอนที่ 924

บทที่ 924 ปกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา

หลังจากที่อานหยันวางกล่องอาหารลงเรียบร้อยแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามออกมาว่า “ฉันคิดว่าเธอจะขังตัวเองเอาไว้ในห้องหนังสือจนตายแล้วซะอีก ทำไมถึงออกมาได้ล่ะ”

ฉินซียักไหล่“เหมือนจะได้อะไรบางอย่างมา ก็เลยรอออกมาคุยกับเธอสักเดี๋ยว”

อานหยันแปลกใจเล็กน้อย “เร็วขนาดนั้นเชียว”

ฉินซีเอียงศีรษะ “แน่นอน”

ความเป็นจริงแล้วเธอไม่สามารถพูดได้ ว่าทำไมเธอมักจะรู้สึกเสมอว่าเธอเหมือนจะชำนาญกับเรื่องแบบนี้มาก เธอค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับกระบวนการเช่นนี้เป็นพิเศษ ราวกับว่าเธอเคยทำมาก่อน

ควรเริ่มการค้นหาจากตรงไหน ต้องเปิดบันทึกอย่างไรถึงจะเร็วขึ้นกว่าเดิม หรือควรสังเกตการณ์อย่างไรให้รวดเร็วที่สุดและไม่ผิดพลาด

ถึงแม้ว่าฉินซีจะมีความรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกับอานหยัน

แต่ดูเหมือนอานหยันก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร หลังจากที่ตกตะลึงไปพักหนึ่งก็ปรบมือ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องตั้งใจดูแล้วสิ”

สัญลักษณ์รูปภาพของฉินซีถูกจัดวางไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน

“ถึงแม้ว่าวันที่เฉินยี้เข้ามาจะยังไม่แน่นอน แต่โดยทั่วไปแล้วเขาจะเข้ามาประมาณช่วงบ่ายสาม ช่วงเวลานี้มีคนเข้าออกโรงแรมไม่มากไม่น้อยพอดี แต่เขายังไม่มีอะไรเด่นชัดมากนัก ห้องพักแขกที่เข้าไปก็ไม่ได้มีการกำหนดเอาไว้อย่างตายตัว แต่ปกติแล้วจะเป็นห้องเก้าถึงห้องสิบเอ็ดที่อยู่บนชั้นสาม ” ฉินซีชี้ไปที่วงกลมสองสามวงที่เธอวงเอาไว้ในแผนภาพ “ฉันได้ข้อมูลขั้นต้นพวกนี้มาจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในลิฟต์เยอะมาก ส่วนข้อมูลรูปประธรรมที่ว่าเข้าไปในห้องไหนแล้วเข้าไปกับใคร จำเป็นต้องเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิดแล้วใช้กล้องตัวอื่นถ่ายมา ฉันวางแผนไว้ว่าจะเอามาเทียบพรุ่งนี้อีกที”

ครั้งนี้สายตาของอานหยันเต็มไปด้วยความประหลาดใจแล้ว เธอจ้องไปที่ข้อมูลที่ฉินซีรวบรวมมาชั่วขณะ จากนั้นหันกลับมามองฉินซีอย่างระมัดระวังพักหนึ่ง “บอกความจริงมานะว่าเธอเคยทำงานแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า”

ฉินซีหัวเราะ “พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอน่ะ!”

ก่อนหน้านี้เธอทำอะไร อานหยันยังไม่รู้ซึ้งอีกอย่างนั้นเหรอ

หลังจากที่เธอจบจากมหาวิทยาลัย เธอก็ยึดงานถ่ายภาพเป็นงานหลักมาโดยตลอด บางครั้งก็เข้าไปดูงานที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แต่เธอก็ไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริง

จะเอาโอกาสที่ไหนไปทำงานข่าวกรอง

แน่นอนว่าอานหยันก็รู้ดี แต่ท่าทางการนำเสนอข้อมูลของฉินซีมีความเป็นมืออาชีพเกินไปแล้ว เธอต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลถึงหนึ่งเดือน นั่นบ่งชี้ว่าฉินซีดูกล้องวงจรปิดจบครบทั้งหกตัวในเวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งวัน

ว่ากันตามนี้แล้ว การที่อานหยันตกใจแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล “ก็แค่รู้สึกว่า…เธอทำได้ดีจนเกินไปแล้ว”

อานหยันอดทอดถอนใจไม่ได้

ฉินซียิ้ม ทั้งสองแลกเปลี่ยนคำถามกันอีกสองสามข้อ จากนั้นเธอก็เงยหน้ามองอานหยัน “ฉัน…วางแผนเอาไว้ว่าจะตรวจสอบเรื่องแม่ของฉันตอนนี้เลย”

ประสิทธิภาพในการทำงานของฉินซีเร็วกว่าที่อานหยันจินตนาการไว้มาก เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ปฏิเสธ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ เธอใช้มันได้เลย”

ฉินซีรีบหันกลับมาเปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว

อานหยันการหายใจเบา ๆ จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือ

มือของฉินซีที่กำลังจับเมาส์อยู่สั่นเล็กน้อย

ในที่สุดเธอก็มีโอกาสเข้าใกล้ความจริงแล้วใช่ไหม

ความจริงแล้วในปีนั้นตอนแรกเธอก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของแม่ทั้งหมด แต่ภายหลังเธอได้พิสูจน์แล้วว่าฉินซึ่งเทียนมีแรงจูงใจเพียงพอที่จะทำเช่นนี้กับแม่ของเธอ ฉินซีก็เลยเชื่อแม่

ทว่าถึงมีแรงจูงใจก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี อาศัยเพียงแง่มุมของแม่ก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์อะไรได้

ฉินซีต้องสืบหาให้ได้ว่าความจริงแล้วปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จากนั้นก็เอาหลักฐานที่ไม่สามารถพลิกกลับออกมาให้ได้ ทำแบบนั้นแล้วจึงจะสามารถลบล้างรอยด่างพร้อยที่แม่ของเธอแบกรับเอาไว้ได้จนหมดจด

เธอหายใจเข้าลึก ๆ และคลิกที่บันทึกการลงทะเบียน

โรงแรมแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นโรงแรมระดับไฮเอนด์ ลูกค้าที่เข้ามาได้รับความคุ้มครองในด้านความเป็นส่วนตัวอย่างดีเยี่ยม ปีนั้นตอนที่ฉินซีไปตรวจสอบด้วยตัวเอง จึงไม่มีทางที่จะพบเบาะแส

โชคดีที่หน่วยข่าวกรองมีช่องทางเป็นของตัวเอง สามารถเอาบันทึกการเข้าพักช่วงสามปีนี้ของโรงแรมออกมาได้

ฉินซียังคงจำวันเวลาตอนที่เกิดเรื่องได้ เธอพิมพ์ลงไปทีละคำ ๆ ตอนที่กดปุ่มเอ็นเทอร์เพื่อค้นหา เธอก็ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังตึกตัก

คอมพิวเตอร์ประมวลผลอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะแสดงบันทึกออกมา

ฉินซีจับจ้องเนื้อหาภายในนั้นอย่างถี่ถ้วน เธอรู้สึกผิดหวังเกินกว่าที่จะพูดออกมา

ตามบันทึกผู้ที่ทำการจองห้องห้องนั้นไว้ก็คือเหยาหมิ่น และเบอร์โทรศัพท์ก็เป็นเบอร์มือถือของเธอ แม้แต่หมายเลขบัตรที่ใช้ในการชำระเงินค่าห้องก็เป็นของเหยาหมิ่น

ฉินซึ่งเทียนปกปิดเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา

แม้ว่าฉินซึ่งเทียนจะใช้ข้อมูลของเหยาหมิ่นจองห้องพักได้อย่างง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ แต่ฉินซีเองก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับบันทึกมีเอาไว้มากนัก แต่การที่เห็นด้วยตาของตัวเองก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายส่วน

เธอหลุบตาลง จัดการความรู้สึกของตัวเองอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่ฟื้นคืนกลับมาได้อีกครั้ง เธอก็ใช้วันที่เพื่อตรวจสอบบันทึกอันอื่น ๆ ในวันนั้นของโรงแรมว่ามีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่

ในเมื่อฉินซึ่งเทียนต้องการที่จะถ่ายภาพของเหยาหมิ่นกับคนอื่นมาให้ได้ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องการให้มีคนอื่นอีกคนในภาพ

ฉินซีรู้ดีว่าแม่ถูกฉินซึ่งเทียนบีบคั้นจนแทบตาย

มันยากมากที่จะคาดเดาอะไรจากสิ่งที่อยู่ในมือของแม่ ดังนั้นเธอเปลี่ยนความคิด หันไปติดตามจากผู้ชายคนนั้นแทน

เป็นไปได้มากที่ผู้ชายคนนั้นจะพักอยู่ในห้องอื่นของโรงแรม ถ้าสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ชายคนนั้นได้ บางทีก็อาจจะได้อะไรมาบ้าง

ฉินซีกวาดตามองบันทึกของวันนั้นอีกรอบอย่างรวดเร็วด้วยความหวังอันริบหรี่

ไม่มีอะไรผิดปกติ

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย

มันยากมากที่ผู้ชายคนนั้นจะสามารถคำนวณช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม แล้วตรงเข้าไปในห้องที่เหยาหมิ่นถูกขังเอาไว้

ถ้าเป็นแบบนี้……

ฉินซีคลิกเปิดบันทึกภาพในกล้องวงจรปิดที่ถูกเก็บรักษาไว้

ทำได้แค่วินิจฉัยจากภาพในกล้องวงจรปิดเท่านั้น

แต่หลังจากที่เธอดูบันทึกในกล้องวงจรปิดทั้งหมดอย่างละเอียด ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ๆ ออกมาอย่างผิดหวัง

เมื่อกลางวันตอนที่เธอตรวจสอบรูปแบบการใช้ชีวิตของเฉินยี้ ก็ดูได้แค่บันทึกของหนึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงค้นพบว่า บันทึกกล้องวงจรปิดของโรงแรมนี้เก็บรักษาเอาไว้แค่เพียงครึ่งปีเท่านั้น

ฉินซีรู้ดีว่าโรงแรมหลายแห่งมักจะล้างข้อมูลที่ไร้ประโยชน์เพื่อประหยัดพื้นที่ในการเก็บข้อมูล เพียงแต่เธอคิดไม่ถึงว่าโรงแรมนี้จะเก็บบันทึกเอาไว้แค่เพียงครึ่งปี

“ทำไมถึงมีแค่ครึ่งปีกันนะ…” เธอพึมพำออกมาอย่างผิดหวัง รู้สึกไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรไปชั่วขณะ

บันทึกก็ไม่มี กล้องวงจรปิดก็ไม่มี แล้วเธอจะหาร่องรอยของผู้ชายคนนั้นได้จากที่ไหนกันล่ะ

ฉินซีขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลู่เซิ่น

ไม่บ่อยนักที่ลู่เซิ่นจะโทรหาเธอ ฉินซีคิดว่าเขาจะต้องมีเรื่องเร่งด่วนแน่ ๆ จึงกดรับสาย

“ฮัลโหล”

“พ่อบ้านบอกว่าเธอออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว” ลู่เซิ่นไม่มีการพูดเกริ่นใด ๆ เขาถามอย่างตรงไปตรงมา

“ใช่ค่ะ” ฉินซีพูดตามหลักเหตุผล “ช่วงสองสามวันนี้งานที่สำนักพิมพ์นิตยสารยุ่งมาก ถึงยังไงคุณก็ไม่อยู่ ฉันก็เลยย้ายมาอยู่กับอานหยันชั่วคราว จะได้ไม่ต้องวิ่งไปกลับ ”

ลู่เซิ่นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “ก็ดี”

ฉินซีค่อนข้างที่จะไม่เข้าใจ ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเรื่องคดีของแม่ น้ำเสียงจึงค่อนข้างที่จะไม่ค่อยดี “คุณมีอะไรอีกไหมคะ”

ลู่เซิ่นน่าจะฟังออกว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยจะดี จึงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีอะไร” จากนั้นก็วางสายไป

ฉินซีมองไปที่คำว่า “สิ้นสุดการสนทนา” บนหน้าจอโทรศัพท์อย่างสับสนมึนงง

ลู่เซิ่นไปโดนตัวไหนมา

ก็ดีเหรอ หมายความว่ายังไง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท