Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1012

ตอนที่ 1012

บทที่ 1012 ไม่ควรค่าที่จะใส่ใจ

ฉินซีมองเสื้อผ้าหนาหนักที่อยู่ในมือเขา ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก

โชคดีที่โคมไฟในสวนไม่ได้สว่างมาก พ่อบ้านจึงมองไม่เห็นว่าเธอเสียอาการไปชั่วขณะ เพียงรอพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร จึงลุกขึ้นมาอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “ผม…ทำให้คุณเสียเวลาหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบสวมเสื้อพวกนี้แล้วไปจัดการธุระต่อเถอะครับ”

ฉินซีกลัวว่าถ้าพูดอะไรออกมากกว่านี้ จะทำให้เขารู้ว่าอารมณ์ของเธอไม่ปกติ เธอเพียงพยักหน้าอย่างลวก ๆ จากนั้นคว้าเสื้อผ้ามาแล้วกลับขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไปจากรีสอร์ทชิงหยวน

แต่หลังจากเลี้ยวไปสองรอบ ความเร็วของรถก็ค่อย ๆ ชะลอลง ในที่สุดก็หยุดตรงมุมถนนที่ไม่คุ้นตา

เครื่องทำความร้อนในรถถูกเปิดจนสุด ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าพวกนั้นของพ่อบ้านก็ได้ ทว่าฉินซีกลับดื้อดึง ไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก

ตอนนี้ความโกรธที่เดือดพล่านอยู่ในหัวของเธอค่อย ๆ เย็นลงแล้ว

ตอนแรกที่เธอได้ยินข่าวการตายของพ่อบ้าน ในหัวของเธอเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยต้องชดใช้หนี้ชีวิตด้วยเลือด ต่อให้เธอต้องตายตามไปด้วยก็ไม่เป็นไร

แต่ว่าการแก้แค้นด้วยวิธีนี้เป็นสิ่งที่เหยาหมิ่นกับพ่อบ้านต้องการจริงๆอย่างนั้นเหรอ

ถ้าพวกเขารู้แผนการนี้ของเธอ ก็คงจะด่าว่าเธอหุนหันพลันแล่นเกินไปใช่ไหม

ฉินซีไม่เชื่อหรอกว่าคนชั่วจะได้รับผลกรรมจากสวรรค์ ไม่อย่างนั้นทำไมฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยที่ทำลายชีวิตคนถึงสองคน กลับยังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขแบบนี้ได้

แต่การจบชีวิตพวกเขาด้วยน้ำมือของเธอเอง เป็นวิธีการแก้แค้นที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ เหรอ

เสื้อผ้าที่พ่อบ้านสวมให้เธอราวกับกำลังช่วยย้ำเตือนสติ

ไม่ใช่เลย

ใครก็ตามที่รักเธอคงไม่อยากให้เธอจบเรื่องทุกอย่างด้วยวิธีที่น่าเวทนาแบบนี้

พวกเขาห่วงใยเธอเสมอ ปรารถนาให้เธอมีความสุขไปชั่วชีวิต

ฉินซีค่อย ๆ โน้มตัวฟุบลงบนพวงมาลัยรถอย่างช้า ๆ

พวงมาลัยนั้นเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำตา

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของฉินซีก็ดังขึ้น

ตอนแรกเธอไม่ได้คิดที่จะรับสาย แต่คนที่โทรมากลับมีความอดทนเป็นอย่างมาก เอาแต่โทรซ้ำแล้วซ้ำอีก

ฉินซีไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “สวัสดีค่ะ”

ทันทีที่พูดออกมาก็รู้ได้เลยว่าแย่แล้ว

น้ำเสียงของเธอยังคงเต็มไปด้วยรอยสะอื้น ทั้งยังแหบพร่าอยู่หลายส่วน

ลู่เซิ่นที่อยู่ปลายสายราวกับไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของเธอ เขาไม่ได้ว่าอะไรที่เธอเพิ่งจะรับสายหลังจากที่ปล่อยให้เขาโทรมาเสียหลายครั้ง เพียงถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “เธออยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้างนอกหิมะตกแล้ว ถนนค่อนข้างลื่น ระวังตัวด้วย”

ฉินซีพยายามซ่อนเสียงสะอื้นของตัวเองอย่างสุดความสามารถ “รู้แล้วค่ะ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”

ลู่เซิ่นตอบกลับไปว่า “อืม”

ตอนที่ฉินซีกำลังจะวางสาย ที่มุมถนนก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งผ่านมา ส่งเสียงดังแสบแก้วหู

เดิมทีฉินซีคิดว่าตนเองฟังผิด แต่หลังจากตั้งใจฟังอีกครั้งแล้ว ก็พบว่าเสียงแสบแก้วหูนี้กลับดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์

เป็นเพราะการกระจายของคลื่นสัญญาณ เสียงที่ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์จึงช้ากว่าเสียงที่เธอได้ยินกับหูของตัวเอง กลายเป็นจังหวะที่สองอยู่ข้าง ๆ หูของเธอ

ฉินซีสังเกตถึงความผิดปกติได้ทันที เธอใช้มือจับโทรศัพท์แล้วถามเสียงดังว่า “คุณอยู่ที่ไหน”

ดูเหมือนลู่เซิ่นจะไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่าอยู่ ๆ จะมีรถโผล่ขึ้นมาเปิดเผยตำแหน่งของเขา แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว จะปิดบังต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เธอลงมาจากรถเถอะ”

ฉินซีรีบเปิดประตูแล้วลงจากรถทันที

เธอยืนนิ่งและหันไปรอบ ๆ เห็นลู่เซิ่นกำลังเลี้ยวออกมาจากมุมหนึ่ง

ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะสติหลุดเกินไปแล้ว สูญเสียแม้กระทั่งความประหลาดใจ ขนาดถูกติดตามก็ยังไม่รู้ตัว

“คุณ…อยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว” ฉินซีไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ ทำได้เพียงถามคำถามทั่ว ๆ ไปออกมา

ลู่เซิ่นพยายามทำให้เหมือนว่าไม่ใช่เรื่องนักหนา “ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก”

ความหนาวเย็นพัดผ่านไปทั่วทิศทาง ทว่ากลับไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องมองเขา “ทำไมคุณต้อง…ตามฉันมาด้วย”

ลู่เซิ่นก้มตัวเล็กน้อย “เธอออกมาคนเดียว…เอาเจ้านี่มาด้วย ฉันก็เลยไม่วางใจ”

มือขวาของเขาตบกระเป๋าของฉินซีเบา ๆ

ปืนพกของลู่เซิ่นอยู่ข้างในนั้น

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง

เธอบังคับให้ยืนตัวตรง และบังคับให้ตัวเองมองตรงไปที่ลู่เซิ่น “คุณรู้เหรอคะว่าฉันคิดจะทำอะไร”

ลู่เซิ่นมองหน้าเธอ ก่อนจะพยักหน้า

“แล้วทำไมคุณ…ถึงเอาแต่อยู่ที่ตรงนั้น” ฉินซีหลุบตาลงเล็กน้อย

ในเมื่อเขาสามารถไล่ตามเธอมา รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเธอ ทั้งยังรู้ว่าเธอเอาปืนมาด้วย จะไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรได้ยังไงกัน

ลู่เซิ่นในตอนนี้เป็นคนที่มากมายด้วยทรัพย์สิน เขามีทางเลือกมากมายเกินไป

เขาจะเดินเข้ามาแล้วแย่งปืนไปจากเธอ จากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน

ฉินซีก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลย

“ฉันเชื่อว่าเธอจะสงบสติอารมณ์ได้” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของลู่เซิ่นดังขึ้นมาจากตำแหน่งเหนือศีรษะ “เรื่องโง่ ๆ บางเรื่อง ลงมือทำเพียงครั้งเดียวก็พอที่จะเป็นบทเรียนให้เธอได้แล้ว”

เขาพูดเรื่องที่ฉินซีพยายามจะฆ่าตัวตาย

แต่ความมั่นใจในน้ำเสียงของเขากลับทำให้ฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงงเล็กน้อย “คุณเชื่อใจฉันอย่างนั้นเหรอคะ”

ลู่เซิ่นยกยิ้มบาง ๆ พลางยื่นมือออกไปลูบลงบนศีรษะของเธอ “ฉันเชื่อใจเธอ และฉันก็เชื่อตัวเอง ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรไว้ ฉันก็สามารถจัดการได้”

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้เข้าไปขวางเธอไว้ เอาแต่ไล่ตามหลังฉินซีอย่างเงียบ ๆ

“เป็นยังไงบ้าง เธอขับรถมาถึงที่นี่แล้ว คลิปตกแล้วหรือยัง”

ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บน้ำเสียงของลู่เซิ่นกลับแฝงไปด้วยการปลอบโยน

ทันใดนั้นฉินซีก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก

เธอไม่ใช่คนที่ชอบร้องไห้ แต่ดูเหมือนว่าคืนนี้เธอจะอ่อนแอเป็นพิเศษ

“พ่อบ้านตายแล้ว” อยู่ ๆ เธอก็อยากจะระบายความรู้สึกข้างในใจออกมา “ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยเป็นคนฆ่า พวกเขาฆ่าแม่ของฉันยังไม่พอ ยังอยากจะฆ่าคนอื่น ๆ อีก”

ราวกับลู่เซิ่นรู้ว่าเธอก็แค่ต้องการที่จะระบาย จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงเอื้อมมือมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด

อุณหภูมิร่างกายของเขาต้านทานลมและหิมะจากภายนอก ทำให้น้ำตาของฉินซีไหลทะลักออกมาอย่างหยุดไม่อยู่

ฉินซีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เธอถึงได้ร้องไห้ไปพลาง และพยายามดื้อดึงที่จะพูดไปพลาง “เขาไม่แม้แต่จะจัดพิธีศพให้พ่อบ้าน ทำไมถึงได้มีคนแบบนี้อยู่กันนะ…”

ไม่รู้ว่าทั้งสองคนยืนอยู่ท่ามกลางหิมะนานแค่ไหน

ในที่สุดหลังจากที่ฉินซีระบายความคับแค้นใจที่อัดแน่นอยู่ในหัวออกมาจนหมด เธอก็เงยหน้าขึ้น จึงพบว่าบนไหล่ของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ

เธอประหลาดใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมาก จึงรีบยืดตัวตรง “ฉัน…ฉัน…”

เธออยากจะพูดว่าตัวเองเพียงแค่สติหลุด ทำให้เขาต้องลำบากแล้ว ขอโทษด้วยจริง ๆ

แต่เมื่อสบเข้าไปในตาของลู่เซิ่น เธอกลับไม่สามารถที่จะวางมาดแล้วพูดอะไรที่คุ้นชินออกมาได้

“กลับกันเถอะ” ทว่าลู่เซิ่นกลับไม่สนใจสายตาที่เสียกิริยาของเธอ เขายื่นมือไปกุมมือเธอเอาไว้ “มือเย็นขนาดนี้ ฉันจะให้คนขับรถคันนั้นของเธอกลับไป ส่วนเธอก็มานั่งรถของฉันแล้วกัน”

ในตอนนี้เองฉินซีก็ดึงสติกลับมาได้ เป็นช่วงที่วุ่นวายและน่าอับอายพอดี เธอไม่อยากอยู่ในพื้นที่ปิดแบบข้างในรถกับลู่เซิ่น จึงส่ายหน้าซ้ำ ๆ แล้วเดินถอยไปข้างหลัง

ทว่าลู่เซิ่นกลับจับมือเธอเอาไว้แน่น ราวกับว่าไม่อนุญาตให้เธอปฏิเสธ ก่อนจะลากเธอขึ้นไปบนรถของตัวเอง

สิ่งที่ฉินซีคาดไม่ถึงก็คือการที่ตลอดทางลู่เซิ่นไม่ได้พูดหยอกล้อเธอเลยแม้แต่คำเดียว ทั้งยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอกับเขาเพิ่งจะทำไปเมื่อกี้นี้ด้วย

ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น และไม่ควรค่าที่จะใส่ใจ

ฉินซีถูกความเฉยเมยนี้ของเขาทำให้สงบลงอย่างช้า ๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท