Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1169

ตอนที่ 1169

บทที่​ 1169 ให้เนื้อที่เต็มที่

ลู่เซิ่นที่อยู่ฝั่งนี้นั่งไม่ติด ในที่สุดเวินจิ้งก็ได้เก็บข้าวของเสร็จแล้ว

ทั้งสองคนได้เจอและทักทายกับคุณปู่มู่ เวินจิ้งกับมู่เฉิงเหมือนยังได้พูดคุยกันหลายคำ แต่ลู่เซิ่นไม่มีอารมณ์จะไปฟังแล้ว

เขาแค่ยืนอยู่ข้างๆ รอให้เวินจิ้งพูดคุยกับมู่เฉิงเสร็จ ก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที

ลู่เซิ่นไม่มีอารมณ์รับมือคำถามของเธอ แค่สั่งการหลินหยังที่เดินมา: “ให้บ้านใหญ่เตรียมเครื่องบินเดี๋ยวนี้ ฉันจะบินกลับประเทศF”

หลินหยังค่อนข้างประหลาดใจ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของงาน ทำให้เขาไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้ ก็ได้ตอบโดยพยักหน้า

อารมณ์ไม่ดีของลู่เซิ่น แม้แต่คนขับรถก็สังเกตเห็นแล้ว เขาเหยียบคันเร่งสุดฤทธิ์ รถก็ได้เพิ่มความเร็วอย่างไว ล่วงหน้าสิบกว่านาทีก็ถึงบ้านตระกูลลู่แล้ว

ลู่เหวยกับสูหยิงได้ยินข่าวตั้งนานแล้ว พวกเขาได้ยืนรอที่หน้าประตู พอเห็นเขาปุ๊บก็เปิดปากถาม: “หลินหยังโทรมาบอกว่าลูกจะกลับไป? ป่านนี้แล้ว ทานข้าวก่อนแล้วค่อยกลับเถอะลูก?”

เขาเสียเวลาไปกับเวินจิ้งไปครึ่งค่อนวัน ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดแล้ว

แต่ว่าลู่เซิ่นกลับไม่อยากอาหารเลย เขาได้ผายมือปฏิเสธ

“ผมมีเรื่องด่วนต้องกลับไปครับ ไม่อยู่ทานข้าวแล้วครับ” ระหว่างคิ้วของเขามีความกังวลใจเสี้ยวหนึ่ง ดูแล้วราวกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนมากยังไงอย่างงั้น

สูหยิงเห็นสถานการณ์แล้ว นึกแค่ว่าบริษัทลู่ซื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น รั้งเขาไว้ก็คงไม่ดี ได้แต่พยักหน้าและพูด: “โอเค งั้นลูกให้พนักงานสายการบินจัดเตรียมอาหารให้ลูกหน่อยก็แล้วกัน”

ลู่เซิ่นพยักหน้าอย่างลวกๆ เงยหน้าอยากอำลาลู่เหวย แต่กลับรู้สึกแววตาของเขาดูเหมือนจะมีความหมายที่ลึกซึ้ง

เหมือนรู้ว่า……ทำไมเขาถึงได้ใจร้อนเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้

แต่ว่าลู่เซิ่นไม่มีเวลามาคิดมาก อำลากับพ่อแม่เสร็จอย่างรีบร้อน ก็ได้ไปที่ลานจอดเครื่องบินแล้ว

เวินจิ้งรู้สึกร่างกายตัวเองไม่ดี ไม่สะดวกเจอหน้ากับพ่อแม่ของลู่เซิ่น ดังนั้นจึงได้ขึ้นเครื่องพร้อมกับหลินหยังแต่เช้า หลังจากลู่เซิ่นมาถึง เครื่องบินก็ได้บินขึ้นฟ้าอย่างไว

หลินหยังได้เตรียมห้องในสุดของเครื่องบินให้กับเวินจิ้ง เธอก็สบายเลย หลังจากทักทายกับลู่เซิ่นเสร็จก็ได้กลับไปที่ห้องแต่เช้าแล้ว ทำท่าเหมือนจะไม่ออกมาข้างนอกอีก

เธอย่อมรู้อยู่แล้วว่าลู่เซิ่นกับหลินหยังมีเรื่องจะคุยกันแน่นอน ดังนั้นจึงได้ให้เวลาพวกเขาอย่างเต็มที่

หลังจากพนักงานสายการบินเสิร์ฟอาหารเสร็จ ก็ได้กลับไปที่ห้องนักบิน ลู่เซิ่นเขี่ยอาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่เห็นได้ชัดเจนว่าทานอะไรไม่ลง

หลินหยังดูสีหน้าแววตาที่ผิดปกติของลู่เซิ่นออก ลังเลไปหลายวินาที แต่ก็ได้สอบถามอย่างระมัดระวัง: “ประธานลู่ครับ ครั้งนี้กลับไปอย่างรีบร้อนขนาดนี้ เป็นเพราะบริษัทลู่ซื่อมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”

ลู่เซิ่นจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ได้ตอบคำถามเขา

เขากำลังนึกย้อนอย่างละเอียดถึงการเข้าหากันกับฉินซีในหลายวันก่อน เพื่อหวังอยากหาเบาะแสและอธิบายว่าทำไมฉินซีต้องโกหกเขา

เขาแน่ใจมาก ตอนที่เขาจะจากไป ฉินซีก็ยังดูปกติมากอยู่

ตอนนั้นถ้าการไม่อยากแยกจากที่อยู่ในแววตาของฉินซีเป็นการเสแสร้งขึ้นมา งั้นถ้าเธอไม่ไปเป็นนักแสดงก็เสียดายแล้ว

แต่ว่าตัวเองก็ออกมาแค่ไม่กี่วันเอง สามารถเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้?

ลู่เซิ่นพบว่าตัวเองตอบคำถามนี้ไม่ออก

ตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองหนาน ตัวเขาเองรู้สึกกินปูนร้อนท้อง ตอนที่โทรคุยกับฉินซีปุ๊บปั๊บก็วางสายแล้ว แม้แต่ถามก็ยังไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น

สิ่งเดียวที่รู้ ก็คือเธอกำลังพยายามในการเตรียมนิทรรศการภาพถ่ายของตัวเองอยู่

หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับนิทรรศการภาพถ่าย?

แต่ว่า จัดนิทรรศการภาพถ่ายไม่จำเป็นต้องปกปิดความเคลื่อนไหวกับตัวเองนี่น่ะ?

ทีนี้หัวใจของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความร้อนรน สงบจิตคิดอย่างละเอียดไม่ได้ด้วยซ้ำ

ลู่เซิ่นใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปี นี่คือครั้งแรกที่ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกขนาดนี้

นี่คงเป็นกรรมตามสนองที่ตอนเย็นเขาหัวเราะเยาะมู่วี่สิงกับเวินจิ้งมั้ง

ถึงทีเขาเอง เขาถึงจะรู้ว่าพอเจอความรักแล้ว เดิมทีตัวเองเป็นคนยังไง มันไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้นแล้ว

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น

ที่จริงเอาทุกอย่างมาปะติดปะต่อกัน ก็สามารถเห็นเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้อย่างชัดเจนแล้ว

ฉินซีอาศัยเหตุผลที่ตัวเองไม่รู้ ปิดบังตัวเองอ้างเท็จว่าไปหาอานหยัน ต่อมาก็โทรหาเธอไม่ติด ดูแล้วเหมือน…….ฉินซีเพื่อจะไปจากตัวเอง เลยพูดคำลวงขึ้นมา

แต่ว่าลู่เซิ่นไม่ยอมเชื่อความเป็นไปได้นี้ เขาบังคับตัวเองให้เปลี่ยนความคิด

ไม่เข้าใจทำไมเธอต้องหลอกตัวเอง งั้นก็หาเธอเจอแล้วถามให้รู้ชัดไปเลย

เพียงแต่……….เธออยู่ไหนกันแน่?

ฉินซีจะไปไหนได้?

ลู่เซิ่นพบว่าตัวเองก็ไม่มีคำตอบเลย

เขาไม่รู้ว่าฉินซีจะไปไหนได้

ตอนที่ลู่เซิ่นเจอกับฉินซี อยู่ในสภาพที่ไร้บ้านให้กลับ ทีนี้จะไปจาก แล้วจะไปไหนได้ล่ะ?

ทำไมถึงไป ตอนนี้อยู่ไหน สองคำถามนี้เหมือนภูเขาใหญ่สองลูกที่ทับอยู่ในอกของลู่เซิ่นอย่างหนักหน่วง ทำให้เขาหายใจไม่ออก ยิ่งสงบสติอารมณ์ไม่ได้

ส่วนหลินหยังถามคำถามนี้ออกมาไม่ได้คำตอบ ก็ถือว่าอยู่ในการคาดการณ์ของเขา

แต่ดูตรงหน้ากับข้าวก็จะเย็นหมดแล้ว ลู่เซิ่นก็ยังไม่แตะต้องเลยสักคำ เขาจึงจำเป็นต้องย้ำเตือนอีกครั้ง: “ประธานลู่ครับ ให้พนักงานบนเครื่องเปลี่ยนกับข้าวให้ท่านใหม่มั้ยครับ?”

ในที่สุดครั้งนี้ลู่เซิ่นถึงได้ยินคำพูดของเขา เงยหน้ามองเขาไปหลายวินาที จู่ๆถึงเปิดปากพูด: “หลินหยัง ช่วยฉันติดตามโลเคชั่นของฉินซีจากมือถือหน่อย”

หลินหยังอึ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้ว

ลู่เซิ่นผิดปกติขนาดนี้……..ถ้าสาเหตุเป็นเพราะฉินซีล่ะก็ งั้นก็อธิบายง่ายกว่าเยอะเลย

เขาก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ว่าทำไมต้องไปติดตามโลเคชั่นผ่านมือถือของฉินซี เพียงแค่อธิบายว่า: “สามารถติดตามโลเคชั่นได้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถหาเจอหรือเปล่านะครับ”

ลู่เซิ่นเองก็ย่อมรู้อยู่แล้ว

เมื่อกี๊เขาโทรศัพท์ไปยังไงก็โทรไม่ติด ต่อมาพอโทรไปอีกก็ปิดเครื่องแล้ว ถ้าฉินซีไม่อยากให้เขาหาเบาะแสเจอ งั้นก็ต้องจัดการมือถือทิ้งแน่นอน

แต่ถึงจะมีความหวังแค่เสี้ยวเดียวก็เถอะ เขาก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด

เขาจะต้องหาฉินซีเจอแน่นอน!

ดังนั้นเขาจึงแค่พยักหน้าให้กับหลินหยัง: “พยายามไปตรวจสอบดูก็พอ”

หลินหยังโต้ตอบยาก จึงได้แต่ตอบตกลง

ออกไปโทรศัพท์ที่ด้านนอกไปหลายสาย สุดท้ายก็ก้มหน้าเดินเข้ามา

“ประธานลู่ครับ มือถือของคุณผู้หญิงได้ปิดเครื่องไปแล้วครับ โลเคชั่นของตอนนี้ก็ไม่ชัดเจนแล้ว แต่ว่า…….ร่องรอยของก่อนหน้านั้นก็สามารถตรวจสอบได้อยู่ครับ”

ลู่เซิ่นราวกับว่าเห็นแสงสว่างของความหวัง เงยหน้ามองไปที่เขาอย่างกะทันหัน: “ร่องรอยของก่อนหน้านั้นอยู่ที่ไหน?”

ในขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามส่งรูปมาให้หลินหยังพอดี เขาไม่กล้ารีรออีก รีบยื่นไปให้ลู่เซิ่นดูในทันที

ลู่เซิ่นแค่มองแวบเดียว สีหน้าก็ค่อยๆเยือกเย็นลงมาอีกครั้ง

โลเคชั่นของแผนที่ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เขาแค่มองแวบเดียวก็สามารถดูออกแล้ว

เดินทางออกมาจากรีสอร์ทชิงหยวน ถึงบ้านของอานหยัน

ต่อมา โลเคชั่นของมือถือก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย

…………….ดูท่าคงจะเอามือถือทิ้งไว้ที่บ้านของอานหยัน

สีหน้าของลู่เซิ่นยิ่งอยู่ยิ่งเยือกเย็น

ไม่นึกเลยว่าจะเตรียมการถึงขั้นนี้เลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท