Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1348

ตอนที่ 1348

บทที่ 1348 ไม่เป็นไปตามคาด

ในห้องผู้ป่วย

ฉินซีนอนนิ่งเงียบราวกับตุ๊กตาไร้วิญญาณ อยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาวบริสุทธิ์ บนตัวของเธอสวมชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินเข้มขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้เธอดูซีดเซียวมากขึ้น

เธอดูเหมือนกำลังหลับอยู่ แต่คิ้วยังคงล็อกแน่น

ฉินซีกำลังฝัน ฝันถึงเรื่องราวในตอนเด็ก ฝันถึงพ่อแม่ของตน ฝันถึงจ้านเซิน แล้วภาพสุดท้ายก็จับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม แต่ดวงตาของเธอกลับถูกเมฆหมอกบดบัง ฉินซีทำยังไงก็มองไม่ชัดว่าใบหน้าของชายหนุ่มนั้นเป็นอย่างไร

เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ อดไม่ได้ที่จะก้าวขาเดินเข้าไป

ปัดหมอกออก ใบหน้าของชายหนุ่มก็ชัดเจนขึ้นทีละน้อย

“ลู่เซิ่น!”

ฉินซีร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ มองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตาสีอำพัน

เธออดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น โผเข้าไปในอ้อมแขนของลู่เซิ่น “ลู่เซิ่น ในที่สุดนายก็มา นายมาเพื่อช่วยฉันหรอ?”

ฉินซีเปิดปากพูดด้วยเสียงสะอื้น พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้า

ฉินซีในเวลานี้ขาดความรู้สึกปลอดภัยอย่างมาก การปรากฏตัวของจ้านเซิน ทำลายชีวิตที่สงบสุขของเธอ ทำให้เธอหวาดกลัวอีกครั้ง

ตอนนี้เธอต้องการการปลอบโยนจากลู่เซิ่น แต่เธอรู้ดี ตอนนี้ลู่เซิ่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ดังนั้น ฉินซีจึงได้แต่แบกรับไว้ตัวคนเดียว

เธอกัดฟันยืนหยัด ต่อต้านความชั่วร้ายของจ้านเซินเพียงลำพัง แต่ในใจยังคงหวาดกลัว ขี้ขลาด ต้องการการเห็นใจจากลู่เซิ่น

……

จ้านเซินยืนร่างสูงอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย

เขามองดูฉินซีคิ้วล็อคแน่น ท่าทางเดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวยิ้ม ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์

จ้านเซินเองนึกว่า เขามีความอดทนอย่างมากกับฉินซีแล้ว

เพื่อให้เธออาการดีขึ้น ก็ไม่ลังเลที่จะส่งเธอออกมา เพื่อให้เธอฟื้นตัวได้เร็ว

ยังมีผู้ชายคนไหนสามารถทำได้ขนาดนี้?

แต่ว่า ฉินซีกลับมองไม่เห็นความดีของเขาเลยแม้แต่น้อย

เธอเอาแต่อยู่กับไอ้ลู่เซิ่นทั้งวัน คิดอยู่ตลอดว่าจะหลบหนีการควบคุมของเขายังไง

ลู่เซิ่นมันดีขนาดนั้นเลยหรอ ดีถึงขนาดทำให้ฉินซีไม่ลังเลที่จะออกจากองค์กร เขาไม่เชื่อว่าตนแย่ไปกว่าลู่เซิ่น

ทำไมฉินซีถึงไม่ชอบเขาล่ะ?

คิดมาถึงตรงนี้ ในใจของจ้านเซินก็พองตัวด้วยความโกรธที่ไร้ที่มาทันที

เขาโกรธแล้วจริงๆ โกรธที่ในสายตาของฉินซีไม่มีเขาอยู่

แต่ว่า เมื่อจ้านเซินได้เห็นตอนที่เธอร้องไห้เป็นสายฝน ความโกรธภายในใจก็สงบลงเล็กน้อย

จ้านเซินโน้มตัวลง ปลายนิ้วที่หยาบกร้านลูบไปที่แก้มขาวนุ่มนวลของฉินซีเบาๆ เขาเอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉินซี เธออยากให้ฉันทำยังไงกันแน่ เธอถึงจะดีใจ…..”

ฉินซีที่หลับฝันอยู่ รู้สึกได้ว่ามีคนลูบแก้มของเธอ

เธอขมวดคิ้ว หลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว

กลับไม่รู้เลยว่าตนได้ทำให้จ้านเซินโมโหขึ้นทันที อย่างไม่ต้องสงสัย

จ้านเซินดึงมือกลับด้วยความโกรธ หรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว มองไปที่ฉินซี

เขาพูดอย่างเย็นชา “ฉินซี ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไป”

เขาพูดให้คำมั่นสัญญา คำพูดเต็มไปด้วยความหมายที่โหดร้าย “ชั่วชีวิตนี้ เธอเลิกคิดที่จะไปจากผม”

คำพูดเหล่านี้ เวลาที่อยู่ต่อหน้าฉินซี เขาไม่อาจพูดได้

เพราะถังย่าบอกเขาไว้ ว่าสภาพจิตใจของฉินซีในตอนนี้แย่มาก

ทางที่ดีอย่ากดดันเธอมากเกินไป ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม บังคับให้ฉินซีออกไป

เดิมทีจ้านเซินนึกว่าฉินซีไม่ใช่คนที่อ่อนแอขนาดนั้น แต่หลังจากเห็นเธอทรุดลงครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ค่อยๆรับฟังคำพูดของถังย่า

เขาระงับความครอบครองของตนเอง เก็บซ่อนความหวาดระแวงไว้ในความมืด

ในขณะเดียวกัน

โจวซิงหลังจากที่เสร็จจากการโทรคุยกับลู่เซิ่นและโจวเอ้อแล้ว ก็กลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง

เขาผลักประตูเปิด มองเห็นจ้านเซินยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยของฉินซี ขมวดคิ้ว

จ้านเซินที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ได้ยินเสียงฝีเท้าของโจวซิง นานก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้ว

เขารีบเก็บมือกลับ ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แสร้งทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โจวซิงเอ่ยขึ้นนิ่งๆ น้ำเสียงห่างเหิน “คุณจ้าน ฉินซีตอนนี้ต้องการความเงียบอย่างสมบูรณ์ สภาพจิตใจของเธอตอนนี้แย่มาก ต้องการการฟื้นฟูที่ดี”

น้ำเสียงของเขาแม้ว่าจะสงบนิ่ง แต่กลับออกรสอย่างไม่ต้องสงสัย

“ถ้าหากคุณยังวางแผน ว่าจะสะกดจิตเธอยังไง ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าหุนหันพลันแล่น ด้วยความสามารถในการรองรับของฉินซีตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจไม่ฟื้นอีกเลย”

โจวซิงพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขามองตรงไปที่จ้านเซิน แววตามีไฟลุกโชน

ราวกับว่าเขากำลังหยุดยั้งจ้านเซินไม่ให้ทำผิดต่อไปตามจรรยาบรรณของแพทย์ แต่จ้านเซินกลับไม่เชื่อ เอาแต่คิดว่า จะต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกันแอบแฝงอยู่

อย่างเช่น เสียงฝีเท้าของโจวซิงเมื่อกี้ เบากว่าคนทั่วไปมากอย่างเห็นได้ชัด

นั่นแปลว่าเขามีศิลปะการต่อสู้ หรือไม่ก็เคยได้รับการฝึกฝนมา

เปรียบเทียบกันแล้ว จ้านเซินเชื่อว่าความเป็นไปได้ของอย่างหลังนั้นมีมากกว่าหน่อย

ด้วยสายตาของจ้านเซินมองว่า บนตัวของโจวซิงมีความน่าสงสัยอยู่

เขาดูเหมือนเป็นหมอที่มีศีลธรรมสูงส่ง มีทักษะทางการแพทย์ กระทั่งเพื่อคนไข้แล้ว ไม่ลังเลที่จะละทิ้งความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ มีกำลังน้อยนิด แต่กล้าที่จะต่อต้านเขา

นี่ชัดเจนว่าไม่ใช่ทางที่คนฉลาดควรเลือก แท้จริงแล้วโจวซิงนั้นดีหรือไม่ดี บริสุทธิ์ซื่อตรงจริง หรือว่ามีแผนการอื่น จ้านเซินจะ—-ตรวจสอบให้ชัดเจน

เดิมทีจ้านเซินก็เป็นคนขี้ระแวงอยู่แล้ว ประสบการณ์หลายปีมานี้ ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อใจคนข้างกายแม้แต่คนเดียว มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะไม่ทรยศตัวเอง

โจวซิงไม่รู้ ว่าเขาถูกจ้านเซินสงสัยแล้ว

เขายังคงเล่นบทคุณหมอต่อไป “คุณจ้าน คุณฟังที่ผมพูดอยู่หรือเปล่า?”

จ้านเซินไม่พูดอะไรอยู่นาน เอาแต่จ้องไปที่ฉินซีไม่กระพริบตา โจวซิงอดไม่ได้ที่จะเรียกเตือนสติ

ครั้งนี้ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อมาหาเขา ก็เพื่อปกป้องฉินซี

ถ้าหากจ้านเซินหมายจะลงมือกับฉินซี งั้นเขาก็ได้แต่ต้องหาวิธีแอบพาฉินซีหนีไป ไม่งั้นฉินซีจะทรุดไปจริงๆ

“คุณหมอโจวผมเข้าใจที่คุณพูดแล้ว รบกวนคุณดูแลฉินซีด้วย”

จ้านเซินวางสายตาไว้บนตัวของโจวซิงอย่างเป็นกลาง เอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

เขายืนอยู่ตรงข้ามกับโจวซิง แต่เหมือนมีสิ่งลึกลับสีดำ ทำให้คนมองไม่ออกว่าในใจเขากำลังคิดอะไร

โจวซิงแม้ว่าจะเรียนเอกจิตวิทยา แต่กับจ้านเซินกลับไร้หนทาง

ผู้ชายคนนี้ผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาห่อหุ้มตัวเองไว้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะมีกำลังจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าเขา ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครมองเขาออก ยิ่งไม่ต้องหวัดจะงัดอะไรออกจากปากเขาได้

เดิมทีองค์กรต้องการฝึกฉินซีให้เป็นแบบนี้ แต่เพราะเร่งรีบเกินไป จึงทำให้ได้ผลตรงข้าม

โจวซิงเกลียดเวลาที่เขาพูดเหมือนหุ่นยนต์ น้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ แต่เขาก็ยังอดทนไว้ พยักหน้าอย่างเป็นมิตร “คุณจ้าน คุณเกรงใจเกินไปแล้ว”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท